Sprout อาหารเด็กออร์แกนิค ทำเพลงช่วยป้อนข้าวลูกน้อย จับกลุ่ม Millennial Parents

Email LinkedIn Tweet Facebook ShareShares246

Millennial Parents หรือพ่อแม่ยุคใหม่ในวันนี้ ที่มีลูกน้อยคนลงกว่าพ่อแม่ยุคก่อนมาก นั่นหมายความว่าพวกเค้าจะทุ่มเทให้กับลูกมากขึ้น และนั่นก็ทำให้ตลาดอาหารเด็กคุณภาพสูงที่เป็นออร์แกนิคโตมากขึ้นทุกที และก็ยิ่งแข่งขันกันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ

Sprout ก็เป็นอาหารเด็กน้อยออร์แกนิคอีกหนึ่งแบรนด์ในตลาดสหรัฐอเมริกา ที่ต้องพยายามหาทางทำให้ตัวเองแตกต่างจากคู่แข่งที่มีอยู่เต็มท้องตลาดให้มากที่สุด

เมื่อวัตถุดิบที่ใช้ก็ออร์แกนิคและดีต่อสุขภาพแบบสุดๆไม่ได้ต่างกันมาก ก็เลยเป็นหน้าที่ของนักการตลาด New Gen ที่ต้องคิดหา Solution ใหม่ๆเพื่อทำให้ตัวเองเติบโตต่อไปท่ามกลางตลาดในสภาพ Red Ocean ครับ

จนเกิดเป็นเครื่องมือการตลาดชิ้นใหม่ Sophie Sprout ที่สามารถช่วยพ่อแม่ยุคใหม่ Millennial Parents หลอกล่อให้ลูกน้อยกินอาหารง่ายขึ้น หรือช่วยลดความเหนื่อยยากในการป้อนข้าวลูกให้น้อยลงนั่นเอง

Sophie Sprout – The Amazon Alexa Skill that helps kids eat.

Sophie Sprout มาในรูปแบบเพลง เพลงที่พร้อมจะร้องชวนให้เด็กๆกินอาหารตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน ผ่านอุปกรณ์อย่างลำโพงอัจฉริยะ Amazon Alexa ที่มีอยู่ในบ้านของคนอเมริกาส่วนใหญ่ในวันนี้ครับ

วิธิการก็ง่ายมาก แค่เพียงบอกพูดบอกลำโพงอัจฉริยะ Alexa ว่า “เปิด Sophie Sprout หน่อย” ง่ายๆเท่านี้ Sophie Sprout ก็จะตอบกลับมาว่า “ชั้นอยู่นี่แล้ว ชั้นมาจากแบรนด์ Sprout Food เอาล่ะ เธออยากจะกินแบบไหน กินแบบธรรมดาหรือกินแบบมันส์ๆกันล่ะ”

ทีนี้คุณและลูกน้อยก็สามารถบอก Sophie Sprout ได้เลยว่าอยากจะกินข้าวแบบไหน ให้ช่วยร้องเพลงกินเป็นเพื่อน หรือจะกินแบบผจญภัยแอดเวนเจอร์กันหน่อย สมมติถ้าคุณเลือกกินแบบผจญภัย Adventure กัน เสียงเพลงที่ออกมาก็จะพูดในทำนองว่า “ที่ถืออยู่ในมือนั่นไม่ใช่ช้อนนะ แต่เป็นเครื่องบินน่ะ เราต้องรีบเอาอาหารในจานบรรจุใส่เครื่องบิน จากนั้นก็เอามันเข้าปากเลย!”

เป็นยังไงครับ จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรสำหรับคนเป็นพ่อแม่ เพราะมันก็คือการที่พ่อแม่ต้องบิ๊วให้ลูกน้อยกินข้าวให้มากที่สุด และเร็วที่สุดใช่มั้ยครับ เพียงแต่ว่าด้วยเทคโนโลยีในวันนี้ ทำให้พ่อแม่ไม่ต้องคอยบิ๊วด้วยตัวเองคนเดียวอีกต่อไป แต่เราสามารถเอาเทคโนโลยีมาช่วยได้ เหมือนที่แบรนด์ Sprout ทำขึ้นมาด้วยความเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของพ่อแม่ทุกยุคสมัยยังไงล่ะครับ

ทั้งหมดนี้คุณจะเห็นว่า หัวใจสำคัญคือการเข้าใจปัญหาของกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง แล้วค่อยเลือกว่าจะใช้เทคโนโลยีอะไรในการแก้ปัญหานั้น เหมือนที่ Sprout เข้าใจปัญหาของพ่อแม่ว่าช่วงที่ยากที่สุดไม่ใช่การเลือกอาหารที่ดีให้ลูก แต่ทำยังไงให้ลูกอยากกินอาหารที่ดีนั้นแทนที่จะเป็นขนมทั้งหลายต่างหาก

ถ้าเป็นบ้านเราในวันนี้ไม่ได้มีเทคโนโลยีอย่างลำโพงอัจฉริยะเป็นธรรมดาทุกบ้านเหมือนที่อเมริกา นักการตลาด New Gen ก็สามารถสร้าง Playlist บน YouTube ที่เตรียมเนื้อหาข้างในให้บรรดาพ่อแม่ยุคใหม่ที่ใช้มือถือเลี้ยงลูกหาเจอได้ง่ายขึ้นก็ใช้ได้เหมือนกันใช่มั้ยล่ะครับ

ถ้านักการตลาดหัวเก่าอาจมองว่า ทำไปก็ไม่เห็นจะเกิดยอดขายในทันที ทำเพลงช่วยป้อนข้าวไปแล้วใช่ว่าเค้าจะมาซื้อของเราซักหน่อย ถ้าคิดแบบนี้ก็เตรียมตกยุคไปได้เลยครับ เพราะนักการตลาด New Gen ยุคใหม่ในวันนี้ คือการหาทางเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด เพราะแม้ว่าเค้าจะเปิดใช้ป้อนข้าวลูกในวันนี้โดยไม่ได้เป็นลูกค้าเรา แต่ลองคิดดูซิว่าทุกครั้งที่เค้าจะต้องเปิดเพลงนี้เพื่อป้อนข้าวลูก เค้าก็ต้องพูดหรือพิมพ์ชื่อแบรนด์เราเข้าไปทุกครั้งอยู่ดี และไหนจะชื่อแบรนด์เราเข้าไปสอดแทรกอยู่ในเนื้อหา แล้วคุณคิดว่าตอนไปช้อปปิ้งเลือกอาหารให้ลูกครั้งหน้าเค้าจะไม่มองเห็นเราง่ายขึ้นหรอครับ

เพราะการเพิ่มยอดขายเป็นเรื่องระยะสั้น แต่การสร้างแบรนด์และธุรกิจให้ยั่งยืนนั้นเป็นเรื่องระยะยาวครับ คุณก็เป็นนักการตลาด New Gen ได้แม้จะวัยเข้าเกิน 50 ขอแค่ไม่หยุดคิดที่จะเข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่ไปเรื่อยๆครับ

อัพเดทข้อมูลการตลาด รู้มั้ยครับว่าอุปกรณ์ลำโพงอัจฉริยะอย่างพวก Alexa ของ Amazon หรือ Google Home นั้นกำลังโตวันโตคืนที่ประเทศอเมริกา คาดว่าโตขึ้นถึง 48% ระหว่างปี 2016 – 2020 หรือจากบ้านที่มี 16 ล้านหลัง จะเพิ่มขึ้นเป็น 76.5 ล้านหลังครับ

เทรนด์เรื่อง Voice Interface ไม่ใช่เรื่องใหม่ในบ้านเรา แต่เป็นสิ่งที่คนไทยกว่า 45% ใช้กันเป็นปกติแล้วในวันนี้ นักการตลาด New Gen ไม่ควรพลาดที่จะใช้โอกาสนี้ก่อนใคร ผมมีบทความเพิ่มเติมเรื่องนี้ให้คุณได้อัพเดทความรู้เพิ่มครับ