Wongnai x Eatigo ต่อยอดธุรกิจจาก Data เสริชหาร้านแล้วจองโต๊ะจบในแอพเดียว

Email LinkedIn Tweet Facebook ShareShares269

ในยุคของ Data-Driven หลายสิ่งหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นก็ทำให้การจับมือระหว่างสองธุรกิจเป็นไปได้มากขึ้น เมื่อ Wongnai ผู้กุม Data ร้านอาหารมากมายในไทย จับมือกับ Eatigo ผู้กุม Data คนที่พร้อมจ่ายก่อนกิน จนเกิดเป็นโอกาสใหม่ของทั้งสองธุรกิจ Wongnai x Eatigo ที่มีแต่ได้กับได้ และที่ได้ที่สุดก็คือผู้บริโภคที่รักการกินอย่างเรานี่แหละครับ

Data is King เป็นที่รู้กันว่าในยุค Data แบบนี้ใครที่มี Data มากที่สุดถือเป็นผู้ชนะ และหนึ่งในผู้ที่มี Data เรื่องร้านอาหารมากที่สุดในประเทศไทยก็คงไม่ใช่ใครถ้าไม่ใช่ Wongnai จริงๆ

เพราะ Data นั้นยิ่งใช้ยิ่งเกิดคุณค่า ไม่ได้หมดสิ้นไปเหมือนทรัพยากรอื่นๆ ดังนั้น Data จึงกลายเป็นหัวใจหลักของธุรกิจยุคใหม่ หรือที่เรียกว่า Data-Driven Business ก็ไม่ผิดครับ ดังนั้น Data ร้านอาหารมากมายทั่วไทยของ Wongnai วันนี้ไม่ได้ถูกใช้แค่ให้ค้นหาร้านอาหารใกล้ๆหรือสไตล์ที่ชอบ ไม่ได้ถูกใช้แค่ให้สั่งอาหารผ่าน Lineman อีกต่อไป แต่ยังถูกเอามาใช้ให้จองโต๊ะที่ร้านแล้วไปนั่งกินจริงๆได้แล้วครับ

เพราะ Eatigo เจ้าของแพลตฟอร์มเรื่องการจองโต๊ะที่ร้านอาหาร เข้ามาใช้โอกาสจาก Data ร้านอาหารกว่า 200,000 ร้านของวงใน แน่นอนว่านี่เป็นการขยายโอกาสในการเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆโดยที่ตัวเองไม่ต้องออกไปไล่เก็บข้อมูลร้านอาหารด้วยตัวเองให้เสียเวลา

การร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้การตลาดวันละตอนมองว่านอกจากจะเป็นการแบ่งกำไรเรื่องของลูกค้าที่ถูกส่งไปยังร้านอาหารแต่ละร้านแล้ว ยังเป็นการแบ่งปัน Data ของลูกค้าเพื่อเอามาประกอบ Persona ได้ชัดขึ้นว่าคนไหนบ้างที่ค้นหาร้านผ่าน Wongnai แล้วไปกินที่ร้านจริงๆครับ

แถมดีลที่ลูกค้าจะได้จากการจองโต๊ะผ่าน Wongnai x Eatigo ก็ดีจนปฏิเสธไม่ได้ เพราะลดกันมากมายยิ่งกว่าการจองตรงกับร้านเองเสียอีก ถ้าถามว่าแล้วทาง Eatigo กับ Wongnai ไปเอาส่วนลดมากมายมาจากไหนแจกลูกค้าคนกิน นี่คือธุรกิจ Startup ที่ต้องเผาเงินเหมือนพวกขายดีลอื่นๆอีกหรือเปล่า

บอกได้เลยว่าเปล่าครับ เพราะทาง Eatigo บอกว่าส่วนลดที่ได้มาจากร้านอาหารก็มาจากทางร้านอาหารเองนี่แหละที่เต็มใจมอบให้

เพราะทางร้านอาหารจะมีช่วงเวลาที่โต๊ะว่าง ช่วงที่ไม่ใช่กลางวันและเย็นหรือมื้อค่ำที่มักจะคลาคล่ำไปด้วยลูกค้า ด้วยช่วงเวลาว่างเหล่านี้แหละที่ว่างไปก็เสียค่าไฟเปล่า เสียค่าพนักงานเปล่า เป็นการเสียทรัพยากรเปล่าไปมากมาย ดังนั้นร้านที่จะเข้าร่วมกับ Wongnai x Eatigo รู้อยู่แล้วว่าการลดกำไรลงดีกว่าการปล่อยให้โต๊ะว่าง สู้ลดกำไรลงบ้างเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านมายังไงก็ดีกว่าปล่อยโอกาสให้สูญเปล่าเสมอ

ดังนั้นการร่วมมือกันระหว่าง Wongnai กับ Eatigo จึงเป็นการร่วมมือกันที่ทุกฝ่ายมีแต่ได้ เพราะทั้งสองแพลตฟอร์มก็ได้ trade data และ audience ระหว่างกัน ตัวลูกค้านักกินก็ได้ดีลที่ดีในแบบที่ไม่เคยได้ ส่วนร้านอาหารเองก็ได้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นแทนที่จะปล่อยให้พนักงานนั่งดู YouTube หรือเล่น Instagram ไปเปล่าๆ งานนี้ไม่ใช่แค่วินวิน แต่เป็น วินวินวินวิน เพราะวินกันถึง 4 ฝ่ายครับ

สุดท้ายนี้ผมรู้สึกว่า Wongnai กำลังก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Data แบบเต็มตัว เพราะเขาบอกว่าต้องการจะจับ Customer Journey ของลูกค้าสายกินให้ครบถ้วนทุกกระบวนการ เพราะนอกจากกจะเสริชหาร้านอาหารที่ต้องการได้แล้ว ยังสามารถเลือกได้ว่าจะสั่งมากินที่บ้านหรือจองโต๊ะเพื่อไปกินที่ร้าน และอีกหน่อยอาจจะมีให้บริการจองรถรับไปที่ร้านอาหาร แล้วจากนั้นก็มีรถมารับกลับ เรียกได้ว่า Wongnai กลายเป็น Data Business เต็มตัวแล้วก็ได้ครับ

การทำธุรกิจในวันนี้อย่าคิดว่าคุณขายสินค้า หรือขายบริการ แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าสิ่งที่คุณทำคือการแลกเปลี่ยน Data ต่างหาก นักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจในวันนี้ต้องมองทุกอย่างเป็น Data ให้ออก เพราะไม่อย่างนั้นคุณกำลังพลาดโอกาสในอนาคตไปอย่างน่าเสียดาย เหมือนกับคุณปล่อยเงินให้ไหลทิ้งไปโดยไม่เก็บซักที

พิเศษทิ้งท้ายสำหรับคนที่สนใจอยากจะลองจองโต๊ะผ่านแอป Wongnai ผมมีโค้ดส่วนลดมาให้เอาไปลองใช้กัน WNEATIGO ใช้ได้ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2562 นี้เท่านั้น แต่ใช้ได้ 2 ครั้ง หรือจนกว่า Promo Code นี้จะหมดครับ

ดังนั้นก่อนจะเข้าร้านอาหารร้านไหนระหว่างนี้ ลองเปิดแอป Wongnai ขึ้นมาเช็คดูก่อนว่ามีส่วนลดเมื่อจองโต๊ะหรือไม่ ก็แหมเขาอุตส่าห์จับมือกันให้เราได้ดีลดีๆแล้ว แล้วมันเรื่องอะไรที่เราจะไม่ใช้สิทธิ์เราจริงมั้ยครับ

*สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านที่สามารถจองโต๊ะได้บนเว็บไซต์ Wongnai
กรุงเทพฯ – https://www.wongnai.com/collections/eatigo-wongnai-bkk
พัทยา – https://www.wongnai.com/collections/eatigo-wongnai-pattaya
เชียงใหม่ – https://www.wongnai.com/collections/eatigo-wongnai-cnx