การตลาด…เอาจริงดิ? ร้านไหนคะแนนรีวิวต่ำ เราส่งซอสเปลี่ยนชีวิตให้ฟรี! (B2B+B2C)
วันนี้นุ่นเอาแคมเปญการตลาดที่อ่านแล้วอดแชร์ไม่ได้มาเล่าให้เพื่อน ๆ นักการตลาดอ่านเล่นกันค่ะ เพราะแว๊บแรกที่อ่านจบคือ เอาจริงหรอ เอาจริงดิ แต่พอมาลองวิเคราะห์ดูแล้วแบรนด์สามารถ WIN ได้ทั้ง B2B ควบ B2C ไปเลย ในบ้านเราอาจจะยังไม่มีแบบนี้มั้ยนะ การเอาแคมเปญและไอเดียเจ๋ง ๆ มาปรับให้เหมาะกับแบรนด์ของนักการตลาดก่อนใครเลยจะดีหรือไม่คะ?
ถ้าพร้อมแล้วนุ่นขอเล่าแบบกระชับเน้น ๆ เลยนะคะ แบรนด์ที่เป็นเจ้าของแคมเปญนี้คือ Curtice Brothers ขายซอสมะเขือเทศที่มั่นใจในคุณภาพและรสชาติของสินค้าในมือเต็มที่ ตัดสินใจมอบผลิตภัณฑ์แบบฟรี ๆ ให้กับร้านอาหารที่มีคะแนนรีวิวต่ำ เพื่อดูว่าจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนชีวิตเจ้าของร้านให้ขายดีขึ้นได้หรือไม่
ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะพื้นฐานก่อนทำแคมเปญการตลาด แบรนด์ต้องเน้นเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญ และยิ่งเป็นสินค้าเกี่ยวกับอาหารการกินยิ่งต้องทำให้อร่อยจริงไม่จกตา
วิธีที่แบรนด์ทำคือทำงานร่วมกับเอเจนซี่ชื่อดัง Ogilvy Berlin เริ่มจากไปหาข้อมูลร้านอาหารที่มีคะแนนรีวิวไม่สูงนัก บนแพลตฟอร์ม TripAdvisor และขุดดูคอมเมนต์ติร้านอาหารต่าง ๆ นา ๆ เช่น “เรื่องสยองขวัญ” “แย่มาก” และ “อย่าเสียเงิน” ถ้ามองเทียบกับบ้านเราก็อาจจะเหมือนรีวิวร้านอาหารใน Wongnai ที่ใคร ๆ ก็มักหาข้อมูลร้านอร่อยที่นี่ค่ะ
นอกจากนี้ป้ายโฆษณาแคมเปญยังมีประโยคเด็ด Making not OK food OK อีกด้วยถ้ามองเทียบกับบ้านเราก็อาจจะเหมือนรีวิวร้านอาหารใน Wongnai ที่ใคร ๆ ก็มักหาข้อมูลร้านอร่อยที่นี่ค่ะ ไม่รู้ใครเป็นเหมือนนุ่นมั้ยที่ชอบอ่านคอมเมนต์ ภาพอาหารจากคนที่เคยไปมาแล้วเช่นกัน ก่อนตัดสินใจเอาเงินไปซื้อความอร่อยที่ร้านนั้นนั่นเอง
กลับมาที่แคมเปญ นี่แหละคือวิธีที่แบรนด์ล็อกเป้าหมายร้านอาหารค่ะ ว่าร้านไหนคือร้านที่แบรนด์จะไปช่วยชีวิต และทำให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้นกว่าเดิม! หลังจากนั้นแบรนด์ก็ส่งซอสมะเขือเทศ Curtice Brothers ไปให้ร้านอาหารฟรีเลย พร้อมจัดแจงให้วางบนโต๊ะในร้านพร้อมให้ลูกค้าหยิบไปลองเหยาะชิมทันที หลังจากนั้นมาดูความเปลี่ยนแปลงจากรีวิวบน TripAdvisor อีกครั้ง
วิเคราะห์วัตถุประสงค์หลักของแคมเปญ
1. เพื่อให้บรรดาร้านอาหารได้รู้ว่าซอสออร์แกนิก Curtice Brothers มัน big impact on business (B2B)
2. เพื่อส่งเสริมการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าไปในตัว ติดใจก็อาจจะหาแวะซื้อกลับบ้าน (B2C)
ซึ่งนุ่นคิดว่าแคมเปญนี้สามารถตอบกับจุดประสงค์ได้ทั้งสองข้อเลย ร้านอาหารที่ได้ซอสฟรีไปก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเป็นส่วนใหญ่ และลูกค้าเองก็ได้ลองทานซอสที่ยังไม่มีในบ้านด้วยเช่นกัน ถ้าเรามั่นใจในสินค้าก็อย่างไปหยองค่ะ โอกาสในการสร้างการรับรู้และยอดขายจากไอเดียนี้มีมากเลย
อยากทราบไหมคะว่าแคมเปญนี้มันเวิร์คจริงเหรอ? แล้วเวิร์คยังไง? หลังจากเปิดตัวร้านอาหารทั้ง 16 ได้รับการการจัดอันดับของ TripAdvisor ในระดับดีขึ้นทันตา และร้านยังมีรายได้เพิ่มขึ้น 12%-23%, brand sentiment +17% ในเบอร์ลิน และ +300% unique online store visitors
เลยทำให้แบรนด์วางแผนที่จะเปิดตัวแคมเปญในตลาดยุโรปอื่นๆ ในปีนี้ค่ะ โดยทั้งแบรนด์และเอเจนซี่เชื่อว่าแบรนด์สร้างความแตกต่างได้จริง นำความสุขมาให้คนทานและช่วยธุรกิจร้านอาหารได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาโรคระบาดแบบนี้
แบรนด์เล็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กเสมอไป ลองสู้เพื่อความปังให้แบรนด์ตัวเองซักแคมเปญนะคะ นุ่นเองที่นำแคมเปญนี้มาเล่าเพราะอยากให้เห็นวิธีที่เราสามารถเอา Social Data ฟรีรอบตัวและบนอินเทอร์เน็ตที่อยู่ปลายนิ้วของนักการตลาดทุกคน จับจุดเล็ก ๆ อย่างร้านคะแนนรีวิวต่ำมาสร้างโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ทั้ง B2B และ B2C
อย่างไรก็ตามสุดท้ายของบทความขอเขียนเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการทุกคน สามารถเอาตัวรอดและปังได้แม้ในสภาวะสังคมที่ไม่ปกติ ค้างคากับโรคระบาด (หลายโรค) กันมาหลายปีให้ได้นะคะ และถ้านุ่นเจอแคมเปญเจ๋ง ๆ แบบนี้อีก จะนำมาเล่าให้นักการตลาดอ่านเป็นกำลังใจ กำลังไอเดียกันอีกแน่นอนค่ะ พร้อมทั้งเรื่องราวความรู้ด้านการตลาดอื่น ๆ ที่อัปเดตหน้าเพจทุกวัน และฝากติดตาม Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ
อ่านบทความเกี่ยวกับเคสการตลาดเพิ่มเติม > https://www.everydaymarketing.co/category/business/