“เสียง” คืออนาคตของ Social Media

“เสียง” คืออนาคตของ Social Media

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Social Media มีผลกระทบกับชีวิตของมนุษย์โลกในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่งแทบจะในทุกๆ ด้าน ทั้งการติดตามข่าวสาร, การจับจ่ายใช้สอย, ความบันเทิง, การติดต่อกับผู้คนที่รู้จัก และคนที่เราอยากรู้จักด้วย 

และยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างยิ่งของ Brand ต่างๆ ในการ PR brand และนำเสนอขายสินค้า/ บริการ ผ่านใน Social Media ของตัวเอง และผ่าน KOL/ Influencer ต่างๆ

เปิดโลกผ่านมิติแห่งเสียง

เมื่อต้นปี 2021 นี้ คนไทย และชาวโลกก็ได้รู้จักกับ Audio Social Media อย่าง Clubhouse เป็นครั้งแรก และเหมือนเป็นการเปิดจักรวาลใหม่ให้เราได้เห็นว่า Concept ที่ใช้ “เสียง” นำ ใน Social Media เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ และตอบโจทย์หลายๆ อย่างให้กับมนุษย์ในโลกยุคนี้

แต่ Clubhouse ไม่ใช่ Audio Social Media Platform เดียวที่มีในโลกนี้นะครับ ปัจจุบันมี Audio Social Media มากกว่า 36 platform เข้าไปแล้ว ซึ่งนั่นก็รวมถึงยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม Social Media อย่าง Twitter ที่ก็ได้ launch ตัว Spaces ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วน Facebook เองก็กำลังเตรียมที่จะปล่อยการให้บริการทางด้านนี้ด้วย รวมไปถึง LinkedIn ก็เตรียมที่จะ launch ตัว platform ด้าน Audio Social Media ของตัวเองด้วยเช่นกัน 

และที่มากไปกว่านั้นก็คือ มีอีกหลาย platform ที่ในปัจจุบันก็ได้ทำการเปิดตัวและใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็มีทั้ง Discord , Cappuccino และ Swell ด้วย 

ความโดดเด่นที่เหนือกว่าของ Audio Social Media

จุดเด่นของ Audio Social Media คือความ real ซึ่งเป็นจุดที่ Social Media อื่นๆ อาจจะไม่โดดเด่นเท่า และถึงแม้ว่าเราจะดู Twitter Instagram หรือ Facebook ของคนดังหรือของแบรนด์ก็ตาม แต่เราไม่สามารถทราบได้จริงๆ ว่า คนดังคนนั้น เป็นคนโพสต์ status เหล่านั้นด้วยตัวเองหรือเปล่า หรือเป็นทีมงานกันแน่ 

แต่ถ้าเป็นใน Audio Social Media อย่าง Clubhouse และอื่นๆ เราจะได้ยินเสียงของเขาจริงๆ ซึ่งจะทำให้เราทราบเลยว่าเป็นคนคนนั้นจริงหรือเปล่า นอกจากนี้เรายังจะสามารถรับรู้ได้ถึงความคิดของเขา และอารมณ์ของเขาจริงๆ แม้จะไม่เห็นหน้าก็ตาม ซึ่งอันนี้เป็นจุดเด่นมากที่สุดอย่างหนึ่งของ Audio Social Media 

1. แหล่งรวมคนดังหาตัวจับยาก

อย่างช่วงแรกๆที่ Clubhouse เป็นที่นิยมขึ้นมาในไทย ช่วงนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่เข้าไปห้องไหนก็เจอคนดังเต็มไปหมด ผมจำได้ว่ามีรายการของ The Secret Sauce มาทำ Clubhouse Session แรก อันนั้นเรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวคนดังระดับพระกาฬ ไม่ว่าจะเป็น คุณเคน นครินทร์, คุณสุทธิชัย หยุ่น, น้าเน็ก, ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม, พี่วู้ดดี้, พี่หนุ่ย แบไต๋ และก็อีกหลายๆ คน

 ซึ่งเราไม่สามารถเจอรายการไหน หรือแม้กระทั่งงานสัมมนาหรือ Event ใดๆ ก็ตาม ที่จะสามารถรวมตัว Celebrity คนดังจากหลากหลายวงการให้มาอยู่ใน Session เดียวกันแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ Clubhouse สามารถพุ่งทะยานขึ้นมาได้ในช่วงนั้น 

โดยในปัจจุบัน Clubhouse มีผู้ใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคน ไปแล้ว ถึงแม้ความนิยมจะไม่ตูมตาม แต่ก็ยังมีฐานผู้ใช้ที่เหนียวแน่น แม้จะไม่เยอะเท่าในช่วงแรกก็ตาม เหตุผลหลักๆที่ทำให้ Audio Social Media กำลังก้าวขึ้นมาสร้างบทบาท ในโลกของเรา หลักๆก็เกิดมาจากการที่มันเป็น Interactive Real Time ซึ่งมันแตกต่างจาก podcast ที่เป็นการบันทึกแล้วนำมาเผยแพร่ แต่อันนี้เป็นเหมือน session podcast ที่เกิดขึ้นจริงๆสดๆ และสามารถ engage ผู้ฟังให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ 

2. สามารถรับ feedback ได้ทันที

จุดเด่นข้อที่ 2 ของ Audio Social Media ก็คือ การที่เราสามารถรับ feedback ได้ทันที และเป็นแบบเชิงลึก หากแบรนด์ launch สินค้าและบริการออกมาใหม่ เราสามารถที่จะรับฟัง feedback ได้ทันที โดยที่มีจุดเด่นแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นตรงที่สามารถรับฟัง feedback เชิงลึกคล้าย Focus Group ได้ 

3. ตัวช่วยดึงคนเข้า Platform

สำหรับจุดเด่นข้อที่ 3 อีกอย่างหนึ่งก็คือ สามารถที่จะ generate leads เพื่อดึง traffic เข้า platform ของ brand โดยการใส่ลิงค์ไว้ที่ BIO ใน Clubhouse และให้เข้าถึง Free Resource ใน website เราได้

ในส่วนของคำแนะนำสำหรับแบรนด์ที่ต้องการที่จะใช้ Audio Social Media ในการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย สิ่งสำคัญก็คือ ต้องเน้น Engage กับผู้ฟัง โดยหมั่นทบทวนและคอยทักทายผู้ฟังที่มีการเข้าออกอยู่เป็นประจำ คอยทบทวนเนื้อหาที่พูด เพื่อให้คนที่พึ่งเข้ามาฟังใหม่เข้าใจว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรและมีเนื้อหาเป็นยังไงบ้าง 

จุดสำคัญอีกอย่างนึงที่ควรนำมาใช้ในการทำ Content ใน Audio Social Media คือใช้ความ Real นำ

เพราะถ้าไม่ Real เมื่อไร อาจจะโดน Backfire กลายเป็นผลเสียกับ Brand ได้

“คุณภาพเสียง” พระเอกตัวจริงในการสื่อสาร 

ด้วยความที่ “เสียง” เป็น “พระเอก” หลักในการสื่อสารทาง Audio Social Media อีกเรื่องนึงที่โคตรจะสำคัญคือ “คุณภาพเสียง” 

ซึ่งคุณภาพเสียงที่ดีจะไม่สามารถเกิดขึ้นจากไมค์ที่ Built in ติดมากับมือถือได้ แม้กระทั่ง Smalltalk ก็มีข้อจำกัดเรื่องคุณภาพเสียง

ดังนั้นเราจึงควรที่จะลงทุนซักเล็กน้อยในงบประมาณแค่พันกว่าบาทก็สามารถเข้าถึงไมค์คุณภาพที่ดีพอในการใช้งานกับมือถือได้แล้ว 

ต้นทุนในการทำ Content ที่เป็นเสียงนั้นมีต้นทุนที่ต่ำเมื่อเทียบกับรูปแบบ Content อย่าง VDO และ Live Streaming จึงเป็นอีกข้อดีของ Audio Social Media

—- 

สำหรับใครที่อยากเลือกไมค์สำหรับไปใช้ทำ Content ใน Audio Social Media หรือ Podcast สามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ที่ ProPlugin.com เลยนะคร้าบบ

—-

การทำการตลาดด้วย Audio Social Media

สำหรับวิธีที่แบรนด์ใช้ Audio Social Media ก็มีหลายวิธีที่เราสามารถเลือกใช้ในการทำตลาดได้ 

1. ฺBrand Sponsorship ใน content ที่สนับสนุนโดย brand 

2. Display ADS ในปัจจุบัน Clubhouse ยังไม่มี Ads แต่อย่างใด แต่คาดว่าในอนาคตการ Display Ads ก็จะเป็นหนึ่งใน Revenue Stream ของ Content Creator ใน Audio Social Media ได้ทั้งแบบ Text และ VDO

3. แบ่งปันประสบการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้ผู้บริหาร หรือทีมงานซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน มาให้ความรู้และแนะนำต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในนามของ Brand 

ในปัจจุบันแม้จะมี Social Media ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย และ Brands คงไม่สามารถที่จะทำการตลาดได้ในทุกช่องทางพร้อมกัน แต่การเลือกที่จะ Focus การตลาดมาที่ Platform ใหม่ๆที่กำลังมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วที่เป็น Blue Ocean จะช่วยให้ Brand มีต้นทุนในการทำตลาดไปที่กลุ่มเป้าหมายในงบที่ไม่สูงเหมือนตอน Tiktok เป็นที่นิยมขึ้นมาในโลก Online

มี ROI ที่ดีกว่าการทุ่มงบการตลาดไปที่ Platform ที่ต้นทุนค่าโฆษณาสูงขึ้นเรื่อยๆอย่าง Facebook แถมตอนนี้ก็โดนเรื่อง Privacy issue เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนส่งผลกระทบต่อการเข้าถึง

ถ้าไม่อยากตกรถขบวนถัดไป เวลานี้อาจจะเป็นเวลาที่ดีในการเริ่มต้นเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการใช้ “เสียง” ในการทำตลาดบน Audio Social Media 🎤

การตลาดวันละตอน

การตลาดวันละตอน เว็บรวมความรู้การตลาดด้าน Data และ Personalization

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน