ขายของด้วย Local Tactics #ขายของแบบนี้ก็ได้หรอ

ขายของด้วย Local Tactics #ขายของแบบนี้ก็ได้หรอ

‘คนไทยขายเก่ง’ อันนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ หลังจากที่จับงาน Social Data มาได้ซักระยะนึง เวลาคลีนข้อมูลก็เลยมีโอกาสได้เห็นลูกเล่นการขายของต่างๆ นาๆ บอกเลยว่าบางอันเราก็ทึ่งร้องโอโห้อยู่เหมือนกัน เพราะมันเป็นอะไรที่นอกจากจะขายของได้แล้ว ยังมีความคิดสร้างสรรค์มากด้วย วันนี้เพลินก็เลยถือโอกาสรวบลูกเล่นน่าสนใจแบบ Local Tactics บ้านๆ แต่ปังกว่าแบรนด์ดังมาฝากกันค่ะ

ข้อดีของการทำแบรนด์เล็ก แบรนด์ตัวเอง หรือการขายของออนไลน์ง่ายๆ ก็คือเราไม่ต้องมานั่งห่วงภาพลักษณ์ ห่วง CI อะไรมากมาย อยากเล่นอะไร มีมุกไหนใหม่ คิดอะไรได้ก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องมานั่งรอขึ้นตัวอย่าง ส่งให้หัวหน้า Approve กว่าจะ Feedback สุดท้าย นู้นค่ะ เทรนด์จบไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มลงโพสต์เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นลูกเล่นแบบนี้จึงอาจจะไม่เวิร์คกับแบรนด์ใหญ่ๆ นัก ยกเว้นแต่ว่า แบรนด์ใหญ่ๆ จะปล่อยให้ทีมทำงานได้แบบเต็มที่ เพียงวาดกรอบลูกเล่นเอาไว้ให้พวกเค้านั่นเองค่ะ

ส่วนนักการตลาดท่านไหนที่มีแบรนด์เล็กๆ ของตัวเอง ไม่ว่าจะขายผ่าน Platform อะไรก็ตาม หรือว่าเปิดร้าน Offline จะเป็นธุรกิจขายอาหาร เสื้อผ้าหรือร้านซ่อมรถยนต์ หากกำลังหาไอเดียขายของ วันนี้เพลินพยายามรวมมาให้แล้ว ไปดูกันเลยค่ะ

1. สู้ Algorithm คำห้ามใช้บน Ads ขายของด้วยอักษรที่ AI จับไม่ได้

หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้วหรืออาจจะยังมีนักการตลาดบางท่านที่ยังไม่ทราบว่า Platform จำพวกสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ หลายครั้งมีการจับคำต้องห้ามในการขายของที่ Over เกินจริง รวมไปถึงการสินค้าบางประเภทที่ช่องทางเหล่านี้รู้สึกว่าไม่เหมาะสมในการขายบนแพลตฟอร์มของตัวเอง หรือการดักจับโพสต์ขายของเพื่อลด Visibility หรือปิดกั้นการมองเห็นให้การเข้าถึงผู้คนน้อยลงจนต้องยิงโฆษณา

และด้วยปัญหาการปิดกั้นเหล่านี้ที่เกิดขึ้นทั้งบน Twitter / Facebook และ Instagram ทำให้พ่อค้าแม่ค้าหัวใสสไตล์ Creative ในบ้านเรา ก็ทำการลยหลีกได้อย่างน่าเอ็นดูมากๆ ด้วยการแปลงอักษรให้คนเท่านั้นอ่านออก แต่ระบบ AI Machine ด้านหลังจับไม่ได้ อย่างเช่นการใช้ ตัวอักษร O แทนอ.อ่าง เพื่อเขียนคำว่า ‘อ้วน’ เป็นต้นนั่นเองค่ะ

2. Tactics ความลับที่รอให้คนมาล่วงรู้

ช่วงหลายเดือนก่อนต้องบอกว่าโพสต์จำพวก ‘ร้านลับ’ เอย ‘บาร์ลับ’ เอย เรียกได้ว่าฮิตออกนอกหน้ามาก เพราะลับกันถึงขั้นเปิดบ้านแบบอล่างฉ่างสุดๆ ไหนจะเพจนั้นรีวิว ไหนจะเพจนี้รีวิว สุดท้ายความลับที่แท้จริงก็คือ ร้านเล็กๆ ที่คนยังไม่รู้จักแต่อยากให้คนหันมาสนใจผ่านคำว่า ‘ลับ’ นั่นเอง เพราะด้วยจิตวิทยาคำว่าลับหรืออย่าบอกใครนะเหล่านี้เนี่ยแหละ ที่ทำให้คนเราจากเฉยๆ อยากจะบอกต่อเสียเหลือเกินค่ะ

ซึ่งไอเดียลับๆ แบบนี้ก็มีร้านอาหารเล็กๆ ที่หยิบจับไปขยี้เพิ่ม ใส่ลงไปเป็นหนึ่งในเมนู Delivery ที่ไม่บอกหรอกว่าเมนูอะไร แต่ถ้าอยากรู้ต้องลองสั่งเดี๋ยวทำให้กินนั่นเองค่ะ บางร้านก็อาจจะ Scope แคบลงมาบอกแค่ว่าเป็นเมนูง่ายๆ ทำเร็วๆ คนจะได้ไม่ตั้ง Expectation สูงจนเกินไป แต่ยังคงไว้ด้วยความเข้าอกเข้าใจความนึกคิดของลูกค้านั่นก็คือ ‘อย่างลองสั่งดูว่าจริงๆ แล้วเมนูที่ว่าคือเมนูอะไร’ นั่นเองค่ะ

3. แปะหัวใจเอาไว้ข้างล่างใน Comment เดี๋ยวทักไปหา

บอกก่อนว่าเพลินไม่ได้จะล้อน้องเจ้านายหรือน้องจูเน่นะคะ แต่คนไทยเค้าขายของกันแบบนี้จริงๆ เห็นทีว่าการแปะหัวใจเอาไว้ข้างล่างใน Comment นั้นจะสื่อว่าแอบรักอย่างเดียวไม่ได้แล้ว เพราะว่า Algorithm การปิดกั้นการมองเห็นของโพสต์ขายของต่างๆ ของเหล่า Platform โซเชียลพวกนี้ ทำให้เหล่าแม่ค้าพ่อค้าบนออนไลน์เค้าใช้วิธีนี้ในการเปิดการมองเห็นจาก Followers เพิ่มค่ะ 

ลูกเล่นก็ง่ายมากๆ แค่ลง Post สักภาพนึงแล้วเขียน Caption ว่า ‘กำลังจะถยอยลงสินค้า’ พร้อมระบุวัน เวลาให้คนติดตาม หลังจากนั้นก็ขอให้คนที่สนใจของ Lot นี้แปะหัวใจหรือ Emojis อื่นๆ ทิ้งเอาไว้ เดี๋ยวพอแม่ค้าพ่อค้าจะลงของ จะกด Like Comment กลับไป เหมือนทำการเรียกลูกค้าคนนั้นให้มาเกาะติดหน้าจอระหว่างลงโพสต์สินค้าใหม่ๆ นั่นเองค่ะ เป็นไงคะ? ตอนเพลินเห็นไอเดียนี้ บอกเลยว่ายังเอาไปใช้กับร้านขายเสื้อผ้าสาวอวบของตัวเองด้วย เรียก Comment ได้ดีมากๆ แนะนำว่าการลง Post สำหรับแปะ Comment นั้น ควรเป็นภาพจำพวกน้ำจิ้ม Teaser ของสินค้าที่เรากำลังจะลงขาย รับรองว่าคนรอเยอะกว่ามากค่ะ

4. ใช้ TikTok ช่วยขายของ

ต้องบอกว่าการทำ TikTok เป็นอะไรที่อาศัยเวลาอยู่ไม่มากก็น้อย จนทำให้ร้านที่ไม่ค่อยมีคนมาซื้อ ต่างก็เงียบๆ นั่งว่างๆ ตลอดทั้งวันเห็นโอกาสในการใช้แพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา เพราะแทนที่จะปล่อยตัวเองว่างไปงั้นๆ แล้วนั่งตบยุงไปเรื่อยๆ สิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าเค้าทำกันก็คือ ทำคลิป TikTok เนี่ยแหละค่ะ จนเพลินยังอยากจะบอกเลยนะว่า เอาดีทางด้านติ๊กต่อกแทนเลยไหม ถ้าจะทำแล้วปังกันขนาดนี้

ตัวอย่างร้านนี้ค่ะ เค้าขายโจ๊กแต่ลูกค้าไม่รู้อยู่ไหนหมด แทนที่จะอาย ก็ออกมายืดอกรับเย้ยเศรษฐกิจผ่านการทำ Clip บน TikTok ประนึงว่ามีลูกค้ามาสั่งโจ๊กทุกวัน จากไม่มีลูกค้า สรุปเริ่มขายได้ในระยะหลังๆ แถม Comment ก็เริ่มมีคนถามหาว่าร้านอยู่ไหนคะ ชื่อร้านอะไรคะเพิ่มด้วย เรียกได้ว่ากวาดยอดวิวบนติ๊กต่อกไปอย่างเยอะเลยละค่ะ

5. Data-driven ให้คนช่วยคิดชื่อร้าน สโลแกน

ยุคนี้มันต้องเดินหน้าด้วย Data ใช่ไหมคะ แทนที่เราจะคิดชื่อร้านเอง คิดชื่อสินค้าเอง หรือคิดว่าจะขายอะไร ใช้สโลแกนไหนดี ก็โยนให้เป็นหน้าที่ Consumer แบบ Customer-centric ไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาคิดคำมันเองแล้ว เดี๋ยวคิดอันนี้ จัดโปรอันนั้นไปลูกค้าไม่ชอบ ก็ไม่ซื้ออีก ทางที่ดีง่ายกว่าก็คือการโยนให้มันเป็นเรื่องสนุกๆ สำหรับคนข้างนอก แถมถ้าปังมากๆ สุดท้ายคนก็รู้สึกอยากไปลอง หรือซื้อสินค้ามาใช้ดู ประนึงว่าร้านนี้ชั้นเองก็มีส่วนร่วมในการแต่งเติมก่อสร้างมันขึ้นมาเหมือนกัน เป็นไงคะ Data-driven ง่ายๆ ที่เป็น Local Tactics จริงๆ

6. ไม่มีงบจ้างคนดัง ใช้ภาพคนหน้าคล้ายไปก่อน

อีกหนึ่ง Local Tactics ที่ทั้งขำทั้งน่าเอ็นดูก็คือการเลือกใช้ภาพคนหน้าคล้ายค่ะ ปกติกการจ้างดารา คนดังมักจะต้องเสียค่าตัวค่อนข้างสูง ทำให้มีแต่แบรนด์ใหญ่ๆ เท่านั้นที่จะคว้าคนดังเหล่านั้นไปเป็น Promoter ได้ ร้านเล็กๆ หากไปใช้ภาพดาราก็ได้ยินข่าวกรณีถูกฟ้องร้องไปนักต่อนักแล้ว ดังนั้นอีกหนึ่งไอเดียที่เพลินเจอระหว่างคลีนก็คือการเลือกใช้ภาพ Stock ที่เป็นคนหน้าตาคล้ายดารา คนดังแทน ทั้งนี้ก็เพื่อให้คน ‘เอ๊ะใจ’ ไปก่อน แล้วหยุดดูว่าใช้ดาราไหมนะ หลังจากนั้นอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีอ่าน Messages จะขายกันไปบ้างแล้วแหละ

7. Customized สินค้าให้

อีกหนึ่ง Local tactics น่ารักที่อยากแบ่งปันก็คือการทำ Customization สินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งเราก็เห็นหลายแบรนด์ทำแล้วแหละ แต่ร้านเล็กๆ เองก็ทำได้น่ารักเหมือนกัน เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าคุณ Customize อะไรให้ลูกค้าต่างหาก แบรนด์ส่วนมากก็เขียนชื่อบ้าง ให้เลือกส่วนประกอบสินค้าเองบ้าง จนทำให้เกิดสินค้าเต็มๆ ชิ้นนึงที่ลูกค้าเป็นคนเลือกเองได้

แต่มาดูตัวอย่างร้านกาแฟร้านนี้กันค่ะ ชื่อร้านว่า ‘บ้านข้างๆ’ ที่เหมือนบ้านข้างๆ ที่อยากรู้เรื่องของเราตามประสาเพื่อนบ้านที่ดีจริงๆ เพราะเวลาสั่งเมนูกับร้านเค้านั้น ไม่มีเมนูอะไรให้สั่งนอกจากการบอกเล่าความรู้สึกประจำวัน หรืออาหารไหนที่แพ้ ไม่กินลงไป เพื่อที่ร้านจะได้ Customized Menu เครื่องดื่มมาให้ตาม Mood ตามอารมณ์ของคนๆ นั้น เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียเก๋ๆ ที่ทำให้ร้านถูกพูดถึงในออนไลน์เยอะทีเดียวเลย

8. สะกดแหวกแนว ให้คนพูดถึงมั้งแหละ

อีกหนึ่งตัวอย่างน่าสนใจก็คือการใช้คำค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคำสะกดภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ ถ้าเล่นคำที่อ่านออกเสียงเหมือนหรือคล้ายกันได้ ยังไงก็ต้องมีคนจำได้บ้างแหละ อย่างร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งธรรมดา แต่กลับทำให้ไม่ธรรมดาเพราะชื่อที่ตั้งว่า Karniel Mooping หรือคาร์เนียลหมูปิ้ง หรือจะร้านที่ตั้งชื่อว่า ‘กีฉุน’ ที่เล่นกับคำว่า ‘กี’ ที่ทำให้คนผ่านมาก็ต้องหยุดอ่านและพูดต่อตามๆ กันไป ขนาดเพลินโดน Ads แปปเดียวยังจำได้เลยนะคะร้านนี้

อีกหนึ่งตัวอย่างการสะกดคำก็คือการสะกดคำผิดค่ะ แต่บอกก่อนว่าการสะกดคำผิดนั้น ไม่เหมาะกับร้านที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือหรืออาศัยภาพลักษณ์ในการขายเท่าไรนัก แต่เพลินขอแนะนำร้านเล็กที่เน้นฮา เน้นมันส์ดีกว่า อย่างร้านอาหารร้านนี้ที่สะกดผิด จนสุดท้ายถูกถ่ายรูปส่งต่อกันไปจนนึกว่า Fake News ในไลน์แล้วค่ะ

9. ไอเดียครีเอทีฟอื่นๆ ที่น้อยคนจะทำได้

สุดท้ายนี้ก็คือไอเดียความคิดสร้างสรรค์อื่นๆ ที่คนไทยนี่นะ ช่างหา ช่างทำกันมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะนอนขายของ ด่าคนขายของ รวมไปถึงไอเดียแปลกๆ อย่างติดป้ายว่าจะขายของ แต่ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไร เป็นต้น ทั้งนี้บอกเลยว่า มันคือ Local tactics ที่สร้าง Word of Mouth หรือ WOM ได้ดีมากๆ แต่อย่างที่บอกว่าหากคุณแคร์เรื่องภาพลักษณ์มาก ก็ต้องคิดไอเดียที่ทำได้แต่โปกฮาอยู่บ้างก็น่าจะช่วยได้ค่ะ

เป็นไงคะ ลูกเล่นบ้านๆ เหล่านี้แต่บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ แถมหลายแบรนด์สามารถเอาไปทำต่อ หรือเล่นต่อ ประยุกต์ใช้ได้ด้วย ดีกว่าการ #ขออนุญาตฝากร้าน เป็นไหนๆ ใครที่มี Tactics บ้านๆ อยากแชร์การตลาดวันตอนเพิ่ม ยินดีรับฟังนะคะ ส่งเข้ามาใน Comment ได้เลยค่ะ อ่านทุกอันแต่นอน ส่วนใครที่อยากอ่านเรื่องการของเพิ่ม แนะนำอ่านเรื่องการทำ Content ต่อเลยค่ะ 

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน