NIA เปิด 100 รายชื่อผู้สร้างแรงบันดาลใจ พร้อมส่งเสริมบุคคลต้นแบบ ร่วมขับเคลื่อนสังคมและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน

NIA เปิด 100 รายชื่อผู้สร้างแรงบันดาลใจ พร้อมส่งเสริมบุคคลต้นแบบ ร่วมขับเคลื่อนสังคมและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศ 100 รายชื่อผู้สร้างแรงบันดาลใจสู่การเปลี่ยนแปลงโลกอย่างยั่งยืน จากหนังสือ “ร้อยคนไทยหัวใจนวัตกรรม 3” ภายใต้แนวคิด SUSTAINABLE INNOVATION การสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่ การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

ด้วยหลักคิด 3P ได้แก่ PLANET (สังคมและสิ่งแวดล้อม)  PEOPLE (คุณภาพชีวิต) และPROFIT (เศรษฐกิจ) ผ่านกระบวนทัศน์ ความคิด ผลงาน และความสำเร็จของบุคคลต้นแบบจากหลากหลายสาขาอาชีพในประเทศ ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมสู่การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

พร้อมเปิดนิทรรศการออนไลน์ และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ “ร้อยคนไทยหัวใจนวัตกรรม 3” โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.nia100faces.com

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “NIA มองประชาชนและสังคมเป็นศูนย์กลางมาโดยตลอด จึงมุ่งส่งเสริมนวัตกรรมที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มโอกาสให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศ

พร้อมผลักดันให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของนวัตกรรม สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล รวมถึงสามารถสร้างและใช้นวัตกรรมได้ หนังสือ “ร้อยคนไทยหัวใจนวัตกรรม 3” ปีนี้จึงจัดขึ้นภายใต้แนวคิด SUSTAINABLE INNOVATION การพัฒนาที่ยั่งยืนครอบคลุมในทุกมิติอย่างสมดุล

โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 6 สาขา ได้แก่

  • กลุ่ม PLANET นวัตกรรมที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย สาขาสิ่งแวดล้อม (Environment)  และสาขาเครือข่ายเมือง (City Networks)
  • กลุ่ม PEOPLE นวัตกรรมที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย สาขาสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Well-Being) สาขาสิทธิเสรีภาพ ความเป็นส่วนตัว และความเท่าเทียม (Privacy, Rights & Equality)
  • กลุ่ม PROFIT นวัตกรรมที่สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ประกอบด้วย สาขาความมั่นคง (Security) และสาขาการเข้าถึงโอกาสที่ครอบคลุม (Inclusiveness) เพื่อเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นสิ่งใกล้ตัวที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร อยู่ในภาคธุรกิจหรือภาคประชาสังคม ภาครัฐหรือภาคการศึกษา ขอเพียงทำอย่างจริงจังและแตกต่างด้วยกระบวนทัศน์ใหม่”

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า หนังสือ “ร้อยคนหัวใจนวัตกรรม 3” ได้ร้อยเรียงเรื่องราวของคนไทยจำนวน 100 คน
ที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอีกร้อยล้านคน ทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างชาติให้ลุกขึ้นมาร่วมกันคิดร่วมกันทำให้ความยั่งยืนเกิดขึ้นด้วยนวัตกรรม

โดยภายในงานมีการเปิดตัวหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) นิทรรศการ “ร้อยคนไทยหัวใจนวัตกรรม 3 และกิจกรรมเสวนาจาก 3 ตัวแทนผู้สร้างแรงบันดาลใจที่จะร่วมสะท้อนแนวคิดการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม พร้อมกันนี้ยังได้จัดนิทรรศการในรูปแบบออนไลน์เสมือนจริง (Virtual Exhibition) ที่ทุกคนสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การเข้าชมนิทรรศการเสมือนมาอยู่ที่งานจริง 

NIA เปิด 100 รายชื่อผู้สร้างแรงบันดาลใจ พร้อมส่งเสริมบุคคลต้นแบบ ร่วมขับเคลื่อนสังคมและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน

โดยในวงเสวนา ตัวแทนผู้สร้างแรงบันดาลใจที่จะร่วมสะท้อนแนวคิดการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม คุณพันชนะ วัฒนเสถียร ผู้ริเริ่มโครงการข้าวเพื่อหมอ จากกลุ่ม PLANET กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ช่วงแรก ได้ระดมทุนผ่านระบบคลาวด์ (Crowdfunding) เพื่อจัดหาข้าวกล่องจากร้านอาหารต่าง ๆ ส่งให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนัก

ในชื่อโครงการ “ข้าวเพื่อหมอ หรือ Food for Fighters” ซึ่งได้รับการรับรองจากทาง UNDP ต่อมาโครงการเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีร้านอาหารที่อยู่ในระบบมากกว่า 20 จังหวัด จึงเกิดการวางระบบจับคู่โรงพยาบาลกับร้านอาหารในพื้นที่ขึ้นอีกส่วนหนึ่ง นับเป็นการทำงานเครือข่ายแบบครบวงจรอย่างแท้จริง และช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อน

โดยโปรเจกต์ข้าวเพื่อหมอไม่ได้มองปัจจัยด้านการเงินเป็นหลัก แต่เป็นการประยุกต์เครือข่ายที่มีมาสร้างคุณค่าและเพิ่มศักยภาพในการขยายผลจนกลายเป็นนวัตกรรมจากการร่วมมือกันที่สร้างความยั่งยืนสู่สังคม

ด้าน ผศ. พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน จากกลุ่ม PEOPLE กล่าวว่า เทคโนโลยีทำให้คนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ผู้มีความรู้ในด้านต่าง ๆ มักจะเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ซึ่งกันและกันนับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสทางสังคม

จึงได้ริเริ่มเปิดเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” เพื่อถ่ายทอดความรู้จากวิชาชีพ รวมถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา เล่าเรื่องราวการเลี้ยงดูเด็กในแต่ละช่วงวัย ประเด็นปัญหาทางสังคมที่เกี่ยวกับเด็กให้คุณพ่อและคุณแม่เข้าใจ เปลี่ยนแปลงทัศนคติการเลี้ยงลูกแบบเดิมสู่การเลี้ยงลูกในค่านิยมที่เรียกว่า “เลี้ยงลูกเชิงบวก” เป็นการสร้างเด็กให้มีการเติบโตอย่างสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะเป็นรากฐานที่นำไปสู่สังคมแห่งพลังบวกได้อย่างยั่งยืน เพราะการเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง ต้องใช้คนทั้งสังคม

ในขณะที่ คุณณัฐพล ม่วงทำ เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน จากกลุ่ม PROFIT กล่าวว่า จากความคิดริเริ่มที่ต้องการให้การตลาดที่ดูเป็นเรื่องเข้าใจยากกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าใจง่าย จึงเกิดเป็น “เพจการตลาดวันละตอน”
ที่มีคอนเซปต์เล่าเรื่องการตลาดในภาษาที่แม่ค้าในตลาดอ่านแล้วเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

ทำให้การตลาดเป็นเรื่องที่บุคคลทั่วไปรู้ได้ ไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป ด้วยการหยิบยกศัพท์เทคนิคด้านการตลาดมาย่อยให้ง่ายขึ้น จนมีผู้ติดตามเพจนับแสนคน และเติบโตมาเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดที่ยังคงไม่หยุดพัฒนา เหมือนคำกล่าวที่ว่า “ความรู้ไม่สิ้นสุด” และการตลาดวันละตอนก็ยังคงพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุดเช่นกัน

“NIA หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนร่วมกันสร้างความยั่งยืนด้วยนวัตกรรม และเชื่อว่าคนไทยจะสามารถทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นชาตินวัตกรรม และอยู่ในอันดับที่ 30 ของดัชนีนวัตกรรมโลกได้ โดยนวัตกรรมเด่นของประเทศไทยที่ทำให้ต่างชาติจดจำ คือ นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ประณีต (Innovation for Crafted Living)
ซึ่งเน้นวิถีไทย อัตลักษณ์ไทย และโครงสร้างสังคมวัฒนธรรมไทย ที่เราจะได้เห็นตัวอย่างมากมายจากหนังสือเล่มนี้”
ดร.พันธุ์อาจ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปร่วมค้นหาแนวความคิดของบุคคลต้นแบบ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม ผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และชมนิทรรศการออนไลน์เสมือนจริงได้ทาง เว็บไซต์ https://www.nia100faces.com/

สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ

การตลาดวันละตอน

การตลาดวันละตอน เว็บรวมความรู้การตลาดด้าน Data และ Personalization

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่