Branded Hashtags เป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยอยากใส่ใน UGC
ทุกวันนี้หันไปทางไหนก็มีแต่ Content มากมายเต็มไปหมด เพราะนอกจากแบรนด์จะทำ Content ของตัวเองแล้ว ผู้บริโภคก็ทำ Creator ก็ทำเหมือนกัน จนเกิดเป็นกระแส User Generated Content หรือ UGC ที่แบรนด์อยากลุกขึ้นมา กระตุ้นให้คนพูดถึง บอกต่อแบรนด์กันเยอะๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็หนีไม่พ้นความต้องการของแบรนด์ที่อยากให้คนติด Branded Hashtags เข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นแฮชแท็กชื่อแบรนด์ แฮชแท็กชื่อแคมเปญ แฮชแท็กชื่อสินค้าอีก ทำเอาคนเหนื่อยหน่าย ไม่อยากจะติดแท็กค่ะ
ซึ่งบริษัทนึงชื่อว่า Visual Objects เค้าได้ทำ Survey กับกลุ่มคนกว่า 401 คน ออกมา จนพบว่า 75% ของผู้บริโภคและ Creator ไม่ชอบการติดแท็กของแบรนด์ในเนื้อหา Content ที่เป็นรูปแบบ UGC เพราะเค้าไม่อยากทำให้ Content post ของเค้าดูขายของมากเกินไป แถมไม่รู้จะทำให้ดูเหมือนช่วยขายของทำไม ถ้าทำไปแล้วไม่ได้จากแบรนด์กลับมาอยู่ดีค่ะ
ซึ่งถ้าเอาจริงๆ มันจะมีเส้นกั้นบางๆ ระหว่าง UGC กับ Branded Content ในขณะที่แบรนด์อยากให้คนติดแท็กกลับมา เพื่อจะได้ Track ดูได้ง่าย แชร์ได้เร็วขึ้น หรือแม้กระทั้งเพิ่มเทรนด์ของ Hashtag แบรนด์ให้สูงจนติดเทรนด์ แต่คนกลับมองว่าการติดแท็กเนี่ยแหละ ไม่น่าเชื่อถือ โฆษณา และขาดความจริงใจจนทำให้แคมเปญไม่ Effective ขึ้นมาค่ะ
โดยจาก Survey พบว่า ผู้คนกว่า 26% ชอบที่จะแชร์ความคิดเห็นของตัวเองเกี่ยวกับสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ของมือที่ 3 เป็นหลัก ซึ่งนั้นก็คือช่องทางที่ไม่ใช่ของตัวเอง ไม่ใช่ของแบรนด์ แต่เป็นแพลตฟอร์มอะไรก็ได้ อย่าง Pantip หรือถ้ารีวิวเกี่ยวกับ Beauty ก็อาจจะเป็น Jeban อะไรแบบนี้แทน
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของการรีวิวหรือทำ Content เพื่อเอา Engagement ละก็ 40% ของคนที่ตอบ Survey ชอบเขียน Content ผ่าน Instagram Stories / Snapchat และ Facebook Stories ค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่า มันทำได้เร็ว เรียลและง่าย ไม่ต้องประดิดประดอยอะไรให้มาก ถ่ายๆ พูดๆ แต่งสติกเกอร์ ติด Tag Location บ้าง แท็กเพื่อนที่ไปด้วยกันบ้าง ถือว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งหากมองตัวเอง 40% ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงเหมือนกันเพราะก็เกือบจะครึ่งนึงแล้ว
นอกเหนือจากนี้ ยังมีคนกว่า 27% ที่สนใจทำ Content ผ่านวิดิโอที่เป็น Livestreamหรือ AR lenses และ Filter ของแบรนด์ด้วย ซึ่งจริงๆ ในต่างประเทศ การใช้ AR lenses บน Snapchat ถือว่าเป็นอะไรที่ฮิตมาก คนชอบใช้ ชอบเล่น แถมแบรนด์ก็ได้ Reach สูงเพราะมันจะไปปรากฏอยู่ที่ Snapchat หรือ IG ส่วนตัวของคนๆ นั้นอีกทีค่ะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึง Branded Hashtags คนกลับรู้สึกว่าน่าเล่นน้อยกว่า คนอเมริกาส่วนมากก็ไม่ค่อยผลิต Content แล้วติดแท็กแบรนด์ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ Relevant กับตัวเอง แต่กลุ่มคนที่สนใจติดแท็กใน Content กลับเป็น Target กลุ่มที่ชอบเล่นเกม หรือถ้าเป็นในไทยคงต้องขอเรียกว่านักล่ารางวัลแทน
ถึงอย่างนั้น บนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok หรือ Twitter ที่เป็นพื้นที่อิงกับ Branded Hashtags มากๆ ก็เสี่ยงเช่นกัน เพราะถึงแม้จะมีคนเล่น แต่ยังมีคนกว่า 75% ที่บอกว่า ไม่อินกับพวก Hashtag Challenge ต่างๆ เลย และมีแนวโน้มว่าจะให้ความสนใจกับอะไรที่ไม่ขายของมากกว่าค่ะ
เพราะฉะนั้นสิ่งนึงที่จะช่วยได้ ต้องบอกว่า วันนี้แบรนด์ควรมีเครื่องมืออย่าง Social Listening เป็นของตัวเองแล้วแหละ ในการวัดว่า ใครพูดถึงเราบ้าง มีคนเล่นเกมจากแคมเปญเรามากน้อยแค่ไหน จะได้ไม่ต้องอิงการติดแท็กของลูกค้าให้กลับมาที่แบรนด์เอง อีกอย่างนึงที่จะสามารถทำลายกำแพง ไม่อยากติดแท็กได้ เห็นทีคงจะเป็นเรื่องของ Creativity ด้วย ว่าน่าสนุก น่าเข้าร่วมมากน้อยแค่ไหนค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเหตุผลที่ดี สำหรับแบรนด์ที่กำลัง Drive Consumer Review ว่าอย่าติดแท็กมากเกินไป เลือกแพลตฟอร์มการทำรีวิวให้ถูกต้อง ถ้าคนหันมารีวิวทาง Stories หรือ Snapchat ที่ระยะเวลาออนแอร์แค่ 24 ชม. แบบนี้ แบรนด์จะทำอย่างไรต่อไป แล้วถ้าติดแท็กมากๆ มีแต่คนล่ารางวัลเล่น แบรนด์จะโอเคหรือไม่? อย่าลืมลองไปปรับใช้กันดูนะคะ
