สรุปกลยุทธ์มัดใจ! และวิธีป้ายยาคน GEN Z 2021 ที่แบรนด์ต้องรู้
กลยุทธ์ไหนที่จะทำให้แบรนด์มัดใจคน Gen Z 2021 ได้อยู่หมัด จะป้ายยาเชื้อเชิญยังไงให้โดนใจเจนซี จนยอมกดโอนรัว ๆ
บทความนี้อ้างอิงข้อมูลจาก สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน เอเจนซีโฆษณายักษ์ใหญ่ระดับโลกของญี่ปุ่น ที่ได้แถลงผลวิจัยเชิงลึกล่าสุดในหัวข้อ “Now you Z me: Debunking myths about ASEAN’s Generation Z” (พลิกมุมมองใหม่ พิชิตใจผู้บริโภค Gen Z ในอาเซียน) โดยมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ในอาเซียนค่ะ
และแน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายของงานวิจัยชิ้นนี้คือ Gen Z หรือผู้ที่เกิดระหว่างปี ค.ศ. 1997 – 2012 และมีอายุระหว่าง 9 – 24 ปี ซึ่งในปี 2021 Gen Z เป็นประชากรกลุ่มค่อนข้างใหญ่ของอาเซียน คิดเป็นประมาณร้อยละ 24% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ดังนั้นคนในกลุ่ม Gen Z จึงเป็นเจเนอเรชั่นที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อสังคมและขับเคลื่อนตลาดเป็นอย่างมากเลยค่ะ
ในบทความนี้เราจะค่อย ๆ ทำความเข้าใจคนเจเนอเรชั่นซี และในแง่ของการมองแบรนด์ จนไปจบที่กลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์ต้องรู้กันะคะ มาเริ่มกันเลยค่ะ
ก่อนอื่น เรายังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ Gen Z อยู่หรือเปล่า?
Hakuhodo ได้รายงานว่า จากการสำรวจทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพในประเทศอาเซียน 6 ประเทศ กลุ่ม Gen Z ในอาเซียนได้รับข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลกผ่านทางสมาร์ทโฟน หาทุกอย่างได้ผ่านปลายนิ้ว ทั้งยังมีการพิจารณาคำพูด การกระทำ สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคของคนในเจเนอเรชั่นก่อนๆ อย่างเป็นกลางตาม Fact ในมุมมองที่กว้างจริง ๆ
แต่หลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนเจนนี้อยู่ไม่น้อยเลย จนทำให้แพลนการตลาดก็ไม่ค่อยได้ผล 100% ซึ่งสามารถสรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้ค่ะ
1. GEN Z ไม่แคร์อะไรเลยนอกจากตัวเองอะไรจริงหรอ : จริงๆเค้าให้คุณค่าในตัวเอง รวมทั้งครอบครัวและสังคมนะคะ แม้ว่าจะโหยหาความสุขส่วนตัว แต่ก็ยังใส่ใจคนรอบข้างอยู่
74% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่า “ความสำเร็จ คือ การมีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น ไม่ว่าคนอื่นจะว่าอย่างไร” แต่ยังไงก็ตามคนรอบข้างต้องมีความสุขไปด้วยกัน
ทั้งนี้ยังเป็นกลุ่มที่ต้องการความลงตัวต่อตัวเองและสังคมมากที่สุดด้วยค่ะ
2. วันๆ เล่นแต่โซเชี่ยล ไม่ได้มีประโยชน์อะไรจากการไถหน้าจอจนหมดวัน : จากการรายงานของ Hakuhodo ได้ผลออกมาชัดเจนว่าคน Gen Z ใช้โซเชี่ยลใช้สื่อได้อย่างฉลาดที่สุด มีการใช้โซเชี่ยบมีเดียแตกต่างกันแล้วแต่แพลตฟอร์ม
Facebook เอาไว้อ่าน แชร์ข่าว Instagram เอาไว้ Update ชีวิต เก็บความทรงจำ ส่วน Twitter เป็นแพลคฟอร์มที่แก้เหงาได้ดี ได้รับข่าวสารเร็วที่สุด และ Tiktok ข่วยเอนเตอร์เทน คลายเครียด ขายของ และเจนซียังมีความเชื่อมั่นว่าว่าโซเชี่ยลสามารถเปลี่ยนแปลงโลกและสังคมได้
3. การเลือกแบรนด์ของ GEN Z ซื้อตามกระแส เห่อตามเพื่อน : ที่จริงแล้วคนเจนนี้จะมีการเปรียบเทียบค่อนข้างมากก่อนซื้อค่ะ ในด้านอินฟลูเอนเซอร์ยังมีอิทธิพลอยู่ และมีความคิดที่จะซื้อสินค้ามากกว่าเช่า
อีกทั้งยังขาดหวังสูงกับแบรนด์ อยากให้แบรนด์ทำอะไรตรงใจเขา (Personal Marketing) ถ้าแบรนด์สามารถตอบโจทย์ความคาดหวังของเจนซีสำเร็จ ก็จะได้ทั้งเงินและใจไปเลย กดโอนแบบไม่อิดออด
ความคิดเกี่ยวกับแบรนด์ของคน Gen Z
85% ได้ตอบว่า พวกเขาเต็มใจจ่ายมากขึ้นอีก 10% ด้วยซ้ำ ถ้าแบรนด์มีส่วนในการแก้ปัญหาทางสังคม พวกเขามีความคาดหวังอย่างมากต่อแบรนด์ต่างๆ และมองว่าแบรนด์ควรเติมเต็มในหลากหลายบทบาททางสังคม อย่างเช่นการสนับสนุนสิทธิความเท่าเทียมของมนุษย์
เพราะเจนซีมีการใช้โซเชี่ยลในการขับเคลื่อนสังคม ทั้งเรื่องความเท่าเทียมกันในเรื่องเพศ call out เพื่อสังคมในประเด็นต่างๆ
กลยุทธ์ที่แบรนด์ควรใช้มัดใจคน Generation Z ให้อยู่หมัด
1. Be Inclusive
แบรนด์ต้องให้คุณค่ากับทุกคนเท่าเทียมกับเพราะเจนนี้ให้ความสำคัญกับตัวเองและคนรอบตัวมาก อาจจะเริ่มด้วยการทำ EmbraZive Marketing ผ่าน USP = จุดยืนแบรนด์ที่สอดคล้องกับสภาวะสังคม และ RTB = ทำให้แบรนด์มีความสัมพันธ์กับเจนซีมากขึ้น
2. Be Brave ควรกล้าที่จะสื่อสาร แสดงตัวตน หลุดออกจากกรอบเดิมๆ ข้อความที่จะสื่อ และความยึดมั่นที่ของแบรนด์ควรเป็นไปในทางเดียวกัน เพื่อมัดใจเจนซี แต่ไม่ต้องถึงขั้นสุดโต่งในเรื่องการเมือง เน้นในด้าน Human มากกว่าค่ะ
3. Co-Create ถ้าแบรนด์ต้องการฐานลูกค้า Gen Z ก็ควรทีมอัพกับเจนซี เพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน เช่น การสร้าง Cnversation เอย สร้าง Community ให้พื้นที่แลกเปลี่ยนความเห็น และหัวข้อที่ทำจะต้องสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายแบรนด์
4. Be Direct
ควรสื่อสารอย่างซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาที่สุด เช่น สร้างคอนเทนต์สื่อสารโปรดักด้วยคำที่ง่าย ชัดเจน ไม่แอบความหมายอื่น ความเรียบง่ายและความจริงใจเป็นกุญแจสำคัญในการมัดใจเจนนี้ค่ะ
โดยเนื้อหาที่พวกเขาชอบเสพมากที่สุดจะเป็นในหมวดคอนเทนต์ที่สื่อสารได้กระชับ จัดเป็น 3 อันดับคือ 1. ข้อความและรูปภาพ 60% 2. วิดีโอ 52% และ 3. สตอรี่ 46% นั่นเองค่ะ
จากข้อมูลสรุปทั้งหมดนักการตลาดคงได้รู้จักคนเจเนอเรชั่นนี้มากขึ้นแล้ว รวมทั้งนำกลับไปคิดแพลนวางกลยุทธ์ป้ายยาเจนซีได้ไม่มากก็น้อย บอกเลยว่าในฐานะที่นุ่นก็เป็นคน Gen Z ข้อมูลวิจัยเกือบทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความคิด ความรู้สึกของเจนนี้ออกมาได้ดีไม่น้อยจริงๆ และเป็นประโยชน์มากกับทุกแบรนด์ที่หวังกุมหัวใจคน Gen Z
และถ้าต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับงานวิจัยจากสถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโดอาเซียน สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ http://hillasean.comได้เลยค่ะ
ในบทความหน้านุ่นจะมีอะไรมาแชร์อีก อย่าลืมติดตามบทความผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ