สรุป 7 Color Trends 2023 รวมเทรนด์สีปีหน้า จากรายงาน TCDC
สรุปเทรนด์สีปี 2023 หรือ 7 Color Trends ปีหน้าจากงานรายเจาะเทรนด์โลก TCDC ที่การตลาดวันละตอนทำเป็นประจำทุกปี มาปีนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเทรนด์การใช้สีของผู้คน สินค้า และแบรนด์ต่างๆ น่าจะไปในทิศทางไหน แต่ละสีมี Insight มาจากอะไร ใครที่กำลังคิดจะออกสินค้าหรือบริการใหม่ ลองเอาไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองดูนะครับ
คอนเซปภาพรวม 7 Colur Trends 2023 เทรนด์สีปีหน้า
จากปีแห่งความสิ้นหวัง มาสู่ปีแห่งการเริ่มมีความหวัง จากสภาพสถานการณ์โลกที่ดูย่ำแย่สองปีที่ผ่านมา ปี 2020 เราเจอะการแพร่ระบาดของเจ้าเชื้อไวรัสโควิดครั้งแรก จนทำให้เราทุกคนล้วนต้องล็อกดาวน์อยู่บ้านเหมือนโลกทั้งในหยุดหมุนชั่วขณะ
ปี 2021 ที่เราดูเหมือนจะมีความหวัง แต่ก็กลับเจอการกลายพันธุ์ของเจ้าเชื้อไวรัส ที่ดูจะเอาชนะวัคซีนที่นักวิทยาศาสตร์พยายามคิดค้นมาอยู่เรื่อยๆ
ปี 2022 ดูเหมือนอะไรๆ จะเริ่มดีขึ้น เกิดการกลายพันธุ์ครั้งล่าสุดที่ดูเหมือนจะทำให้เจ้าเชื้อโรคอ่อนความแรงลง แต่เราก็เจอกับภาวะสงครามระหว่างประเทศที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นอย่างจริงจังและยาวนาน จนส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในปี 2023 ดูเหมือนจะเป็นปีแห่งความหวังของมนุษยชาติ เพราะการเดินทางระหว่างประเทศเริ่มกลับมาเป็นปกติมากขึ้นในหลายประเทศ
ปีหน้าจึงเป็นปีที่เสมือนการปลุกชีวิตและเศรษฐกิจให้กลับมาตื่นฟื้นคืนอีกครั้ง เทรนด์สีปี 2023 จึงออกไปทางการมองโลกในแง่ดี การทำให้รู้สึกว่าความหวังยังมีอยู่ แม้จะเจอกับความท้าทายใหม่ๆ แต่เราก็ผ่านความท้าทายยากๆ ที่ไม่น่าเชื่อมาได้จากปีก่อนๆ
เทรนด์สีปีหน้าออกไปในกลุ่มสีออร์แกนิก ฟื้นฟูและสร้างสมดุลไปพร้อมกัน และก็มีกลุ่มสีเฉดเข้มที่ดูทรงพลัง ที่เข้ากับการใช้งานสื่อดิจิทัลที่อยู่รอบตัวเราทุกวันนี้
และนี่ก็คือสรุป 7 Color Trends 2023 เทรนด์สีโลกปีหน้า ที่เผยให้นักการตลาดได้รู้จักตั้งแต่ปีนี้ครับ
เทรนด์สี 2023 ที่ 1 – Elfin Yellow สีเหลืองอ่อน
สีเหลืองอ่อน Elfin Yellow นี้ถ้าจะบอกว่าจุดกำเนิดมาจากการรีไซเคิลก็ว่าได้ เพราะจากรายงานเจาะเทรนด์โลก 2023 บอกว่าวัสดุบางประเภทเมื่อนำไปรีไซเคิลก็จะได้เฉดสีเหลืองประมาณนี้แหละ ก็เลยเลือกทำ Product ให้ออกมาเป็นเฉดสีเหลืองรีไซเคิลเสียเลย ช่างเป็นไอเดียการทำธุรกิจที่ Creativity จริงๆ
หลายแบรนด์แฟชั่นชื่อดังของโลกก็นำไปปรับใช้ ทั้งกับชุดชั้นใน หรือ Leisure Wear ที่ถูกออกแบบให้อยู่ตรงกลางระหว่าง Workwear และ Sportwear ลดรายละเอียดการผลิตให้น้อยลง เพื่อทำให้การรีไซเคิลง่ายขึ้น ช่างมีความเป็น Minimalist จริงๆ
และนั่นก็กลายเป็นเทรนด์การผลิตสินค้าแบบใหม่ที่เรียกว่า Nearo Waste ที่หมายถึงการมีขยะเกือบจะเป็นศูนย์ ด้วยการลดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นในตัวสินค้าลงไปให้ได้มากที่สุด
สีเหลืองอ่อน Elfin Yellow นี้ให้ความรู้สึกอ่อนโยนแบบออร์แกนิก ทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เป็นหนึ่งในสีที่ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ไม่ฉูดฉาดแต่เห็นแสงอนาคตวันหน้าสาดลงมา อะไรประมาณนั้นครับ
เทรนด์สี 2023 ที่ 2 – Golden Apricot สีส้มแอปริคอต
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีโดยเฉพาะสื่อดิจิทัล ทำให้คนกลุ่มหนึ่งโหยหาอดีตที่เคยเรียบง่ายกว่านี้ เทรนด์การกลับมาของความสนุกในวัยรุ่นกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หรือที่นักการตลาดเรียกมันว่า Nostalgia Marketing ที่ทำยอดขายให้กลุ่มคน Gen Y ตอนต้นหรือ Gen X ตอนปลายได้เป็นอย่างดี
ภาพยนต์อย่าง Thor หรือซีรีส์ Stranger Things ก็ใช้สไตล์เป็นแบบยุค 80 ใช้ความ Retro ดึงคนยุคเก่าพร้อมกับสร้างความแปลกใหม่ให้เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเห็น
มันคือการทำให้เรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเพื่อเติมเต็มจิตใจที่อ่อนล้าจากการใช้ชีวิต ให้กลับมาสู้ชีวิตในแต่ละวันต่อไปได้ กับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในวัยเด็ก จากสิ่งที่เคยคุ้นกลับมาปัดฝุ่นให้ใหม่อีกครั้ง
สีเหลืองทองอมส้ม หรือสีส้มเอิร์ธโทน เฉด Golden Apricot นี้เคยเป็นที่นิยมอย่างมากในยุค 80 คาดว่าเทรนด์สีนี้จะทำให้คนรู้สึกตื่นตัวและสดชื่นมากขึ้น เปรียบได้กับแสงแดดอ่อนๆ ในวันที่กำลังจะเกิดเรื่องดีๆ ขึ้น หรือเป็นแสงแดดส้มๆ ในวันที่เรื่องร้ายๆ ทั้งหมดจบลงแล้ว
เทรนด์สีส้มนี้คาดว่าจะถูกนำไปใช้กับกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าเด็กไม่น้อย เพราะเป็นสีที่กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เป็นเป็นที่นิยมของกลุ่มฮิปปี้มาก่อน นั่นหมายถึงอิสระที่จะค้นหาตัวเองของวันวาน ที่จะส่งต่อมาให้คนรุ่นใหม่วันนี้
เทรนด์สี 2023 ที่ 3 – Lime Green สีเขียวมะนาว
สีเขียวเรืองแสง หรือสีเขียวนีออน เป็นสีที่ส่องผ่านแท่งปริซึมแก้วจะให้สะท้อนออกมาเป็นสีรุ้ง บอกถึงความตื่นตัวตลอดเวลา และยังถูกนำไปใช้กับความหลากหลายทางเพศและชาติพันธุ์
ถูกนำไปผลิตเป็นสินค้าแฟชั่นแบบ Unisex ถูกนำไปใช้ในวงการ Digital Creator มากมายที่จะเข้าไปอยู่ในโลก Metaverse และ NFT มากขึ้น
เป็นสีที่นำมาเชื่อมโยงระหว่างดิจิทัลและธรรมชาติที่ถูกจริตกลุ่ม Gen Z ได้ดีอย่างมาก ปรับเฉดให้เข้มก็สดใสซาบซ่า ปรับเฉดให้อ่อนก็ดูเป็นธรรมชาติในตัว
เทรนด์สี 2023 ที่ 4 – Deep Lake สีเขียวอมฟ้า
ที่ผ่านมาสีเขียวถูกใช้ในฐานะตัวแทนการต่อสู้ทางสังคมในทุกแง่มุม สะท้อนถึงนักกิจกรรม ผู้ประท้วง คนที่ผลักดันให้สังคมเท่าเทียมขึ้นกว่าวันวาน
พอเข้าปี 2023 สีเขียวที่ว่าจึงถูกผสมเฉดสีน้ำตาลที่เป็นตัวแทนเอิร์ธโทนเข้าไป ทำให้สีเขียวนี้สามารถใช้ได้หลากหลายขึ้น
เทรนด์สีเขียวอมฟ้านี้ยังมีความผสมน้ำเงินเติมเข้าไป เพื่อให้ความรู้สึกของทองแดงที่ถูกกัดกร่อน แต่ก็สะท้อนถึงความสวยงามที่ผ่านอายุการใช้งานเช่นกัน สะท้อนถึงกลุ่มคนเยาวชนที่ไม่ยอมแพ้ในการต่อสู้เพื่อความก้าวหน้าทางสังคม
เทรนด์สีเขียวอมฟ้า 2023 นี้ยังถูกใช้เป็นตัวแทนของธรรมชาติยุคใหม่ คล้ายสีเขียวของสาหร่ายทะเล เป็นสีของวัสดุในอนาคต สีของพลังงานสะอาด วัสดุทดแทนจากพืช เรียกได้ว่าสีเขียวอมฟ้าคราวนี้ คือตัวแทนของการสร้างอนาคตที่แท้จริงก็ว่าได้
และไม่ใช่แค่ชุดเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปใช้กับวัสดุตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้สำนักงาน สรุปง่ายๆ ได้ว่าเทรนด์สีเขียวอมฟ้าให้ความรู้สึกลึกลับและหรูหราไปพร้อมกันครับ
เทรนด์สี 2023 ที่ 5 – Scarlet Sage สีแดงก่ำ
เทรนด์สีแดงก่ำ Scarlet Sage เป็นเฉดสีแดงที่ถูกยกมาต่อยอดจากปี 2022 ที่เป็น Artisanal Red ให้ความรู้สึกกระตุ้นอารมณ์ กระตุ้นแรงบันดาลใจ มีศิลปินมากมายนำไปสร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลาย
สีแดงนี้ยังถูกนำไปเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาในอดีต ถูกเชื่อมโยงกับคนท้องถิ่น ถูกนำไปใช้กับการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอก
สรุปได้ว่าเฉดสีแดงในปีนี้ยังคงร้อนแรงและเกี่ยวข้องกับอารมณ์ยิ่งกว่าเดิมครับ
เทรนด์สี 2023 ที่ 6 – Phlox สีม่วงเข้ม
เทรนด์สีม่วงมาแรงในยุคดิจิทัล ยิ่งในยุค Metaverse ยิ่งนิยมนำมาใช้มากขึ้นอีก ถูกนำไปต่อยอดกับผลงาน Digital Art หรือ NFT มีการจัดนิทรรศกาลเกี่ยวกับ Crypto Art หรือ NFT จริงจังเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
สีม่วงเฉด Phlox ถูกนำมาใช้เชื่อมโยงความรู้สึกระหว่างโลกดิจิทัลกับจิตวิญญาณ นำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะรู้แบบใหม่ รูปแบบการใช้ชีวิตที่ลุ่มลึกท่ามกลางยุคแห่งเทคโนโลยีล้ำสมัย เรียกได้ว่านี่คือเทรนด์สีม่วงแบบใหม่ที่เข้ามาเติมเต็มจิตวิญญาณยุค Metaverse ครับ
เทรนด์สี 2023 ที่ 7 – Moonless Night สีดำเทา
สีดำคือสีที่ยังคงดูเท่ห์อยู่ทุกยุคสมัย เป็นสีถูกใช้อ้างอิงกับทุกสิ่งที่อยากให้ใหม่ว่า ___ is new Black ได้ตลอด ในยุคกลางเป็นสีเครื่องแบบเจ้าหน้าที่รัฐ สะท้อนถึงความจริงจัง ส่วนยุคนี้สะท้อนถึงการใส่ใจในประเด็นทางสังคมของผู้คน ที่เรียกร้องจากแบรนด์ให้เป็นบริษัทที่ดีขึ้น
สีดำยังถูกนำไปใช้อ้างอิงกับเรื่อง Sex กับแคมเปญ Sex Never Gets Old เพื่อบอกให้รู้ว่าเซ็กส์ไม่ใช่แค่เรื่องของหนุ่มสาวเท่านั้น ผลงานได้ใจจนได้รางวัลโฆษณาไป
และเซ็กส์ที่แคมเปญนี้เลือกสื่อ ก็ไม่ได้หมายถีงเฉพาะเพศหญิงกับชายเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความหลากหลายทางเพศที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน เรียกได้ว่าสีดำใช้กับอะไรที่ดูจริงจังก็ดูเข้ากันไหมด
ในแง่ธุรกิจกีฬาก็มีการนำสีดำไปใช้เยอะในปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะส่งผ่านถึงปีหน้าด้วยเช่นกัน
แถมสีดำยังถูกเชฟชื่อดังนำไปใช้ สะท้อนถึงปัญหาคราบน้ำมันที่ปนเปื้อนท้องทะโลทั่วโลกอยู่ตอนนี้ สรุปง่ายๆ คือสีดำเป็นสีที่เหมาะกับเรื่องจริงจังไปเสียจริงๆ ถ้าคุณอยากให้คนรู้สึกจริงจังในเรื่องไหน ก็อย่าลืมหยิบเทรนด์สีดำเทา Moonless Night ไปใช้นะครับ
สรุป 7 Color Trends เทรนด์สีโลก 2023 จากรายงานเจาะเทรนด์โลก TCDC
จากทั้งหมดที่ดูมา จะเห็นว่าเทรนด์สีโลกปีหน้า 2023 นั้นประกอบด้วย 7 สีหลักที่สื่อถึงคอนเซปใกล้เคียงกัน
- อนาคตต้องสดใส
- การอยู่ร่วมกับกับธรรมชาติให้ได้
- ความหลากหลายทางเพศ
ส่วนที่เหลือก็จะเป็นคอนเซปที่แตกต่างกันไปในแต่ละสีครับ และทั้งหมดนี้คือ 7 เทรนด์สีโลก 2023 ที่ต้องขอบคุณทาง TCDC ด้วยครับที่จัดทำรายงานดีๆ เจาะเทรนด์โลกให้นักการตลาดอย่างเราได้เติมความรู้กันทุกปีครับ
อ่านเทรนด์สีโลก 2022 ต่อ
ดาวน์โหลดรายงานเจาะเทรนด์โลก 2023 โดย TCDC ฉบับเต็มได้ที่ > E-BOOK Trend 2023