depa​ (ดีป้า)​ ขับเคลื่อน​ประเทศ​ ผ่านแนวคิด DIGITAL INFINITY

depa​ (ดีป้า)​ ขับเคลื่อน​ประเทศ​ ผ่านแนวคิด DIGITAL INFINITY

depa หรือ​ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล​ ยกทีมผู้บริหารระดับสูง​ มาร่วมแถลงผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา พร้อมประกาศแผนการดำเนินงาน ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “DIGITAL INFINITY – ดิจิทัลไม่มีที่สิ้นสุด” โดยมุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลรอบด้าน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น 

เพิ่มศักยภาพกำลังคนดิจิทัลผ่านการ Upskill, Reskill และ New Skill

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)  กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา depa มุ่งพัฒนากำลังคนสู่ยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นหน่วยงานแรก ๆ ของประเทศที่มุ่งสร้างเสริมทักษะด้านโค้ดดิ้งให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อปูพื้นฐานสู่เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงในอนาคต 

โดยปัจจุบันมีนักเรียนสามารถเข้าถึงทักษะด้านโค้ดดิ้งมากกว่า 4.2 ล้านคน เพิ่มศักยภาพกำลังคนดิจิทัลผ่านการ Upskill, Reskill และ New Skill พร้อมกันนี้ depa ยังยกระดับภาคเศรษฐกิจสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ 

ผลักดันดิจิทัลสตาร์ทอัพเข้าสู่ระบบ

พร้อมกันนี้ทาง​ depa​ ยังได้มีการสร้างดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทย 142 ราย เกิดมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจมากกว่า 16,000 ล้านบาท ผลักดันดิจิทัลสตาร์ทอัพเข้าสู่ระบบและได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ

ซึ่งดิจิทัลสตาร์ทอัพนับเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการทรานส์ฟอร์มกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก (Real Sector) ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจและบริการ ภาคการท่องเที่ยว และภาคเกษตรกรรม 

ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

depa ได้ดำเนินการขับเคลื่อนชุมชนสู่สังคมดิจิทัล โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชมสามารถเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาขีดความสามารถในกระบวนการผลิต ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง มั่นคง เติบโตได้อย่างยั่งยืน 

โดยมีชุมชนที่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัลมากถึง 281 ชุมชน ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน ผู้สูงวัย กลุ่มเปราะบางเกิดความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล (Digital Literacy) ตระหนักถึงประโยชน์ของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลไม่น้อยกว่า 9 ล้านคน 

ขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล​ Thailand Digital Valley

ไม่เพียงแต่การพัฒนา​ Skill​ ต่างๆ​ เท่านั้น​ แต่​ depa​ ยังส่งเสริมให้เกิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City) จำนวน 30 พื้นที่ใน 23 จังหวัด ส่งคนรุ่นใหม่กลับไปทำงานเพื่อพัฒนาภูมิลำเนาของตนเอง และบูรณาการการทำงานกับท้องถิ่นผ่านโครงการนักส่งเสริมดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ (Smart City Ambassadors) 

อีกทั้งขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับนวัตกรรมดิจิทัล ผ่านโครงการ Thailand Digital Valley ที่ทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 และกระจายการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลสู่ทุกภาคส่วนผ่านการดำเนินงานของสำนักงานฯ สาขาของ depa ที่กระจายตัวอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ 

ต่อยอดภารกิจภายใต้แนวคิด “DIGITAL INFINITY

สำหรับปี 2566 depa พร้อมต่อยอดภารกิจต่าง ๆ ตามแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “DIGITAL INFINITY – ดิจิทัลไม่มีที่สิ้นสุด” ประกอบด้วย 

Ecosystem and Beyond

ที่ผ่านมา ระบบนิเวศดิจิทัลถูก Disrupt จากภาวะเศรษฐกิจ การค้า และผู้คนที่เปลี่ยนไป ดังนั้น depa จะมุ่งสร้างชุมชนของเหล่าดิจิทัลสตาร์ทอัพให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น 

เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางของดิจิทัลสตาร์ทอัพทุกชาติ และทุกอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัล (Digital Service) แต่ครอบคลุมไปถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) เกม (Game) ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ (Hardware & Smart Device) รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ 

พร้อมดำเนินการสร้างกลไกส่งเสริมการลงทุนที่จะกลายเป็นหนึ่งในระบบนิเวศสำคัญในการเปิดตลาดประเทศไทยและกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมความพร้อมขยายตลาดเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ (Main Land) โดยมีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นฐานการเชื่อมโยงสู่ประเทศจีน 

National Transformation and Beyond

เมื่อมีชุมชนดิจิทัลสตาร์ทอัพที่เข้มแข็งแล้ว ประเทศไทยจะต้องมีกลไกที่จะช่วยทรานส์ฟอร์มภาคธุรกิจและบริการภายใต้ข้อจำกัดของทรัพยากรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างสรรค์เครื่องมือและบริการดิจิทัล ทำอย่างไรให้กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก รวมถึงภาคเกษตรกรรมได้รับการทรานส์ฟอร์มทั้งระบบ ทั้งแผ่นดิน (National Transformation) หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 

โดยในปี 2566 depa จะเร่งขับเคลื่อนให้เกิดเครื่องมือใหม่ ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรมไปสู่ระบบอัตโนมัติมากขึ้น เช่น การนำหุ่นยนต์มาใช้ในกระบวนการผลิต ขณะเดียวกัน depa จะเร่งเพิ่มมูลค่าให้กับภาคเกษตรกรรม โดยการยกระดับเทคโนโลยีดิจิทัลที่นำมาประยุกต์ใช้ และวางรากฐานเตรียมความพร้อมเข้าสู่กลไกตลาดโลก 

Technology and Beyond

ปี 2566 depa จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยเฉพาะ Big Data, Blockchain และ AI ซึ่งมองว่า ทุกภาคส่วนจะต้องรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงความปลอดภัย และประยุกต์ใช้เป็น นอกจากนี้ ประเทศไทยจะต้องเร่งสร้างเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) ที่เป็นของตนเอง เพื่อเป็นอาวุธ หรือเกราะป้องกันเมื่อต้องแข่งขันทางเทคโนโลยีกับคู่แข่งต่างชาติ 

อีกทั้งนำไปสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ นอกจากนี้ ประเทศไทยจะต้องจับตาการเข้ามาของเทคโนโลยีในจินตนาการที่อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี 6G และ Quantum Computing ที่จะเข้ามามีส่วนสำคัญกับทุกมิติในอนาคต 

Policy and Digital Inclusion

สุดท้ายคือเรื่องของนโยบายที่ depa จะดำเนินการเพื่อจัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลใหม่ เน้นการทำ Digital Inclusion โดยทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นฐานของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนกระจายการทำงานไปสู่ทุกประเทศในภูมิภาค เพื่อให้ไทยกลับมาเป็น ‘เสือ’ อีกครั้งเหมือนในอดีต 

โดยไทยจะต้องปลดล็อกกระบวนการทางกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศ ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศในการดึงดูดนักลงทุน หรือผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ 

ทำอย่างไรให้ ‘คน’ ในภูมิภาคสามารถเข้าถึงและใช้นโยบายที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแก่ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค รวมถึงเปิดประตูการค้าหรือการทำงานร่วมกัน หาก depa ไม่ดำเนินการ ประเทศไทยไม่ลงมือทำจะก้าวไม่ทันประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน 

Looking Forward

depa จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ผ่านการจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (National Big Data Institute: NBDi) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการทำงานเพื่อผลักดันประเทศ (Data Driven Nation) ด้วย พลังของคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการจะสามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ ส่วนประชาชนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามแนวคิด “Big Data for All” 

นอกจากนี้ depa จะเร่งกระจายการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลแก่ประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการผ่านเครือข่ายการทำงานในรูปแบบสำนักงานฯ สาขาทั้ง 7 สาขาทั่วประเทศของ depa ไม่ว่าจะเป็น

  • สำนักงานฯ สาขาภาคเหนือตอนบน จังหวัดเชียงใหม่
  • สำนักงานฯ สาขาภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิษณุโลก 
  • สำนักงานฯ สาขาภาคอีสานตอนกลาง จังหวัดขอนแก่น 
  • สำนักงานฯ สาขาภาคอีสานตอนล่าง จังหวัดอุบลราชธานี 
  • สำนักงานฯ สาขาภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี 
  • สำนักงานฯ สาขาภาคใต้ตอนบน จังหวัดภูเก็ต 
  • สำนักงานฯ สาขาภาคใต้ตอนล่าง จังหวัดสงขลา 

ทั้งหมดจะไม่ได้เป็นเพียงสำนักงานฯ สาขา แต่จะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการทรานส์ฟอร์มประเทศ อีกทั้งเปิดโอกาสให้คนไทยเข้าถึง และสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล โดยดำเนินงานเสมือนเป็นหนึ่งในครอบครัวของ ดีป้า ผ่าน d-space และ d-station 

แผนการดำเนินงานต่าง ๆ ถือเป็นความท้าทายไปอีกขั้น ซึ่ง depa ก็พร้อมจะทำงานอย่าง Beyond ควบคู่ไปกับการประสานการทำงานกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลรอบด้าน และให้ประเทศไทย รวมถึงคุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นนั่นเอง

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน