เทคนิค Tweet บน Twitter ด้วย Worksheets 3 Cs

หลังจากที่เพลินได้เขียนถึงการทำ Twitter Ads ด้วยเทคนิค 3 Rs ไปแล้ว วันนี้ Twitter เค้ามี Publish อีกหนึ่งวิธีชื่อว่า 3 Cs ในการไกด์ เทคนิค Tweet ว่าเขียนยังไง สร้างตัวตนอย่างไรถึงจะปัง และไม่พังบน Twitter ซึ่งเค้าก็มีการออก Worksheets มาด้วยนะคะ เป็นตารางที่ให้นักการตลาดทุกคนสามารถเอาไปปรับใช้งานในแบบของตัวเองค่ะ

ซึ่งก่อนที่เราจะข้ามไปทำ Worksheets กัน เราต้องเข้าใจก่อนว่า Twitter เป็นเหมือนพื้นที่ในการสร้าง Brand Voice เป็นแหล่งที่รวมเสียงของคนทั่วไปจริงๆ ไว้มากที่สุดในวันนี้เลยก็ว่าได้นะ เพราะหลังจากที่พันทิปเริ่มปล่อยไก่ ว่ามีนักขายของหลายคนเริ่มเนียนเขียนรีวิวอวยเอาเอง คนก็ค่อยๆ หาช่องทางในการรีวิวแบบเรียลๆ กันไปเรื่อยๆ อีกอย่างบน Twitter ด้วยความที่มันจำกัด Characters ทำให้พูดได้น้อย แถมตัวตน Persona ที่สื่ออกมาก็มักจะแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ อยู่เอาการ ถ้าแบรนด์ไหรถูกจับได้ก็คือ แบรนด์เสียหายจริงๆ แบบไม่มี Transparency เลยค่ะ

งั้นเรามาเริ่มจาก C ตัวแรกกันเลย อย่างที่บอกว่าเพราะ Twitter มีระบบจำกัดจำนวน Characters หรือตัวอักษร ทำให้ C แรก คือเรื่องของ C – Concise หรือการจำกัดความ พูดให้น้อยแต่ปัง ดึงดูด ไม่ต้องสาธยายยืดยาว ต้องการจะสื่ออะไร ขอ Key Message เดียวและ Call-to-action เดียวไปเลย ไม่ต้องมากความ ซึ่งนี่ก็ทำให้มันโยงกับ C ที่สองก็คือ C – Clear การพูดให้ตรงประเด็น ชัดเจน จะอิงเทรนด์ไหน กระแสอะไร เอาให้เข้าใจไปเลยนั้นเองค่ะ

ส่วน C ที่สามก็คือเรื่องของ C – Conversational หรือการทำให้เกิดบทสนทนาบนแพลตฟอร์มได้ เอาจริงๆ จะเรียกว่าเป็น Creativity หรือ Community อะไรก็ได้ที่ทำให้คนอยากพูด อยาก Retweet และแชร์ต่อไป เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้ Twitter มีสเน่ห์และไปได้เร็ว ภายในไม่กี่นาที ถ้าทวีตคุณปังจริง มันไปไกลมาก เพราะสร้างกระแส ติดเทรนดิ้งได้รวดเร็วค่ะ

หลังจากที่เรารู้จักทุก Cs ของ 3 Cs แล้ว เราจะเริ่มลองร่างการเขียนทวีตไปพร้อมๆ กันกับ Worksheets จากทวิตเตอร์เลยค่ะ โดย Worksheets นั้นมีทั้งหมด 3 ชุด ชุดแรกจะเป็นเหมือนการสร้างที่กันกระแทกให้กับทวีตของคุณ ให้ไม่เล่นหรือมีขอบเขตในการละเลง Idea ไม่ว่าจะเป็น Copy หรือคำพูดที่เราต้องการจะสื่อสารตาม Communication Strategy ที่เราวางเอาไว้ พร้อมกับ Text ที่ไม่ควรมี เช่น ชื่อบริษัทของคู่แข่ง เป็นต้น 

ถัดไปก็คือการวางแผนในส่วนของ Rich Media ว่าจะเราจะ Attach อะไรเข้าในไฟล์ภาพหรือไฟล์Video ทวีตบ้าง เช่น โลโก้ คุณสมบัติ จุดเด่นไหน แล้วอะไรที่ไม่ควรใส่ไว้ ก็แปะในกล่องด้านล่างได้เลย หลังจากนั้นก็มาถึง Emojis ค่ะ ลองดูว่ามี Emojis ไหนที่เข้ากับแบรนด์ของเราบ้าง อย่างที่เราเคยเจอว่า ชานมไข่มุกยี่ห้อ Fire Tiger นั้นคนไม่ค่อยพูดถึงเมื่อไป ​Collab กับ MK Restaurant แต่คนกลับพูดถึงในแง่ Emoji รูปไฟและเสือแทนค่ะ

Worksheet ที่ 2 คือการสร้าง Persona ของบัญชีทวิตเตอร์ ว่าเราอยากเป็นคนแบบไหน อยากให้คนเข้าใจหรือ Perceived ว่าเราเป็นคนแบบไหนบ้าง ซึ่งให้เราลองคิดว่า ถ้าแบรนด์เป็นคนขึ้นมา แบรนด์จะชอบทานอะไร เข้าร้านอาหารแบบไหน ใส่เสื้อผ้ายังไง มีคำพูดติดปากไหม ถ้าจะให้ดีลองคิดถึงดาราก็ได้ เพื่อจิตนาการให้เห็นเป็นภาพเดียวกันค่ะ

Worksheet สุดท้ายก็คือ การลองเขียนและฝึกไปเรื่อยๆ แล้วเอามาปรับ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ว่า Tweetsแบบไหนนะ ที่เข้ากับแบรนด์ของเรา ทำแล้ว Work อันไหนที่ทำไปแล้ว ดูไม่ใช่ ไม่ค่อย Work ก็ลิสออกมา แล้วไปใส่ใน Worksheet ที่ 1 และ 2 เพิ่ม จะได้รู้ว่า ต่อไปไม่ต้องทำอีกนั่นเองค่ะ

ทั้งหมดนี้จริงๆ ก็คล้ายๆ กับการ Brief ทีมเหมือนกันนะคะ ว่าเราอยากเป็นแบบนี้ ไม่เป็นแบบนี้ ใช้สีโทนนี้ แต่ไม่เอ่โลโก้มุมขวา เป็นต้น ทำให้ทีมเองก็ทำงานง่ายขึ้นด้วย แถมนักการตลาดอย่างเรายังสามารถเอา Worksheet ด้าน Persona และอื่นๆ ไปปรับใช้กับงานอื่น Platform อื่นได้ด้วย เพื่อทำให้แบรนด์ของเราชัดเจน และไปในทิศทางเดียวกัน เพราะถึงแม้ว่าสุดท้าย Creativity มันจะต่างกันไป แต่ท้ายที่สุดก็คือ ในมุมของแบรนด์เราจะยังชัดเจน เพราะเรามี Worksheet ที่ 1 ทำไว้อยู่แล้วค่ะ ลองเอาไปใช้ดูนะคะ มีประโยชน์แน่นอน

เข้าใจ Algorithm ของ Twitter เพิ่มเติม https://www.everydaymarketing.co/media/social-media/twitter-algorithm-2020-and-develop-better-creativity/

Download Worksheet แบบ PDF: https://cdn.cms-twdigitalassets.com/content/dam/business-twitter/resources/downloadables/worksheet-finding-twitter-voice_EN.pdf