ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ใครๆ ก็อยากให้ Data-Driven Decision กันทั้งนั้น เพราะข้อมูลวันนี้ เป็นเหมือนเงินทองที่บริษัทไหนมี ก็ไม่อยากแบ่งให้คนอื่น จริงๆ อย่าว่าแต่บริษัทเลยค่ะ ทีมงานหรือแผนกข้างในบริษัทเดียวกันเอง ก็ยังห่วง Data ของตัวเองไม่อยากแบ่งให้ทีมอื่นเลย เรียกได้ว่า ใครมี Data เยอะสุดคือชนะ แต่ต้องบอกว่าปีที่แล้ว Data Analyst ของบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาระดับโลกอย่าง Gartner ออกมาชี้ตัวเลยว่า 85% ของ Big
จากบทความเรื่อง The Power of Personalization นักการตลาดยุคใหม่ต้องรู้ใจก่อนลูกค้ารู้ตัว ที่ได้เสียงตอบรับอย่างดีมากมายจากหลายฝ่าย จนตอนนี้การตลาดวันละตอนกำลังจะออกหนังสือเรื่อง Personalized Marketing กับสำนักพิมพ์อัมรินทร์ในเร็วๆนี้ครับ มาวันนี้ผมได้รับโจทย์ใหม่ที่ท้าทายขึ้นที่เหนือกว่านั่นก็คือ Hyper-Personalization คุณอาจกำลังสังสัยและคิดอยู่ในใจแบบนี้ว่า “อะไรฟ่ะ!
ผงซักฟอก Tide เป็นผงซักฟอกแบรนด์ดังที่อเมริกา เค้าเปลี่ยน Product ให้กลายเป็น Service ด้วยการเปิดบริการร้านซักรีดแบบครบวงจรเพื่อขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ขายช่องทางรายได้ และที่สำคัญยังขยายการเก็บ Data เพื่อมาต่อยอดธุรกิจด้วย เมื่อ Product อย่างผงซักฟอกนั้นเต็มไปด้วยคู่แข่งแบรนด์ใหญ่ๆมากมาย
เมื่อ Domino’s Pizza ต้องการข้อมูลที่หลากหลายและมีจำนวนมาก เพื่อมาช่วยเทรน AI ของเค้าที่ชื่อว่า Pizza Identifier ให้รู้จักพิซซ่าหลากหลายหน้าเท่าที่จะทำได้ ก็เลยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้าไปในแอพเดิม บวกกับแคมเปญการตลาดที่ชวนคนให้ถ่ายรูปหน้าพิซซ่าของตัวเองส่งเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อแลกกับการได้กินพิซซ่าถาดกลางฟรี บวกท้อปปิ้งอีก 2
สอน AI ให้เข้าใจสำเนียงอื่น แม้แต่ AI ก็ยังมีความไม่เท่าเทียม ใครจะรู้บ้างว่าเสียงตอบรับใน ai อย่างเช่นใน siri นั้นยังไม่เท่าเทียมกับชนชาติอื่นซักเท่าไหร่นัก แถมถ้าสำเนียงการพูดของผู้พูดนั้นไม่ตรงกับที่ ai มี ก็ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการแสนพิเศษของ
#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน