รายงาน Gen Z ในยุค Cashless Society ที่ส่งผลต่อธุรกิจด้านการเงินและ Fintech

รายงาน Gen Z ในยุค Cashless Society ที่ส่งผลต่อธุรกิจด้านการเงินและ Fintech

ในยุค Cashless Society เราจะสอน Gen Z ในเรื่องการเงินอย่างไรในวันที่นิยามคำว่าเงินไม่ใช่ ธนบัตร หรือเหรียญเงินอีกต่อไป แต่เงินในวันนี้กลายเป็นแค่ตัวเลข digital ไปหมดแล้ว

Gen Z หรือคนรุ่นใหม่และวัยรุ่นในวันนี้ไม่ได้เก็บเงินในกระปุกออมสินเหมือนคนรุ่นก่อนแต่อย่างไร เมื่อทุกวันนี้เรากำลังกลายเป็นสังคมไร้เงินสด หรือที่เรียกกันว่า Cashless Society มากขึ้นทุกที จนหลายครั้งตัวผมเองยังมีปัญหาไม่มีเงินติดตัวเป็นประจำ แถมยังไม่พกบัตร ATM ออกจากบ้านอีก(ความจริงทิ้งไว้ไหนในบ้านแล้วก็ไม่รู้) เพราะวันนี้ผมชินกับการกดเงินผ่านแอปแล้วไปรับที่ตู้ ATM เอามากๆ

ทำให้การใช้เงินแบบเสมือนจริงที่เป็นแค่ตัวเลขในแอพธนาคารกันไปแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะโอนผ่านแอป จ่ายผ่าน QR Code หรือเอาบัตรเครดิตแตะเพื่อจ่ายแบบไม่ต้องรูดก็เหมือนกัน กลายเป็นสิ่งที่ทวีความสำคัญมากขึ้นทุกที ทำให้ Gen Z เด็กยุคใหม่จะมีพฤติกรรมการใช้เงินที่ต่างจากคนรุ่นเก่าสิ้นเชิง

จากรายงานของ Northwestern Mutual พบว่า 57% ของเด็ก Gen Z ชาวอเมริกันในวันนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีเงินฝากอยู่ในบัญชีธนาคารเท่าไหร่ ส่งผลให้บริษัททางการเงินยักษ์ใหญ่มากมายเข้ามาสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพน้องใหม่ด้านการเงินเข้ามาสอนเด็กรุ่นใหม่ให้รู้จักเรื่องการออมเงินหรือการใช้เงินมากขึ้น

และนี่คือตัวอย่างของบริษัทด้านการเงินรูปแบบใหม่ที่เรียกกันว่า Fintech ที่จะเอามาเล่าสู่กันฟังว่าพวกเขาจับกลุ่ม Gen Z อย่างไร เพื่อจะให้ Gen Z กลายเป็นลูกค้าของตัวเองให้มากที่สุด โดยที่ต้องไม่ลืมถึงปัจจัยของผู้ปกครองที่ยังเป็นคนให้เงิน Gen Z อยู่ด้วย

Gen Z Cashless Society

Greenlight ซึ่งเป็นบริการทางการเงินในรูปแบบบัตรเดบิตและแอปมุ่งเป้าไปที่เด็กและวัยรุ่น เพื่อให้ความรู้ทางการเงินกับคน Gen Z กลุ่มนี้จริงจัง และให้ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายของลูกๆพวกเขาได้ผ่านแอป ด้วยการให้เงินลูกผ่านแอป และพ่อแม่สามารถจำกัดการใข้เงินของลูกๆได้ ไม่ว่าจะให้ใช้ที่ไหนหรือไม่ให้ใช้ที่ไหน จะให้ใช้กับอะไรหรือไม่ให้ใช้กับอะไร

เรียกได้ว่าเทคโนโลยีทางการเงินทำให้พ่อแม่ควบคุมการใช้เงินของลูกได้ทุกบาท หรือจริงๆต้องบอกว่าทุกดอลลาร์ เพราะบริษัทนี้อยู่ที่สหรัฐอเมริกาครับ

ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา Greenlight ได้ประกาศว่าได้รับเงินทุนเพิ่มถึง 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระดับซีรีส์ B ทำให้ Greenlight สามารถเพิ่มความสามารถใหม่ๆที่ต้องการเข้าไปในระบบได้มากขึ้น

เมื่อพูดถึงวัตถุประสงค์หลักของบริษัทโดย Tim Sheehan ผู้เป็น CEO และ Co-Founder บอกว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราหวังว่าเด็กยุคใหม่จะโตขึ้นมาพร้อมกับการใช้เงินที่ฉลาดกว่าคนยุคก่อน เรียนรู้และเข้าใจว่าการออมเงินนั้นจะสำคัญกับอนาคตของเขาอย่างไร และทำให้คนรุ่นใหม่มั่นใจกับการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาว ข้อนี้น่าจะมาจากปัญหาวิกฤตการเงินสหรัฐที่เกิดขึ้นเป็นประจำ คนรุ่นใหม่อาจไม่แน่ใจว่าจะเอาเงินไปให้คนอื่นลงทุนให้ตัวเองดีมั้ย หรือจะเอาเงินไปใช้เลยตั้งแต่วันนี้เพื่อซื้อประสบการณ์ชีวิตแทน

ลองอ่านรายงานเรื่องเทรนด์ Experience Economy ของการตลาดวันละตอนต่อ https://www.everydaymarketing.co/target/millennials/experience-economy-millennials/

Gen Z Cashless Society

หรือ Step บริษัท Fintech ที่เกิดใหม่ในอเมริกา มุ่งเป้าหมายมายังกลุ่มเด็กและวัยรุ่นอย่างเต็มที่ ให้พวกเขาสามารถบริหารจัดการเงินตัวเองอย่างเต็มเหนี่ยว ไม่ว่าด้วยการจำกัดการใช้เงินโดยแอป ด้วยการให้วัยรุ่นเลือกที่จะสมัครใช้บริการแบบนี้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องผ่านผู้ปกครอง คนรุ่นใหม่สามารถเปิดบัญชีโดยไม่มีค่าธรรมเนียมได้ง่ายๆ(ต้องบอกก่อนว่าปกติค่าธรรมเนียมธนาคารที่อเมริกานั้นสูงมากผิดกับบ้านเรา) ทำให้ Fintech สามารถเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ได้ทุกการใช้จ่ายทางการเงิน

แต่ก็ไม่ได้มีแค่บริษัท Fintech ใหม่ๆเท่านั้นที่จับกลุ่ม Gen Z เท่านั้น แต่บรรดาบริษัทการเงินอื่นๆเองต่างก็เพิ่มกลุ่ม Gen Z เข้ามาเป็นเป้าหมายหลักที่มีความสำคัญมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

Gen Z Cashless Society

Revolut บริษัทด้านการเงินที่มีฐานอยู่ที่ประเทศอังกฤษก็วางแผนเปิดตัวบัตรสำหรับวัยรุ่นที่ชื่อว่า Revolut Youth ในสิ้นปี 2019 นี้ และจะเปิดตัวแอปที่เกี่ยวข้องกันภายในปี 2020 ด้วย โดยพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถติดตามควบคุมดูแลการใช้เงินของลูกๆได้ผ่านบัญชีของตัวเองกับ Revolut แต่ถ้าเมื่อไหร่เด็กคนนั้นโตจนอายุถึง 18 ปี ก็จะได้รับสิทธิ์ในการควบคุมบัญชีธนาคารของตัวเองเต็มที่โดยที่พ่อแม่จะไม่มีสิทธิ์ยุ่งได้อีกต่อไป

ในจุดนี้ทำให้พ่อแม่อยากเปิดบัญชีให้ลูก และพอเมื่อลูกโตแล้วก็ทำให้ไม่เลิกใช้บัญชีการเงินกับ Revolut เป็นการรักษาลูกค้าให้ได้ในระยะยาว

Gen Z Cashless Society

เช่นเดียวกัน Monzo บริษัทด้านการเงินที่ประเทศอังกฤษก็เปิดตัวบริการทางการเงินสำหรับวัยรุ่นในปี 2018 โดยมุ่งไปที่กลุ่ม Gen Z ที่อายุ 16-17 ปีเป็นพิเศษ และตอนนี้ก็ตั้งเป้าว่าจะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังเด็กวัยรุ่นที่มีอายุน้อยกว่านี้มากขึ้น

สุดท้ายนี้เมื่อธุรกรรมทางการเงินกลายเป็นดิจิทัล เพราะการใช้เงินจริงๆน้อยลงมาก วัยรุ่นในวันนี้จำเป็นต้องเรียนรู้ว่าเงินที่ใช้นั้นมีค่ามากกว่าแค่ตัวเลขที่เห็น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จับเงินจริงๆเหมือนคนรุ่นก่อนแล้วก็ตาม เพราะจากการทดลองทางจิตวิทยาพบว่าถ้าคนเราไม่ได้จับเงินจริงๆจะทำให้เกิดการใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แต่พอต้องใช้เงินจริงๆจะมีแนวโน้มว่าจะใช้เงินน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

ความท้าทายสำคัญของคนยุคก่อนไม่ว่าจะธนาคารและพ่อแม่ผู้ปกครองคือ ทำอย่างไรให้ Gen Z รู้ค่าของเงินเหมือนกับคนรุ่นก่อน ไม่มองว่าเงินเป็นเพียงแค่ตัวเลขบนหน้าจอในยุค Cashless Society

Gen Z Cashless Society

Source: https://www.jwtintelligence.com/2019/10/gen-z-finance/?mc_cid=a3abe4b40f&mc_eid=942bc353fb

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *