ในยุคที่แบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า Brand Democracy ที่ผู้คนในสังคมทุกวันนี้รู้สึกว่าภาคธุรกิจไม่อาจเอาแต่ขายของโดยไม่ใยดีกับสิ่งที่กำลังเป็นประเด็นในสังคมได้อีกต่อไป เพราะถ้าแบรนด์ใดเมินเฉยก็จะถูกคนติดป้ายว่าเป็น Ignorant หรือพวกไม่ใยดีกับสังคมโดยเฉพาะในประเด็นที่พวกเขาสนใจ จนทำให้เกิดทัวร์ลงได้ง่ายๆ พาลทำให้แบรนด์ที่พยายามสร้างมานานนับสิบปีด้วยงบการตลาดนับไม่ถ้วนหายวับไปกับตา วันนี้เลยจะพามาดูอีกหนึ่งเคสแคมเปญการตลาดที่ของแบรนด์ Patagonia ที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าพวกเขาต้องวางตัวอย่างไรกับประเด็นในสังคม แต่แบรนด์นี้เลือกที่จะเป็นผู้นำในการนำพาผู้คนที่มีจุดยืนร่วมกันในเรื่องนี้ มาร่วมกันแสดงพลังให้สังคมรับรู้ถึงปัญหาเมื่อครั้งหนึ่งประธานาธิบดีอย่าง
Tag: Social issue
บทความก่อนหน้านี้ เพลินเคยได้เขียนถึง Brand & Politics ไป ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องที่ใกล้ๆ กับการเมืองอีกหนึ่งเรื่องที่คนอยากให้แบรนด์เข้ามาร่วมด้วยก็คือปัญหาต่างๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสีผิว เชื้อชาติ หรืออะไรอื่นๆ ซึ่งวันนี้เคสที่เพลินยกขึ้นมาให้ก็คือ เคสของ Burger King ที่หยิบประเด็นการ Bully ในสังคมเด็กๆ โรงเรียนขึ้นมา
เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2020 ที่ผ่านมา UBER EATS แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์หรือ Food Delivery ชื่อดังประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมให้กับบรรดาร้านอาหารรายเล็กกว่าแสนร้านทั่วประเทศ และยังเสนอมอบอาหารให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นแนวหน้าในการสู้รบกับเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ทำงานอย่างเต็มที่ครับ ทางผู้บริหารของ Uber Eats
แคมเปญการตลาดที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นเรื่องของการเอา Data มาช่วยกระตุ้นให้เกิด Emotional ตามมา หรือจะเรียกว่า Data-Driven Emotional Marketing ก็ได้ครับ เมื่อแบรนด์เหล้าแบรนด์หนึ่งของสเปนที่ชื่อว่า Ruavieja ได้ทำแคมเปญที่ชื่อว่า Tenemos
สรุปหนังสือ Business as Unusual เล่มนี้ถ้าให้สรุปสั้นๆก็คือแนวทางการสร้างแบรนด์ ในยุค 5.0 ในวันที่สินค้าหรือบริการแทบไม่เหลืออะไรให้ต่าง จนต้องใช้ความดีของการทำธุรกิจจากแต่ละแบรนด์มาเป็นเกณฑ์ใหม่ในการสร้างความต่างขึ้นมา ดังนั้นถ้าธุรกิจคุณใหญ่โตไปจนถึงขึ้นสุด แบบว่าไม่รู้ว่าจะ Growth ไปทางไหนต่อ หนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นแสงสว่างให้คุณเห็นทางออกว่าจะโตไปต่อได้อย่างไร ขอเกริ่นก่อนเข้าสรุป
A BETTERMENT MARKETING การตลาดยุคใหม่ ธุรกิจต้องไปต่อ…เพื่อโลกที่ดีกว่าเดิม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (7 ต.ค. 2562) เหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งในวงการการตลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Philip Kotler “Godfather of
แค่ CSR ไม่พออีกต่อไปสำหรับการให้คนรักแบรนด์ในวันนี้ เพราะแบรนด์ใหญ่ๆในวันนี้นั้นมีทั้งพลังและอำนาจมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ เหมือนที่น้ำดื่มสิงห์ทำด้วยการมอบพื้นที่ฉลากขวดน้ำสิงห์ ให้กลายเป็นป้ายประกาศตามหาเด็กหาย ที่ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา แคมเปญนี้ไม่ต้องพูดมาก แค่ดูภาพก็เข้าใจได้ถึงความยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นกับสังคมจากนี้ไป ด้วยพื้นที่เล็กๆข้างขวดน้ำที่ไม่เคยมีใครสนใจอ่านจนกระทั่งวันนี้เอง การตลาดวันละตอนขอชื่นชมทีมงานทุกฝ่ายของแคมเปญนี้ ที่ช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้นจริง เพราะผมรู้ว่าการจะเปลี่ยนแปลงอะไรบนแพคเกจขวดน้ำนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่แค่ฝ่ายการตลาดเท่านั้นที่จะทำได้ แต่ต้องเกิดจากการร่วมมือของทุกฝ่ายจริงๆครับ
Give Registry แคมเปญ CSR แนวใหม่จากห้างสรรพสินค้าชื่อดัง Myer ที่ประเทศออสเตรเลีย ที่ชวนให้ลูกค้ามาซื้อของขวัญให้กับผู้หญิงที่เพิ่งออกจากบ้านมาเริ่มชีวิตใหม่ จากการที่หนีจากสามีที่ทำร้ายร่างกายเธอมานาน แคมเปญ CSR ที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ จะทำให้คุณลืมทุก CSR ที่เคยเข้าใจมาโดยสิ้นเชิง
Diesel มาแปลก ทำโพสฉลองให้กับยอดคนติดตามหรือ unfollow ที่มากถึง 14,000 คน หลังจากออกคอลเลคชั่นใหม่ Diesel Pride ในช่วงเทศกาล Pride Week ที่ยุโรป จนเกิดการต่อต้านจากเหล่าผู้ติดตามเดิมที่เป็นแฟนของแบรนด์
Data Driven Branding ที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นเรื่องของสินค้าที่แสนจะธรรมดาอย่างสบู่ Lifebuoy ที่สามารถเอาข้อมูลมาวิเคราะห์จนทำนายล่วงหน้าได้ว่า พื้นที่ไหนบ้างกำลังจะเกิดโรคระบาด แล้วก็โทรไปแจ้งเตือนให้ระวังและป้องกันด้วยการล้างมือให้บ่อยขึ้น จนส่งผลให้ผู้คนรู้สึกดีกับแบรนด์และยอดขายเพิ่มมากขึ้นครับ ในยุค data ที่ว่ากันว่านี่คือทรัพยากรเดียวที่ใช้แล้วไม่มีวันหมด แถมยิ่งใช้ก็ยิ่งพบคุณค่าใหม่ๆเพิ่มขึ้น เหมือนเคสของ