อัพเดทสถิติ E-commerce ครึ่งแรกของปี 2020 – We Are Social

จากรายงาน Digital Stat 2020 ในช่วงครึ่งหลังของปีโดย We Are Social ผ่านไปแล้ว 3 ส่วนแรกนั่นก็คือ Overview ของครึ่งปีแรก สถิติข้อมูลการใช้งาน Facebook ในครึ่งปีแรก และข้อมูลภาพรวมของโซเชียลมีเดียอื่นๆ ในช่วงครึ่งปีแรก มาถึงส่วนที่ 4 ของรายงานฉบับนี้นั่นก็คือ E-Commerce หรือการช้อปปิ้งออนไลน์ของคนทั่วโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 ปีที่มนุษยชาติได้รู้จักกับ COVID-19 จนทำให้เราต้อง Social distancing ออกจากบ้านไม่ได้กันเป็นเดือนๆ ถ้วนหน้า ลองมาดูกันนะครับว่าพฤติกรรมการช้อปออนไลน์ของเราเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เอาไปปรับแผนการตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ได้ตรง Behavior และ Insight ยิ่งขึ้นครับ

ภาพรวม E-commerce ครึ่งแรกของปี 2020

น่าสนใจตรงที่ว่าตัวเลขการเข้าตรงไปยังเว็บไซต์ของร้านค้านั้นเพิ่งสูงกว่าการค้นหาสินค้าที่ต้องการซื้อประมาณ 10% ทั้งที่ตัวเลขนี้ถ้าเปรียบเทียบกับตัวเลขในทุกช่วงปีก่อนหน้าจะพบว่าอัตราการเข้าตรงไปยังเว็บไซต์ของร้านค้านั้นยังต่ำกว่าการค้นหาผ่าน Google ก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา

รวมไปถึงตัวเลขการช้อปปิ้งผ่านแอปก็สูงกว่า 2 ใน 3 ของคนที่ออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งบอกให้รู้ว่ายุคของแอปช้อปปิ้งนั้นกลายเป็นเรื่องปกติ หรือถ้าจะบอกว่าแทบทุกคนที่ออนไลน์ล้วนมีแอปช้อปปิ้งกันก็ไม่ผิดนักครับ

ดังนั้นถ้าคุณจะวาง E-commerce Strategy ให้คนมาเสิร์ชแล้วเจอสินค้าคุณอาจจะไม่เพียงพอ เพราะคุณต้องฟูมฟักช่องทางของตัวเองให้แข็งแรงมากพอได้แล้วในวันนี้ วันที่คนตรงเข้าเว็บช้อปปิ้งหรือแอปที่คุ้นเคยเลย โดยไม่จำเป็นต้องเสิร์ชหาผ่าน Google เป็นหลักอีกต่อไป

คนไทย 83% เคยซื้อของออนไลน์ในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

ข้อมูลหน้านี้ทำให้ผมรู้สึกชื้นใจแทนพ่อค้าแม่ขายออนไลน์ทุกคน เพราะบอกให้รู้ว่าคนไทยที่ออนไลน์แล้วกว่า 83% นั้นเคยซื้อของทางออนไลน์ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นถ้าสินค้าหรือบริการของคุณยังไม่พร้อมขายบนออนไลน์ ก็เท่ากับว่าคุณกำลังพลาดโอกาสมากมายในวันที่คนทุกภาค ทุกเพศ และทุกวัย ล้วนเคยช้อปออนไลน์กันทั้งนั้น

ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณ COVID-19 ที่เร่งให้การเติบโตของ E-commerce เป็นไปอย่างก้าวกระโดด จากเดิมที่เคยโตช้าๆ ปีต่อปี กลายเป็นแค่ไม่กี่เดือนก็โตพุ่งพรวดกันถ้วนหน้าไปแล้วครับ

71% ของคนไทยเคยซื้อของออนไลน์ผ่านมือถือ

ข้อมูลหน้าก่อนเป็นการช้อปออนไลน์หรือ E-commerce ทั้งหมด แต่พอเจาะลึกลงเหลือแค่ M-commerce หรือการช้อปปิ้งผ่านมือถือก็พบว่าตัวเลขไม่ได้ต่างกันมากนัก เพราะมีคนไทยที่ออนไลน์แล้วกว่า 71% เพิ่งจะซื้อของบนมือถือในรอบ 30 วันที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขนี้สูงเป็นอันดับสองของโลกจนน่าดีใจ ดังนั้นคำถามแรกที่นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจต้องตอบให้ได้คือ Customer Experience ของการช้อปปิ้งสินค้าหรือบริการของคุณบนมือถือนั้นดีเพียงพอกับหน้าจอเล็กๆ และอินเทอร์เน็ตที่อาจจะไม่ได้เร็วมากเท่ากับคอมพิวเตอร์แล้วหรือยัง

ถ้ายังรีบปรับปรุงด่วน เพราะคุณกำลังจะพลาดรถไฟสาย M-commerce จริงๆ

E-commerce ไทยโต 14% ในปีที่ผ่านมา

เมื่อดูในข้อมูลที่เป็นค่าเฉลี่ยของการเติบโตการซื้อขายบนออนไลน์หรือ E-commerce ทั้งหมดนั้นกลับพบว่าประเทศไทยโตเพิ่มขึ้นแค่ 14% จากปีก่อน ส่วนประเทศที่โตมากจนน่าตกใจคือ Argentina, Nigeria และ Turkey ที่โตแบบเลข 4X% จนน่าอิจฉา

แต่เมื่อดูจากลุ่มประเทศที่มีตัวเลขการเติบโตน้อยๆ นั้นก็เป็นกลุ่มประเทศที่ล้วนแต่พัฒนาแล้วเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นข้อมูลหน้านี้มองได้อีกด้านนึงคือหรือประเทศไทยจะช้อปออนไลน์กันจนเหลือช่องว่างให้โตน้อยแล้วกันแน่

Ecommerce ไทยมีสัดส่วนแค่ 2% เมื่อเทียบกับ Retail หรือออฟไลน์

จากตัวเลขสัดส่วนการใช้เงินออนไลน์และออฟไลน์เมื่อเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ จะเห็นว่าของคนไทยนั้นยังมีสัดส่วนการใช้เงินที่น้อยมาก คือมีแค่ 2% เท่านั้นเมื่อเทียบกับการไปใช้เงินที่หน้าร้าน Retail เมื่อดูจากตัวเลขของประเทศจีนจะเห็นว่าสูงสุดในโลก มีสัดส่วนอยู่ที่ 24% ตามมาด้วยอังกฤษ 19% ส่วนค่าเฉลี่ยโลกนั้นก็สูงถึง 16%

ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ คือสัดส่วนการใช้เงินจริงๆ บนออนไลน์ของคนไทยยังมีโอกาสโตอีกมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโลก คือยังโตได้อีก 8 เท่าเป็นอย่างน้อย คำถามสำคัญของนักการตลาดคือทำยังไงที่เราจะทำให้กลุ่มลูกค้าของเราหันมาใช้เงินบนออนไลน์กับเราให้มากขึ้นเหมือนที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศตามข้อมูลในหน้านี้

การซื้อของออนไลน์ของคนไทยเกิดขึ้นบนมือถือกว่า 53%

ตัวเลขนี้บอกให้รู้ว่าคนไทยนิยมช้อปปิ้งออนไลน์บนมือถือสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก ที่อยู่ที่ 50% ตัวเลขนี้ยิ่งตอกย้ำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องหันมาโฟกัสกับการสร้างประสบการณ์ E-commerce บนมือถือ หรือ M-commerce ที่ดีให้เหนือกว่าคู่แข่งให้ได้ เพราะในเมื่อคนไทยกว่าครึ่งนิยมช้อปกันบนมือถือ ถ้าเว็บคุณออกแบบมาไม่ดีกับหน้าจอเล็กๆ ที่มีขนาดแตกต่างกัน หรือถ้าเว็บคุณโหลดช้าเกินเน็ตที่อาจจะไม่ได้เร็งสูงทุกพื้นที่ ก็ทำใจไว้นะครับว่าผู้บริโภคยุคนี้เค้าไม่ค่อยอดทนกับอะไรเท่าไหร่นัก และนั่นก็หมายความว่าคุณกำลังเสียลูกค้าไปโดยที่ยากจะได้กลับคืนมาเป็นแน่ครับ

คนไทยช้อปออนไลน์ข้ามประเทศสูงถึง 49%

ถ้าใครเห็นตัวเลขนี้อาจจะตกใจและสงสัยว่าทำไมคนไทยถึงไปซื้อของนอกประเทศเยอะจัง ทั้งที่ของที่เราสั่งก็ดูเหมือนจะเป็นของคนไทยสินค้าไทยทั้งนั้นนิ

แต่รู้มั้ยครับว่าสินค้าหลายอย่างบน Marketplace ดังๆ ไม่ว่าจะ Lazada หรือ Shopee นั้นเป็นร้านค้าที่อยู่ในต่างประเทศโดยเฉพาะแผ่นดินจีนไม่น้อย แต่ด้วยระบบโปรแกรมแปลภาษาของ Marketplace เหล่านี้ที่สามารถทำได้ดีมาก ทำให้เราเผลอสั่งซื้อสินค้าหลายอย่างที่คิดว่าเป็นการสนับสนุนพ่อค้าแม่ขายไทยไปโดยไม่รู้ตัว

เชื่อมั้ยครับขนาดผมสั่งเสาอากาศทีวีดิจิทัลในช่วงโควิดไปก็พบว่า ร้านค้าส่วนใหญ่ที่เจอเป็นร้านค้าจากจีนทั้งนั้น แถมยังขายในราคาที่ถูกกว่าคนไทยด้วย!

เรียกได้ว่าถ้าไม่เผลอกดซื้อก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ทางออกที่พ่อค้าแม่ขายคนไทยต้องทำให้ได้คือสร้างสินค้าที่มีความแตกต่างจากสินค้าจีน ทำให้คนยอมที่จะจ่ายแพงกว่าด้วยความเต็มใจ ผมเชื่อว่าคนไทยทำได้แน่นอนครับ

คนไทยใช้บัตรเครดิจในการช้อปออนไลน์ 26% แล้ว

ข้อมูลหน้านี้ค่อนข้างมีความย้อนแย้งจากข้อมูลก่อนหน้าที่บอกให้รู้ว่าคนไทยมีแค่ 10% นิดๆ เท่านั้นที่เป็นเจ้าของบัตรเครดิต แต่ทีนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลหน้านี้รวมถึงระบบ E-payment ใหม่ๆ ที่ทำหน้าที่เสมือนบัตรเครดิตออนไลน์แบบจำลองหรือเปล่า ซึ่งถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไรจะเอามาอัพเดทให้ฟังกันใหม่อีกรอบครับ

คนไทยใช้ E-wallets ในการช้อปออนไลน์ถึง 24%

ข้อมูลนี้น่าสนใจบอกให้รู้ว่าระบบการจ่ายเงินด้วย E-wallets ต่างๆ ในบ้านเราเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นแล้ว จากการที่ผมเคยรีเสิร์ชมาก่อนหน้าก็จะพบว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา คนรุ่นใหม่ หรือที่เรียกว่า GEN Z ที่ใช้พวก E-wallets เป็นประจำ ทำให้บรรดาค่ายมือถือต่างๆ ก็พยายามเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดที่เกิดขึ้น สงคราม E-wallets น่าจะไม่จบง่ายๆ รอติดตามตอนต่อไปว่าสุดท้ายแล้วจะมีใครเป็นเจ้าตลาดในบ้านเรากันมั้ยนะครับ

ต่อให้โควิดจบไปคนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะช้อปออนไลน์

จากข้อมูลหน้านี้บอกให้รู้ว่าเมื่อทำการถามกลุ่มคนที่ช้อปออนไลน์ในช่วงวัยต่างๆ ไม่ว่าจะ Gen Z, Gen Y, Gen X, Silver age และ Baby boomer ก็พบว่าส่วนใหญ่แล้วเกือบครึ่งบอกว่าต่อให้โควิดจบก็จะยังช้อปออนไลน์ต่อไป เพราะตอนนี้พวกเขาเรียนรู้ว่าของบางอย่างไม่ต้องออกจากบ้านไปที่ร้านก็สามารถซื้อออนไลน์ได้

ดังนั้นคุณพร้อมที่จะให้ประสบการณ์การช้อปออนไลน์ที่ดีกับลูกค้าทุกกลุ่มวัยแล้วหรือยัง?

ผู้ชายเลือกที่จะช้อปออนไลน์ต่อหลังโควิดมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย

เมื่อลงลึกดูในรายละเอียดของกลุ่มอายุที่บอกว่าจะช้อปปิ้งออนไลน์ต่อมาดูแบบแยกเพศก็จะพบว่า มีสัดส่วนของผู้ชายที่ตอบมากกว่าในบางช่วงวัยแค่เล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไปทางที่ค่อนข้างเท่ากันหมด ดังนั้นการช้อปออนไลน์ไม่ใช่แค่เรื่องของเพศหญิงอย่างที่เคยเชื่อกันอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของความเท่าเทียมกันเรียบร้อยแล้วครับ

ผู้ชายบอกว่าจะเลือกใช้ Mobile payment ต่อในการช้อปออนไลน์

ข้อมูลหน้านี้เห็นชัดเจนว่าผู้ชายส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้การจ่ายเงินทาง Mobile payment ในการช้อปออนไลน์หลังโควิด19 ต่อไปมากกว่าผู้หญิงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นถ้าใครทำการจ่ายเงินด้วยมือถือ ก็อย่าลืมเข้าไปศึกษา Insight ของกลุ่มผู้ชายเป็นพิเศษนะครับว่าพวกเขาอยากได้โปรโมชั่นแบบไหน หรือต้องการ Offer อะไรที่จะทำให้พวกเขาเลือกคุณแทนที่จะเป็นคู่แข่ง

COVID-19 ทำให้คนเข้าเว็บช้อปปิ้งน้อยลง ใช้เวลาน้อยลง แต่ซื้อง่ายขึ้นและเยอะขึ้น

ข้อมูลหน้านี้น่าสนใจตรงที่บอกให้เรารู้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนโควิดมานั้นจะเห็นว่าอัตราการเข้าเว็บช้อปออนไลน์นั้นลดลงเล็กน้อย และระยะเวลาที่ใช้ในการช้อปออนไลน์ก็ลดลงเล็กน้อยด้วยเช่นกัน แต่ที่เพิ่มขึ้นกลับเป็นจำนวนการสั่งซื้อที่เกิดขึ้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 19.1% และจำนวน Conversion rate ในการซื้อสำเร็จที่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 21.6%

ดังนั้นบอกให้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้าเว็บช้อปปิ้งออนไลน์นั้นเข้ามาเพราะจะซื้อจริงๆ ไม่ได้เข้ามาเพื่อแค่เปรียบเทียบราคาก่อนจะเอาไปตัดสินใจซื้อหน้าร้านเหมือนแต่ก่อนครับ

การเข้าเว็บ E-commerce ทั่วโลกสูงสุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

จากกราฟดัชดีการเข้าเว็บ E-commerce เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดระบาดจนต้องปิดเมืองนั้นจะเห็นว่าตัวเลขทั่วโลกนั้นสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 29% และก็ค่อยๆ กลับลงมาถึงจุดเดิมหรืออาจจะต่ำกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อเริ่มเปิดเมืองแล้ว

แต่อัตราการซื้อของออนไลน์ที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้ลดลงเท่ากับ Traffic เท่าไหร่นัก

จากกราฟเส้น Traffic ที่พุ่งตรงเข้าสู่ E-commerce ก่อนหน้านี้จะเห็นว่าตกลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อการปิดเมืองเริ่มคลาย แต่กับจำนวนการซื้อขายที่เกิดขึ้นหรือ Transaction นั้นไม่ได้ลดลงตามไปด้วยเท่าไหร่นัก ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับธุรกิจบนออนไลน์ ลองเอาข้อมูลนี้ไปเปรียบเทียบดูกับธุรกิจตัวเองดูนะครับว่าการขายบนออนไลน์ที่เกิดขึ้นของเราสูงหรือต่ำกว่าเส้นนี้ครับ

Conversion Rate E-Commerce หลังโควิดดีกว่าเดิมมาก

ยิ่งกราฟในส่วนของ Conversion Rate ของ E-commerce ทั่วโลกนั่นยิ่งดีกว่าที่คาดมากครับ เพราะเมื่อเทียบกับทุกเส้นก่อนหน้าจะเห็นว่ามีแต่เพิ่มสูงขึ้นไม่มีตกลงเลย ซึ่งก็น่าจะมาจากพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อสินค้าบนออนไลน์ที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก จากเดิมเอาอาจเอาไว้เช็คเปรียบเทียบราคา แต่พอรู้ว่าซื้ออนไลน์ก็ได้แถมยังสะดวกสบายง่ายไม่แพ้กัน ก็น่าจะทำให้แม้การเข้าเว็บจะกลับไปเท่าเดิม แต่การเข้ามาแล้วตัดสินใจซื้อเลยดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

COVID-19 กระทบ Traffic ธุรกิจใดบ้างบน E-commerce

ข้อมูลหน้านี้ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากครับ เพราะมันทำให้เราเห็นเปรียบเทียบชัดๆ ทีละอุตสาหกรรมเลยว่า Traffic ของธุรกิจไหนบ้างที่เพิ่มขึ้นและดรอปลงบ้างในช่วง COVID-19

จะเห็นว่าธุรกิจ Media, Healthcare และ Tourism ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนก็หนีไม่พ้นซูเปอร์มาร์เก็ต อุปกรณ์กีฬา(อยู่บ้านไม่รู้จะทำอะไรดี) ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์เพราะต้องเริ่ม Work from home จริงจัง ถัดมาคือธนาคาร เครื่องสำอาง เครื่องประดับและนาฬิกาตามลำดับครับ

Sports Equipment – Traffic เพิ่มขึ้นเบอร์สอง แต่กลับมียอด Transaction เพิ่มขึ้นเป็นเบอร์หนึ่ง

ไม่น่าเชื่อนะครับว่าแชมป์ด้าน E-commerce ในช่วโควิด19 จากทั่วโลกจะกลายเป็นสินค้าในหมวดหมู่เครื่องกีฬา ซึ่งพอมาคิดๆ ดูเราก็เห็นเทรนด์การออกกำลังกายอยู่บ้านมากมาย ส่วนตัวผมยังจัดทั้งเสื่อโยคะ ทั้งลู่วิ่งไฟฟ้า และก็ตามเทรนด์บ้านเราที่เคยคุยกับคุณเมฆ My Cloud FulFillment มาก็พบว่าอุปกรณ์กีฬาขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในช่วงกักตัวอยู่บ้านเช่นเดียวกัน

นั่นก็เพราะพออยู่บ้านเราก็ต้องหากิจกรรมทำ และหนึ่งในกิจกรรมที่คนรู้สึกว่าอยากทำก็คือการออกกำลังกายแม้จะอยู่แต่ในบ้านนั่นเองครับ

และทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลอัพเดทนเทรด์ E-commerce ในช่วง COVID-19 ที่เป็นข้อมูลครึ่งแรกของปี 2020 นั่นเอง

แต่การอัพเดทก็ยังไม่หมดแค่นี้ ขอปิดท้ายรายงานฉบับนี้อีกนิดด้วยข้อมูลในส่วนของการลงโฆษณาหรือ Advertising ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านต่อกันอีกนิดพร้อมกันเลยครับ

ช่องทางในการรู้จักแบรนด์ใหม่ยังคงเป็น Search แต่ตามมาติดๆ ด้วย TV

ข้อมูลล่าสุดบอกให้รู้ว่าการรู้จักแบรนด์ใหม่ๆ ของคนในวันนี้ยังคงเป็นการเสิร์ชหาอะไรสักอย่างผ่าน Google แต่ตามมาติดๆ ด้วย TV ดังนั้นใครที่บอกว่าคนไม่ดู TV แล้ว อยากให้ลองดูข้อมูลหน้านี้ประกับการตัดสินใจอีกนิดนะครับ

และก็ตามมาด้วย Word-of-mouth ซึ่งเป็นอะไรที่เบสิคที่สุดของมนุษยชาติก็ว่าได้ ที่พอเราเจออะไรดีๆ ก็มักจะอยากบอกต่อ แล้วถึงตามมาด้วยโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย ถัดมาค่อยเป็นการเข้าตรงไปยังเว็บของแบรนด์ แล้วค่อยเป็นโฆษณาบนเว็บไซต์ที่ยากจะทำให้เราจำได้เหลือเกิน

การตลาดบนดิจิทัลกลับไม่โตทันพฤติกรรม New Normal ขนาดนั้น

จากข้อมูลจะเห็นว่าโดยเฉลี่ยแล้วแต่ละประเทศการใช้เงินกับการตลาดดิจิทัลกลับโตแค่ 2.4% เท่านั้นเอง จะมีสูงสุดก็แค่ Colombia ที่เพิ่มขึ้นกว่า 11.2% ในช่วงโควิด19 ส่วนที่เหลือ 5.9 ลงไปเรื่อยๆ จนถึง 2 หน่อยๆ เท่านั้นเองครับ

ข้อมูลนี้บอกให้รู้ว่านักการตลาดส่วนใหญ่ยังคงลังเลใจว่าควรจะไปออนไลน์ทันทีหรือมากน้อยกว่าเดิมแค่ไหน ทั้งที่จากข้อมูลทั้งหมดที่เป็น Consumer Behavior ในช่วง COVID-19 ก็เผยให้เห็นชัดว่า ผู้คนแห่กันไปอยู่บนออนไลน์กันถ้วนหน้า ทั้งการใช้เวลาและการใช้เงิน ดังนั้นคราวหน้าถ้าเกิดเหตุแบบนี้อีกแบรนด์ไหนยังไม่พร้อมลุยออนไลน์ให้มากขึ้นก็ถือว่าน่าเสียดายที่จะเปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสมากๆ ครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลอัพเดทล่าสุดจาก We Are Social ถึง Digital Stat 2020 ในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อให้นักการตลาดอย่างเราเอาไปปรับใช้กับแผนการตลาดครึ่งหลังของปี 2020 นี้

แม้ตอนนี้โควิด19 จะเริ่มซาลงในบ้านเรา แต่ก็อย่าประมาทนะครับเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ และจากข้อมูลทั้งหมดก็บอกให้รู้ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยไปออนไลน์กันหมดแล้ว โดยเฉพาะในด้านการซื้อของออนไลน์ทุกประเภท คำถามสำคัญคือ คุณโฟกัสกับการใช้ช่องทางดิจิทัลได้เท่ากับที่ลูกค้าคุณใช้หาสินค้าหรือบริการแล้วหรือยัง

อ่านบทความสรุป Digital Stat 2020 ตอนที่ 1 ภาพรวมบนโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนไปเพราะ COVID-19 > https://www.everydaymarketing.co/trend-insight/digital-2020-we-are-social-trends-after-covid19/

อ่านบทความสรุป Digital Stat 2020 ตอนที่ 2 ภาพรวมของ Facebook ที่เปลี่ยนไปเพราะ COVID-19 > https://www.everydaymarketing.co/knowledge/facebook-trends-digital-2020-we-are-social-covid-19/

อ่านบทความสรุป Digital Stat 2020 ตอนที่ 3 ข้อมูลสถิติการใช้งาน Social media อื่นๆ อย่าง TikTok Twitter หรือ Instagram ในช่วง COVID-19 > https://www.everydaymarketing.co/trend-insight/update-digital-stat-instagram-twitter-tiktok-wechat-2020-after-covid19-we-are-social/

Source > https://wearesocial.com/blog/2020/07/digital-use-around-the-world-in-july-2020