นักการตลาดห้ามพลาด The 2023 creative trends forecast

นักการตลาดห้ามพลาด The 2023 creative trends forecast

ในช่วงโรคระบาดที่ผ่านมาเชื่อว่าใครหลายๆคนคงจะมีความสนใจใหม่หรือมีกิจกรรมใหม่ๆเข้ามามากขึ้น ซึ่งนั่นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะว่าจากการสำรวจของทีม Meta ที่ได้ทำการรีวิวจาก 100 แคมเปญที่เกิดขึ้นใน Meta technology ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดเป็นการรายงานพฤติกรรม The 2023 creative trends forecast แล้วพบว่าผู้คนนั้นก้าวข้ามผ่านช่วงการเอาตัวรอดมาได้แล้ว หันมาใส่ใจเรื่องการใช้ชีวิตและการทำงานมากขึ้น

นอกจากนั้นยังสนใจเรื่องของปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นไปจนถึงแบรนด์ที่มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาใช้งานได้อย่างเหมาะสม ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้นั้นส่งผลกระทบต่อนักการตลาดที่ต้องสร้างแคมเปญต่างๆให้เหมาะกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสามารถสรุปได้ออกเป็น 5 พฤติกรรมที่สามารถเชื่อมต่อกับพฤติกรรม วัฒนธรรมและเทคโนโลยีได้อย่างเข้ากันเป็นอย่างดี 

Empower the crowd : ผู้คนกล้าแสดงออกมากขึ้น 

การเติบโตของเทคโนโลยีและโซเชี่ยลมีเดียไม่ได้เพียงสร้างฐานลูกค้าให้มากขึ้นเท่านั้น พฤติกกรมของคนนั้นเปลี่ยนไปแล้ว ผู้คนไม่คิดที่จะลังเลในการออกมาพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หรือส่งต่อความคิดเห็นต่างๆกันมากขึ้น 

ในฐานะของแบรนด์เราไม่ใช่เพียงแค่การมีโซเชี่ยลมีเดียเพื่อเป็นที่ที่ให้คนมาแสดงความคิดเห็นแล้วตอบกลับคอมเม้นแค่นั้นจบ แบรนด์ควรที่จะเริ่มเป็นกระบอกเสียงหรือการใช้พื้นที่เปิดประตูต้อนรับคอมเม้นต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของผู้ใช้งานจริงๆ 

Case Study : Pampers 

Pampers แบรนด์ผ้าอ้อมที่ได้สร้างแคมเปญ #MillionActsofLove ในช่วงวันแม่ ที่เกิดจากการเข้าใจปัญหาของแม่หรือพ่อที่มีมากกว่า 93% รู้สึก burn out จากการเลี้ยงลูก และมีถึง 73% ที่ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของครอบครัวได้ ทางทีม Papers จึงได้ร่วมกันสร้างแคมเปญเพื่อเป็นแรงผลักดันให้กับครอบครัวที่เจอปัญหาเช่นนี้ทั้งในรูปแบบของการสร้าง short film และให้แม่ๆหรือผู้ปกครองสามารถเข้าร่วมแชร์กำลังใจดีๆ เป็น digital notes เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่เจอปัญหานี้เช่นกัน 

ทำให้ Pampers สามารถสร้าง 90% positive sentiments จากการทำแคมเปญและยังสามารถสร้างผลลัพธ์มากกว่า 9 เท่าจากที่ตั้งเป้าไว้ภายในหนึ่งสัปดาห์

https://get.pampers.com/million-acts-of-love 

Elevate unheard stories : ผู้คนอยากฟังเรื่องจริง

ปัจจุบันผู้คนเริ่มมีความชอบความสนใจที่แตกต่างกันออกไปมากขึ้น การทำแคมเปญแบบ inclusive ก็อาจจะทำให้เราไม่สามารถเข้าใจถึง target ของเราได้ดีอีก่อไปแล้ว และที่สำคัญคือผู้คนก็เริ่มให้ความสนใจกับแคมเปญที่ไม่ต้องประดิษฐ์อะไรมาก หรือเรียกง่ายๆว่าคนมักจะดูอะไรที่เป็นเรื่องจริงมากกว่า 

Case Study : Flare Audio 

แบรนด์ที่อุดหูที่ได้ทำโฆษณาออกมาเพียงแค่ 15 แต่เป็นเรื่องราวที่ไม่ซับซ้อนเข้าใจง่าย เป็นการใช้เรื่องราวของผู้หญิงคนนึงที่นั่งเล่นอยู่ในที่สาธารณะ มีทั้งเสียงรบกวนของรถบนถนน หมาเห่า และอื่นๆอีกมากมาย เหียงแค่หยิบ earplug มาใช้ก็ทำให้ลดเสียงรบกวนออกไปได้เยอะเลย เห็นมั้ยคะว่าการที่เราหยิบยกเรื่องราวง่ายๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่พบเจอกันบ่อยเอามาสร้างเป็นโฆษณาหนึ่ง เชื่อว่าวิดีโอนี้ก็ถูกใจใครหลายๆคนค่ะ 

Shop the moment : ที่ไหนก็ช้อปได้ 

คนส่วนใหญ่นั้นเริ่มทำลายข้อจำกัดในการซื้อของได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนเราอาจจะคำนึงถึงความต้องการของตัวเอง แต่ในปัจจุบันนั้นการเสพคอนเท้นต์ต่างๆก็ทำให้เพิ่มแรงจูงใจในการซื้อของมากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าเกิดเป็นการเสพคอนเท้นต์และสามารถเชื่อมต่อการช้อปปิ้งได้อย่าง seamless ที่สุด 

Case Study :  Tiki x The Next Face 

E-commerce ชื่อดังในเวียดนามได้ผุดไอเดียการโปรโมท Mega sale ในช่วงปีหลัง ขึ้นมาด้วยการโปรโมทคอนเท้นต์ของ The Next Face ทั้งหมด 7 ตอน ในรูปแบบของ ads สั้นๆ เพียงแค่ 15 วิ โดยมีรางวัลสำคัญคนที่ engage ด้วยการพิม ##Tiki  #TikiConnect and #TheNextFaceVietnam ใต้วิดีโอ พวกโค้ดส่วนลดของ e-commerce ก็จะเด้งไปใน messengers ทันที 

ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี ที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนให้หยุดดูโฆษณาด้วยการเอาตัวอย่างรายการที่เป็นกระแสเข้ามาดึงดูดความสนใจผู้ชม และตบท้ายด้วยการ offer โปรโมชั่นสุดคุ้มให้กับคนดู ทำให้แคมเปญนี้ได้ยอดคนดูทั้งหมด 7 ตอนมีคนดูมากกว่า 50 ล้านคน 

Solve it IRL (In real life) : วิธีแก้ไขปัญหาที่ใช้ได้จริง

ในบางครั้งการทำแคมเปญต่างๆของแบรนด์อาจจะทำให้คน awareness กันมากขึ้น แต่ปัจจุบันพฤติกรรมคนที่เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาก็ยังไงมองหาสิ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง ไม่ใช้เพียงแค่ความเข้าใจและถ่ายทอดเรื่องราวออกมาแค่เท่านั้น 

Case Study : Tokopedia

Tokopedia Seller เป็นแคมเปญที่ทำขึ้นที่ไม่ได้สร้าง awareness เพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้บอทเข้ามาเพื่อสร้าง template สำหรับคนขายของ ให้สามารถขายของได้ง่ายมากยิ่งขึ้น 

Unlock the you-verse : ก้าวสู่โลกอีกขั้น

เมื่อ Metaverse เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการสร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับ ทำให้ผู้คนดื่มด่ำกับโลกเสมือนจริงมากขึ้น ไม่เพียงแค่แบรนด์จะใช้เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการเพียงเท่านั้น 

Case Study :  International Paralympic Committee

https://www.paralympic.org/raw-emotions

ซึ่งก็มีตัวอย่างของการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกที่นำ Metaverse มาใช้เพื่อตอบโทย์ pain point ของคนที่ไม่ดูการแข่งขันเพราะว่าไม่ได้เข้าถึงอารมณ์ของการแข่งขัน ทำใหทางองค์กรร์ตัดสินใจนำ AR เข้ามาปรับปรุงการแข่งขันให้มีความน่าตื่นเต้น และเข้าถึงกีฬาได้ดีมากยิ่งขึ้น  

โดย 2023 Creative trends ทั้งหมด 5 อันที่เรานำมาเล่า เพื่อนๆผู้อ่านสามารถนำไอเดียเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้ ทั้งในแง่ของการเข้าใจปัญหาที่แท้จริง การแก้ไขปัญหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ใช้ได้จริง การเล่าเรื่องราวที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และที่สำคัญคือการใช้เทคโนโลยีอย่าง AR เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดนั่นเองค่ะ 

Pitchakorn Sirimonta

Freelance at Everyday Marketing.co and current social media management who has a passion for business innovation and believe in data-driven marketing.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *