รายงาน Consumer Insights การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค จากข้อมูล Fairtrade
วันนี้ปลื้มจะมาเล่า Consumer Insights จากรายงานของ Fairtrade America เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้บริโภคใช้วัดใน การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยมี 3 ประเด็นหลักๆ ที่ผู้บริโภคเรียกร้อง เพื่อให้นักการตลาดสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ในการสร้างกลยุทธ์การตลาดต่อไปในอนาคตค่ะ
ก่อนอื่นปลื้มขอพูดถึง Fairtrade ก่อนแล้วกันค่ะ เพราะหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Fairtrade คืออะไร? มันคือเครื่องหมายการค้า ที่แสดงถึงระบบการค้าที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนความยุติธรรมในการค้า ทั้งยังสนับสนุนมาตรฐานสากลในเรื่อง แรงงาน สิ่งแวดล้อม และสังคม สำหรับสินค้าและบริการ โดยเฉพาะในประเทศกาลังพัฒนาที่ผลิตสินค้าทั้งใช้เองในประเทศ และ ส่งออก ให้ได้รับความเป็นธรรมในราคาสินค้าค่ะ
โดยตั้งแต่ปี 2019 โลโก้ของ Fairtrade International ได้สร้างการจดจำเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ตามข้อมูล ในรายงานของ Fairtrade America เขาได้ทำแบบสำรวจเกี่ยวกับแบรนด์ผู้บริโภคของ Fairtrade ใน 15 ตลาด จากสำรวจผู้บริโภคออนไลน์จำนวน 2,387 คน พบว่าผู้ซื้อในสหรัฐฯ ยอมรับเครื่องหมายการค้าของ Fairtrade ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 41% (2021 GlobeScan) จึงทำให้เห็นว่าผู้บริโภคพร้อมแล้วที่จะสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและโลกใบนี้ค่ะ ดังนั้นเรามาดู Consumer Insights ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจกันเลยดีกว่าค่ะ
ผู้บริโภคเรียกร้องสิทธิมนุษยชน
นอกเหนือจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ผู้บริโภคก็เริ่มกังวลเรื่องสิทธิมนุษยชนและค่าแรงที่เป็นธรรมของคนผู้ผลิตต้นทางมากขึ้นเรื่อยๆ จากการรายงานปี 2021 73% ของผู้ซื้อ Fairtrade เต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเกษตรกรและผู้ผลิตจะได้รับเงินในราคาที่ยุติธรรม โดยเห็นได้ชัดจากการซื้อกาแฟ Fairtrade เพิ่มขึ้น 35% ต่อปอนด์ รวมถึงช็อกโกแลต Fairtrade ก็เพิ่มขึ้น 30% ต่อบาร์ เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้เหล่าผู้บริโภคของ Fairtrade ยอมรับว่าเวลาที่เขาซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก Fairtrade นั้น พวกเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่ลุกขึ้นยืนเพื่อปกป้องความเป็นธรรมและความยุติธรรมในสังคมค่ะ
ซึ่งนักการตลาดสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับแบรนด์ของเราได้ โดยการสร้างจุดยืนเกี่ยวกับการให้คุณค่ากับผู้ผลิตต้นทางอย่างเกษตรกร ชาวไร่ และชาวสวน เป็นต้น หรือทำ CRM/CSR ที่มุ่งสู่ชุมชนมากขึ้น เพื่อภาพลักษณ์และวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถสร้างความยั่งยืนของแบรนด์ได้อีกด้วยค่ะ
ชอปปิงออนไลน์แบบชาญฉลาด
ในขณะที่โลกกำลังกลับมาเปิดมาอีกอย่างช้าๆ ท่ามกลางโรคระบาดครั้งใหญ่ เกิดเป็นผลทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น จากข้อมูล Digital Commerce 360 บอกว่า มีการใช้จ่าย E-Commerce เพิ่มขึ้นถึง 32.45% ในปี 2020 และมีแนวโน้มที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องต่อไปในปี 2022 การคาดการณ์ของ Fairtrade ค่ะ
Fairtrade เขาพยายามจะบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่เป็นดิจิทัลนี้จะทำให้ผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบสินค้าได้ง่ายขึ้นและผู้บริโภคก็มักจะตรวจสอบเครื่องหมายรับรองเพื่อความสบายใจในการซื้อด้วยเหมือนกัน คงจะเหมือนกับที่เราซื้อเลือกตู้เย็น จากตราประหยัดไฟเบอร์ 5 นั่นเองละมั้งคะ
ซึ่ง Fairtrade เองก็ได้ร่วมในโครงการ Climate Pledge Friendly ของ Amazon ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและยุโรป และ Amazon เปิดโครงการนี้ขึ้นมาด้วยสาเหตุที่ว่าผู้คนกำลังค้นหาทางเลือกที่ยั่งยืนในชีวิตประจำวันของตัวเองมากขึ้น ดังนั้นจากข้อมูลนี้ทำให้เราเห็นว่า Insights ที่ Fairtrade รายงานก็สอดคล้องกับสิ่งที่ Amazon ได้เริ่มทำ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าสินค้าที่เขานำมาขายนั้นได้เครื่องหมายการค้ารับรองจะองค์กรที่เกี่ยวข้องจริงๆ
นักการตลาด สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์สินค้าเราได้อีกขั้นจากเครื่องหมายการค้าที่รับรองสินค้าของเราว่าปลอดภัย ถูกต้อง โปร่งใส ปลื้มเองก็มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลดีต่อแบรนด์ด้วย เพราะมันสามารถลดคำถามที่ลูกค้าสงสัยไปได้เยอะมากค่ะ และยังเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นให้กับแบรนด์ของเราด้วย
ต้องการความโปร่งใสของแบรนด์
อย่างไรแล้วผู้บริโภค ก็คงไม่ต้องการให้ใครมาเอาเปรียบจริงไหมคะ ซึ่งมีผลสำรวจของ Zeno Group พบว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีจุดประสงค์ที่มีความยั่งยืน ถึง 6 เท่า และบวกกับข้อมูลของ IBM Research Insights ที่บอกว่า 71% ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับ หรือ Traceability เพื่อให้การติดตามแหล่งที่มาของสินค้าเป็นไปได้เร็วขึ้น และยินดีที่จะจ่ายเบี้ยประกันภัยสำหรับแบรนด์ที่ให้บริการอีกด้วย
นี่หมายความว่าแบรนด์ต่างๆ มีโอกาสที่จะดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ รวมถึงรักษาลูกค้าเก่าที่มีอยู่ได้โดยการส่งเสริมเรื่องความโปร่งใสอย่างแท้จริง และทำการสื่อสารออกไปเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงความตั้งใจที่ดีของแบรนด์ ทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้แบรนด์อื่นๆ ให้มีอุดมการณ์ที่ถูกต้อง เพราะเรื่องความโปร่งใสมันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนและโลกใบนี้มากๆ ค่ะ
สุดท้ายนี้ Consumer Insights จากรายงานของ Fairtrade ทำให้เห็นว่า การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ในตอนนี้ เขาค่อนข้างที่จะเลือกแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีความเป็นธรรม โปร่งใส ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชุมชน เป็นอย่างมาก เนื่องจากวิกฤตโรคระบาดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น และภัยธรรมชาติภาวะโลกร้อนที่มีมาอย่างต่อเนื่อง มันทำให้พวกเขาต้องระวังตัว ใส่ใจตัวเองและสิ่งรอบข้างมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเองค่ะ
สำหรับนักการตลาดที่อยากให้ปลื้มมาอัปเดต Trends & Insights แบบนี้อีกสามารถกดติดตามเพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนไว้ได้เลยค่ะ
thank you