5 เทรนด์ Consumer Behavior 2021 ถ้ารู้ไวก็ได้เปรียบกว่าคู่แข่ง

Consumer Behavior 2021 ที่นักการตลาดและเจ้าของแบรนด์ห้ามเลื่อนผ่านและต้องอ่านให้จบนะคะ 🙂

หลังจากที่ได้ไปแอบส่องคอมเมนต์โพสต์เกี่ยวกับเรื่องที่นักการตลาดอยากรู้ในเพจการตลาดวันละตอน เป็นจังหวะที่นุ่นไปเจอเทรนด์ Consumer Behavior 2021 จาก PR Daily พอดีเลยค่ะ นุ่นเลยจะมาสรุปให้นักการตลาดได้ติดสปีดตามเทรนด์ของพฤติกรรมผู้บริโภคกัน ที่ทุกวันนีต้องอัปเดตกันวันต่อวันเลย

มีวิกฤติโควิด-19 ก็ทำให้เราเห็นพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไปของคนยุดนี้ แบรนด์ไหนปรับตัวได้ทันและถูกจุด ก็อาจจะยังคงยอดขายเอาไว้ได้ นุ่นกำลังจะมาพูดถึง 5 เทรนด์ที่หวังว่าจะสามารถเป็นไกด์ในการช่วยปรับแผนธุรกิจหลายๆ เจ้าที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ระลอก 2 ที่หนักกว่าเดิมในปีนี้

หากแบรนด์ไหนสามารถรวมเอาแนวโน้มเหล่านี้ไปปรับเข้ากับกลยุทธ์การสื่อสาร แผนการตลาด ไม่แค่จะได้รับความไว้วางใจและความ loyalty จากผู้บริโภคเป้าหมายเท่านั้นนะคะ แต่จะช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจที่คุณทำงานเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องได้ด้วย นุ่นขอเริ่มสรุป 5 เทรนด์เลยนะคะ 

1. ให้เน้นไปที่สุขภาพและความปลอดภัยมากขึ้นค่ะ

ในปีนี้ใครๆ ก็ให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมากขึ้นใช่ไหมล่ะคะ ไม่ว่าจะเป็นเจลทำความสะอาดมือ และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่างๆก็ดี

แต่ถึงจะมีความต้องการตลาดสูง ลูกค้าบางส่วนก็ยังมักซื้อจากแบรนด์ที่ไว้ใจ เพื่อลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น เช่นโรงงานหลังบ้านไม่ได้มาตรฐาน จากรายงานเกี่ยวกับผู้บริโภคล่าสุดโดย Ernst & Young บอกว่า 26% ของผู้บริโภคที่สำรวจชอบแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาไว้วางใจว่าปลอดภัยและลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นให้น้อยที่สุด  57% บอกว่าตอนนี้พวกเขาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพมาก

• ให้เลือกสื่อสารว่าคุณให้ความสำคัญด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและผู้บริโภคยังไงบ้าง 
• ใช้คำที่บ่งชี้ไปว่าช่วยเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยให้คนซื้อยังไงก็ได้ค่ะ

2. Value based spending

อย่างกรณีที่มี COVID-19 และเกิดกระแส Black Lives Matter Movement ในเวลาใกล้เคียงกันจากปีที่แล้ว ทำให้รู้ว่ากระแสสามารถทำให้ลูกค้าเลือกที่จะจ่ายได้เช่นกัน เช่น บางคนไม่ใช่แค่ต้องการซื้อสินค้าและบริการในท้องถิ่นหรือจากธุรกิจที่เป็นเจ้าของคนผิวดำเท่านั้น แต่ยังต้องการซื้อจากแบรนด์ที่สอดคล้องกับ Value ที่ตรงกับจริตตัวเองอีกด้วย

รายงานของ Ernst & Young ฉบับเดียวกันยังมีผลให้เห็นว่า 59% ของผู้บริโภคที่สำรวจมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าในประเทศมากขึ้นในระยะยาว นอกจากนี้รายงานดัชนีผู้บริโภคล่าสุดโดย Suzy Consumer Insights ยังบอกด้วยว่า 65% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นทางสังคมแบบเดียวกับที่พวกเขาทำ ถ้ามองแบบบ้านเราง่ายๆ เช่นในช่วงที่มีม็อบทางการเมือง หลายแบรนด์ได้ออกมาแสดงจุดยืนทำให้ได้รับกระแสกลับไปหลายระดับ แล้วแต่กรณีนั่นเองค่ะ

ในช่วงที่ประเทศกำลังมีกระแสหรือมีโรคระบาดอย่างโควิด ลูกค้าก็ต้องการที่จะรู้จุดยืนของแบรนด์ที่ตัวเองกำลังใช้จ่ายให้ เรียกง่ายๆว่าจับตามองเลยล่ะค่ะ ลูกค้าต้องการเห็นว่าคุณกำลังทำอะไรเพื่อช่วยพัฒนา หรือมีส่วนช่วยเยียวยาผู้ที่ได้ผลกระทบในแบบของแบรนด์บ้างไหม สิ่งนี้จะทำให้แบรนด์ของคุณดูดีและได้รับกระแสที่ดีจากผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนจะเป็นแง่ไหนนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับจุดยืนของแบรนด์ด้วยค่ะ

3. Creating a human connection บน Online

มีหลาย Report ที่ผลการเล่นโซเชี่ยลของคนยุคนี้พุ่งสูงขึ้น เช่น 93% ของประชากรที่อาศัยอยู่ในอเมริกาใช้เวลากับอุปกรณ์ท่องโลกโซเชี่ยลมากขึ้น แน่นอนว่าสมัยนี้เราสามารถช็อปปิ้ง สั่งอาหารผ่านปลายนิ้วได้ง่ายๆ และไม่ได้จำกัดแค่ Gen Z ซะด้วยสิ  ถ้านักการตลาดคนไหนต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Insight ทุก Generation 2021 ตั้งแต่ Baby Boomer, Gen X, Gen Y, Gen Z ถึง Alpha คลิกที่ชื่อบทความได้เลยนะคะ 

และนี้เป็นเหตุผล Support อย่างดีว่าทำไมทุกแบรนด์ควรมีช่องทาง E-commerce ที่เปรียบเสมือนอีกช่องทางออนไลน์ในการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายค่ะ และอย่าลืมสร้างประสบการณ์ร่วมกับลูกค้า ให้เช้าถึงแบรนด์คุณได้ง่าย ผ่าน Content ต่างๆเช่น วิดีโอ หรือ AR แม้แต่ challenge ก็สามารถทำได้เพื่อลดช่องว่างระหว่างคุณกับลูกค้า ทำให้เค้ารู้สึกสนิทและเชื่อใจแบรนด์มากที่สุดนะคะ

4. New Technology

อย่างที่นุ่นได้ยกตัวอย่างไปเกี่ยวกับการใช้ AR มาสร้างประสบการณ์ร่วมดีดีกับลูกค้า หลายแบรนด์ได้นำหน้าไปแล้วไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้เทสผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม AR และความเป็น VR  เพื่อทดลองซื้อสินค้าก่อนที่จะตัดสินใจ เช่น แบรนด์ใหญ่ๆ ในไทยอย่าง Loreal Paris 

เราต้องหาวิธีใช้เทคโนโลยีมาปรับให้เข้ากับแบรนด์เพื่อสร้างความว้าวให้กับลูกค้า และยังได้ Connect กับลูกค้าได้ดีขึ้นและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ไปจนถึงการได้สร้างโอกาสในเก็บ Consumer Data มาต่อยอดปรับปรุงสำหรับแคมเปญหน้าได้ด้วย แต่การใช้เทคโนโลยีนักการตลาดจะต้องแน่ใจว่าคุณเลือกใช้เทคโนโลยีให้เข้ากับประสบการณ์การใช้งานอย่างรอบคอบดีแล้ว เพราะถ้าพลาดอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ค่ะ

5. Driven by Data

ลูกค้ารู้สึก Comfortable มากขึ้นที่จะแบ่งปันข้อมูล หากพวกเขาเชื่อมั่นมากพอว่าแบรนด์จะนำข้อมูลไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ Ernst & Young รายงานว่า 53% ของผู้บริโภครู้สึกโอเคที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหากช่วยในการตรวจสอบและติดตาม cluster การติดเชื้อโควิด-19 เพราะส่งผลดีต่อตัวลูกค้าเองถ้ามีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้น เป็นต้นค่ะ

จริงๆ การที่เรานำเดินธุรกิจด้วย Data นอกจากที่นักการตลาดทราบกันดีว่าจะนำธุรกิจเราไปได้ถูกทางกว่านั่งมโนเอาเอง ยังส้รางโอกาสให้แบรนด์และธุรกิจได้ทำความรู้จักกับลูกค้าในระดับใหม่และช่วยเคาะข้อเสนอโปรโมชั่นและประสบการณ์ในแบบของคุณอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยนะคะ

ข้อแนะนำเพิ่มเติมถ้าลูกค้าของแบรนด์คุณมีต่างยินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลให้แล้ว แบรนด์ต้องมีความรับผิดชอบ และห้ามละเมิดสิ่งที่ไม่จำเป็นจนทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเด็ดขาด อย่าให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นี้มันเอาข้อมูลฉันไปใช้ประโยชน์แบบผิดๆ แต่ต้องใช้ Data นั้นปรับปรุงพัฒนาสินค้าและบริการให้เป็นไปตามเสียงของกลุ่มเป้าหมาย

สรุป 5 เทรนด์ Consumer Behavior 2021 ถ้ารู้ไวก็ได้เปรียบกว่าคู่แข่ง

อย่างที่หลายๆบทความได้พูดถึงเครื่องมือที่จะช่วยเก็บ Data จากลูกค้าทั้งเสียเงินและฟรีมากมาย เพราะเป็นวิธีของการทำการตลาดยุคใหม่จริงๆ คู่แข่งของคุณอาจจะอัปเดต Social Voice กันแบบวันต่อวันอยู่ก็ได้ อย่ามองข้ามโอกาสที่ดีในการได้ Connect กับลูกค้าของเรา อย่าลืมสื่อสารให้ตามเทรนด์และกระแส ณ ขณะนั้นด้วย และด้วย Data เอยเทคโนโลยีเช่น AI เอย เราสามารถสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่เป็น personal สูงด้วยเนื้อหาที่ทันสมัย เช่น Facebook IG TikTok Spotify และช่องทาง E-commerce อื่นๆ เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารและกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา ให้ตรงใจลูกค้าได้ก่อนคู่แข่งนะคะ 

source: https://www.prdaily.com/