Everlane ใช้ Instagram สร้างความพิเศษให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษจริงๆ

ที่ผ่านมาผมเห็นหลายแบรนด์ที่เข้ามาปรึกษาและพูดคล้ายๆกันว่า อยากให้ลูกค้าตัวเองพิเศษ หรืออยากสร้างความพิเศษให้กับลูกค้าบางกลุ่ม แต่ถึงเวลาจริงกลับทำอะไรที่ “พิเศษเหมือนกัน” ที่ลูกค้าทุกคนก็พิเศษเท่ากันจนกลายเป็นว่าไม่มีใครที่พิเศษกว่าใครจริงเลย

นี่คงเป็นปัญหาสุดคลาสสิคที่ไม่มีวันจบของบรรดานักการตลาดไปอีกนานว่าด้วยความ “เข้าใจผิด” หรือ “…ไม่เข้าใจ” ว่าอะไรคือความพิเศษจริงๆกันแน่

วันนี้ผมมีเรื่องนึงอยากมาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนมาแล้ว แต่เอามาเล่าวันนี้ก็ยังรู้สึกว่าใหม่อยู่เพราะไม่ค่อยมีแบรนด์ไหนกล้าทำอะไรให้ “พิเศษ” จริงๆ

Everlane มี instagram account ของตัวเองเป็นปกติเหมือนแบรนด์อื่นๆที่เปิดให้คนเข้ามาติดตาม เพื่อคอยอัพเดทสินค้าใหม่ๆ โปรโมชั่นใหม่ๆ เหมือนกับแบรนด์อื่นๆไม่ได้มีอะไรพิเศษ

แต่อยู่มาวันนึง Everlane นี้เองก็สร้าง official account บน instagram ขึ้นมาอีกอันนึง แต่ไม่ได้เปิด public ให้ใครๆก็สามารถเข้ามาดูได้เหมือนแบรนด์ทั่วๆไป แต่กลับเลือกที่จะตั้ง private ไว้ และเลือกรับเฉพาะบางคน หรือเชิญเฉพาะบางคนเท่านั้นให้ติดตามอัพเดทใน account นี้ได้

โดยคนที่สามารถเป็นเพื่อนหรือติดตาม account พิเศษของแบรนด์นี้จะได้รับสิทธิในการซื้อสินค้ารุ่นพิเศษที่ไม่มีวางขายทั่วไป ไม่ว่าจะหน้าร้านหรือออนไลน์เวปไหนๆ เป็นสินค้าจำนวนจำกัดที่ทำขึ้นมาเพื่อตั้งใจทดลองขายให้กับผู้ติดตามในกลุ่มนี้เท่านั้น

ว่ากันง่ายๆคือเป็นการสร้างกลุ่มทดลองทางการตลาดจากบรรดาลูกค้าตัวจริงผู้ Loyalty แบรนด์ในวันที่หาได้ยากยิ่งเหลือเกิน

จากผู้ติดตามใน account public ของแบรนด์ที่มีกว่าครึ่งล้านคน แต่ใน private account นี้กลับคัดให้มีแค่ไม่ถึง 5,000 คน

ทีนี้ลองคิดดูซิครับว่าถ้าคุณได้อยู่ในกลุ่มนี้คุณจะรู้สึกพิเศษมากแค่ไหน และลองคิดดูต่ออีกนิดซิครับว่าถ้าคุณได้เห็นอะไรก่อนใครจากการได้ติดตาม account นี้คุณจะอยากแชร์ต่อบอกเพื่อนมากแค่ไหน

เห็นมั้ยครับว่าการ “สร้าความพิเศษ” นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เด็กอนุบาลก็เข้าใจได้ แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมไม่ค่อยมีใคทำกันได้

รู้ครับว่าอยากขายให้ได้มากๆ ขายให้ได้เยอะๆ และขายให้ได้ทุกคน แต่การกำหนดกลุยุทธ์คือการเลือกนะครับ เลือกว่าทำอะไร และเลือกว่าอะไรที่จะไม่ทำ

ถ้าเลือกทุกอย่าง เค้าเรียกว่า ไม่มีกลยุทธ์ในการทำงานครับ

ถ้าใครที่อยากจะบอกแบบนี้กับลูกค้าหรือหัวหน้าที่มีทัศนคติที่เข้าใจความพิเศษแบบผิดๆที่ผมว่าไป ก็ลอง “แชร์ลอยๆออกไป” เผื่อว่าบทความนี้จะไปเข้าตาจนเปลี่ยนความคิดก็ได้ครับ