AWC ตอกย้ำความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ “สร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน”

AWC ตอกย้ำความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ “สร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน”

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้ประกาศครบรอบ 2 ปีในการจดเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นในกลยุทธ์ “สร้างอนาคตที่ดีกว่า” ให้ทุกฝ่าย พร้อมประกาศเดินหน้าลงทุนโครงการอสังหาฯ ทุกรูปแบบ โดยชู 3 โปรเจคแลนด์มาร์คแห่งใหม่ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเศรษฐกิจไทย

มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร

AWC ก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ด้วยการรวมพลังจากทั้งฝั่งผู้บริหาร และพนักงาน โดยขับเคลื่อนองค์กรรักษาความแข็งแกร่งให้พร้อมเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังเหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ซึ่งทาง AWC เองก็ยังคงเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระยะยาวและเตรียมกลยุทธ์การเป็น OMNI-Integrated Lifestyle Real Estate ที่รวมความหลากหลายของประเภทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ และสร้างคุณค่ารูปแบบใหม่ที่มุ่งตอบโจทย์และเสริมรูปแบบการใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัด

โดยคุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดด้านผลิตภัณฑ์และบริการของธุรกิจในเครือให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่แบบ New Normal ซึ่งเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ “Building a Better Future” ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนองค์กรจากภายในสู่คุณค่าองค์รวมให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าทุกคนสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกฝ่าย ทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน ชุมชน สังคมองค์รวม และประเทศไทยได้อย่างแน่นอน

ปรับตัวและตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคต

สำหรับในช่วงปี 2564 นี้ AWC มีการพิจารณาถึงแนวทางบริหารจัดการภาวะวิกฤตที่ครอบคลุมถึงการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) เพื่อปรับตัวและตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคต รวมทั้งมีความตั้งใจในการตอบแทนคุณค่าในระยะยาวและแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลทำให้ AWC จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นับเป็นการส่งเสริมความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social and Governance)

โดยกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนของ AWC เป็นกลไกในองค์รวมของการขับเคลื่อนธุรกิจในทุกกระบวนการ ประกอบด้วยหลัก 3B

  • Better People การพัฒนาบุคคลากรของค์กรรวมไปถึงการสร้างโมเดลกิจการวิสาหกิจ เพื่อสังคมที่สร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้ชุมชน
  • Better Planet การพัฒนาและดำเนินงานเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรของโลกได้อย่างยั่งยืน 
  • Better Prosperity การสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับเศรษฐกิจองค์รวม 

นอกจากนี้ AWC ยังมีกลยุทธ์ในการดึงพันธมิตรระดับโลกมาร่วมสร้างธุรกิจ เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรม รวมถึงเศรษฐกิจในภาพรวม โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อสร้างให้ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวระดับโลกในอนาคต

ปั้นโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ชู 3 โปรเจคแลนด์มาร์คแห่งใหม่

สำหรับทิศทางธุรกิจของ AWC จากนี้ บริษัทยังเดินหน้าลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ รวมถึงโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed and Merged) ที่ไม่ได้มีการแยกโรงแรม ค้าปลีก หรือตึกสำนักงาน ออฟฟิศอย่างชัดเจน ตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยในอีก 5 ปีข้างหน้า AWC ยังมีอีก 3 โปรเจกต์แลนด์มาร์ค ซึ่งจะสร้างปรากฏการณ์ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย

โครงการที่ 1:  ASIATIQUE THE RIVERFRONT DESTINATION

เป็นตึกสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งถือได้ว่าเป็น Iconic Landmark แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่มีคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม 

โดยในโครงการนี้จะประกอบด้วย โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ, โรงแรมเจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ รวมถึง ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ แบรนเด็ด เรสซิเดนส์ ซึ่งเป็นเซอร์วิส เรสซิเดนส์ 

มีแผนจะเปิดให้บริการโดยเริ่มจากเปิดโซนค้าปลีกและสำนักงานในปี 2567

โครงการที่ 2: AQUATIQUE DISTRICT PATTAYA 

โครงการนี้เป็นมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใจกลางเมืองพัทยา ประกอบด้วยแหล่งชอปปิง แหล่งท่องเที่ยว โรงแรมหรู 5 แบรนด์ และคอนโดพักอาศัยแบบ Branded Residence อีก 2 แบรนด์ รวมถึงพื้นที่ค้าปลีก และพื้นที่สำหรับ Wellness 

ซึ่งก็สอดคล้องและตอบโจทย์ในการส่งเสริมให้พัทยาเป็นจุดหมายปลายทางของชายหาดยอดนิยม (Beachfront destination) ระดับโลก

ฃฝโครงการที่ 3: เวิ้งนครเขษม 

เวิ้งนครเขษมนั้นถูกพัฒนาให้เป็นโครงการพิเศษแบบ Mixed Development ทั้งโรงแรม ที่อยู่อาศัย และค้าปลีกด้วยการลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท โดยดึงเสน่ห์และอนุรักษ์ความเป็นไชน่า ทาวน์ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับร้านค้าปลีกใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เส้นทางมรดก มรดกทางประวัติศาสตร์ และถนนแห่งความบันเทิง พร้อมตอบโจทย์การสร้างจุดหมายปลายทางแห่งความภาคภูมิให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

และทั้งหมดนี้ก็เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ AWC ให้เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้น โดยมีโครงการในอนาคตที่น่าจับตามองประกอบกันอยู่หลายโครงการเลยทีเดียว ส่วนตัวคิดว่าถ้าเสร็จสมบูรณ์ครบทุกโครงการแล้วก็น่าจะสามารถเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่สามารถดึงดูดคนทั่วโลก รวมถึงทำเงินให้กับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างมหาศาลเลยค่ะ

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *