Brand Storytelling 101 : แบรนด์ไม่ใช่ฮีโร่ แต่ลูกค้าของคุณคือฮีโร่

Brand Storytelling 101 : แบรนด์ไม่ใช่ฮีโร่ แต่ลูกค้าของคุณคือฮีโร่

ฟังแล้วดูรู้สึกแปลกๆ หน่อยไหมล่ะครับ กับคำว่าแบรนด์ไม่ใช่ฮีโร่ แต่ลูกค้าคือฮีโร่ เพราะแต่ไหนแต่ไร เราคุ้นเคยกับที่แบรนด์ทำโฆษณาออกมามากมาย ที่ช่วยทำให้ลูกค้าสวยขึ้น ผอมขึ้น เท่ขึ้น มี Social status ดีขึ้น ฯลฯ ที่เขียนมาข้างต้น ไม่มีอะไรผิดครับ เพราะนั่นคือสูตรสำเร็จที่แบรนด์ใช้กันมา และมันเป็นสิ่งที่พิสูจน์มาได้แล้วมากมาย

แต่ทำไมผมถึงมาเขียนแบบนี้รู้ไหมครับ เพราะในวันนี้ กับเมื่อวานนี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมอยากให้คุณ (Brand) ลองเปลี่ยน Mind set จากตัวคุณเอง เป็นฮีโร่ เป็นให้ลูกค้าคือฮีโร่แทน อาจจะทำให้แบรนด์ของคุณประสบความสำเร็จมากขึ้นได้ เพราะยุคนี้ แบรนด์ไม่ได้ขาย Product/ Service เป็น Funnel กรวยคว่ำ ที่มีวิธีคิดเป็น Process อย่างการทำการตลาดรูปแบบเดิมอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว

แต่จะให้ดีกว่านั้น มันมีอีกสิ่งที่สำคัญคือ Storytelling และ Customer Experience ที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และทำให้เกิด Brand Admiration (ทำให้ลูกค้ารักแบรนด์ของคุณ) มากขึ้น ซึ่งเป็น Goal ของแบรนด์ที่ยั่งยืนนั่นเอง 

Storytelling นี่แหละมันคือตัวที่ช่วยสร้างให้แบรนด์ของคุณให้แข็งแรงขึ้นในวันพรุ่งนี้ หากคุณขายสินค้า เพื่อแก้ปัญหาให้กับลูกค้า Donald Miller แนะนำได้ดีมากครับ เขาบอกว่า ให้แบรนด์ลองเปลี่ยนมุมมองจากแบรนด์คือฮีโร่ กลายเป็นผู้แนะนำ แล้ว Position ลูกค้าของคุณเองคือฮีโร่ เหมือนกับลูกค้าคุณคือ Luke Skywalker และแบรนด์คือ Yoda ที่คอยแนะนำทางผ่าน Product, Service หรือความเชี่ยวชาญที่คุณมีให้ลูกค้า เพื่อช่วยแก้ปัญหาของเขาได้

ผมชวนให้คุณนึกภาพตามต่อ สมมุติว่าหากคุณคือผลิตภัณฑ์ Robot ที่ช่วยทำความสะอาดบ้าน อย่ามัวแต่เล่าเรื่องเกี่ยวกับ Feauture ในผลิตภัณฑ์ของคุณ (ที่คนอื่นก็มีเหมือนกัน) คุณก็จะกลายเป็นเพียงแค่ Me-too brand ที่ลูกค้าสามารถ Switch ไปได้ทุกมั่ว แต่อยากให้คุณลองเล่าเรื่องที่จะทำให้ลูกค้าของคุณประหยัดเวลา ประหยัดแรง หลังจากที่พวกเขากลับมาหลังเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน หรือ ช่วยให้พวกเขาได้ใช้เวลากับลูกๆ ของเขามากขึ้น หรือมี Productivity ไปทำสิ่งที่พวกเขาชอบได้มากขึ้น จากการใช้ Product ของคุณ มันจะทำให้มุมมองของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ของคุณเปลี่ยนไป

หรือหากแบรนด์ของคุณเป็นผลิตภัณฑ์เป็นห้องน้ำพกพา อย่าเพียงแต่เล่าว่า ผลิตภัณฑ์ของคุณสามารถซึมซับของเหลวได้เร็วเพียงใด หรือออกแบบมาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะเพียงอย่างเดียว แต่ควรเล่าเรื่องสิ่งที่ลูกค้าของคุณสามารถเอาชนะสิ่งที่กีดขวางตัวเขาเองได้ ทำให้เขารู้สึกทลายข้อจำกัด ทำให้เขาสามารถท่องเที่ยวได้มากขึ้น ไปได้ไกลขึ้น มั่นใจมากขึ้น และรู้สึกเท่าเทียมไม่แพ้ผู้ชาย (Gender equality) นั้นอาจจะทำให้ลูกค้ามองคุณว่า คุณคือพวกเดียวกับเขา เป็นแบรนด์ที่เข้าใจพวกเขา

ซึ่งตัวอย่างของ Storytelling ทั้ง 2 เรื่องนี้ มันคือ Brand Purpose ของคุณ มันคือการ Empower ให้กับลูกค้าของคุณ มันคือการ Take side ให้กับฮีโร่ในเรื่องนั้นๆ นั่นคือลูกค้าของคุณเอง

เพราะในชีวิตจริง มนุษย์ทุกคนมีสิ่งที่ต้องการจะทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น สิ่งที่ต้องการแก้ปัญหาของพวกเขาเอง

ทำให้เป็นเรื่องสำคัญที่แบรนด์จะต้องกำหนดสิ่งที่ลูกค้าของเราต้องการแก้ปัญหาให้ถูกจุด เพราะเมื่อใดที่แบรนด์ หา Gap เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่ลูกค้าต้องการแล้ว แบรนด์ของคุณจะสามารถเข้ามาอยู่ในใจลูกค้าได้มากขึ้นนั่นเอง มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่า แบรนด์ของคุณกำลังเสนอสิ่งที่ลูกค้าของคุณไม่ต้องการ เป็น Me-too brand ที่ไม่ได้ต่างอะไรจากคู่แข่ง และเสียโอกาสนั้นไป

แต่เมื่อคุณสื่อสารสิ่งที่ลูกค้าของคุณต้องการ และสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจได้อย่างง่ายดาย Story ของแบรนด์คุณ

จะถูกอ้าแขนรับโดยลูกค้า และพวกเขาอยากจะฟังเรื่องของแบรนด์คุณต่อไป และทำให้พวกเขาเป็น Brand Evangelis ให้กับคุณ ในวันนี้มันไม่ใช่ยุคที่ทำโฆษณา Internet film แล้วหวังให้ Go viral เพียงอย่างเดียว

พื้นฐานทุกอย่างนั้น เพื่อสร้าง Brand ให้ยั่งยืน มีหลากหลายสิ่งที่เป็นปัจจัยที่ทำให้แบรนด์แข็งแรงขึ้น ซึ่งผมจะมาเขียนในบทความต่อไป แต่พื้นฐานในการทำแบรนด์ที่แข็งแรงนั้นทำอย่างไร ผมอยากให้เริ่มต้นจากการอ่านประโยคข้างล่างนี้ดูครับ

Product ที่ดี นั้นสร้าง Customer Experience ที่ดี
Customer Experience ที่ดี สร้าง Story ความไว้วางใจ และชื่อเสียงในแบรนด์ของคุณ 
Story ความไว้วางใจ และชื่อเสียงของแบรนด์คุณ ช่วยสร้างแบรนด์
ยิ่งมีลูกค้าที่วางใจในแบรนด์ของคุณมากเท่าไหร่ Brand Evengelist ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
และนั่นจะทำให้แบรนด์ของคุณแข็งแรง และยั่งยืน
แล้วอย่าลืมสิ่งที่สำคัญ แบรนด์ไม่ใช่ฮีโร่ แต่ควร treat ลูกค้าของคุณคือฮีโร่

นี่คือ 1 Step ในการทำ Storytelling ที่อยากจะมาเล่าในวันนี้ครับ มีอีกหลาย Step ที่จะทำให้แบรนด์ของคุณแข็งแรงขึ้นต่อไป ไว้ติดตามอ่านต่อในคราวหน้าครับ

อ่านบทความเรื่อง Brand Storytelling ต่อ > https://www.everydaymarketing.co/business/retail/sensory-experiences-for-branding/

เรื่องโดย Kritpesit Janwaowam

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน