เข้าใจการลง โฆษณาบน YouTube ฉบับเริ่มต้น เข้าใจง่าย สำหรับแบรนด์

เข้าใจการลง โฆษณาบน YouTube ฉบับเริ่มต้น เข้าใจง่าย สำหรับแบรนด์

เข้าใจการลงโฆษณาบน YouTube ฉบับเริ่มต้น เข้าใจง่าย สำหรับแบรนด์

หากพูดถึงหนึ่งในช่องทางการลงโฆษณาบนสื่อดิจิทัล นักการตลาดหรือแพลนเนอร์มักจะมีช่องทาง Youtube เป็นหนึ่งในทางเลือก ตั้งแต่แบรนด์ใหญ่ ๆ จนถึงวิธีที่แบรนด์เล็กจะลง Youtube Ads ด้วยวิธีที่ไม่ต้องเสียเงิน หรือเสียเงินน้อยที่สุด

นักการตลาดทราบไหมคะว่าเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี 2022 มีรายงานจาก YouTube ว่ายอดขายโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น 29.2 พันล้านดอลลาร์ อีกทั้งการเปิดกว้างของแพลตฟอร์มที่ให้ผู้ลงโฆษณาเข้าถึง Audience บน YouTube ได้มากขึ้น กล่าวคือเป็นข่าวดีของฝั่งคนทำการตลาด คนทำโฆษณาค่ะ

YouTube Ads สำคัญอย่างไรกับ Digital Marketing Landscape

Digital Marketing Landscape หมายถึงทัศนคติทางการตลาดที่เกี่ยวข้องกับโลกดิจิทัลหรืออินเทอร์เน็ต ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาทางเทคโนโลยีและสื่อสารในยุคดิจิทัล และในปัจจุบัน Digital Marketing Landscape มีความสำคัญอย่างมากนะคะ เพราะใคร ๆ ก็ออนไลน์ การตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่สามารถเข้าถึงและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากอย่งปฎิเสธไม่ได้

อย่างที่นุ่นได้เกริ่นไปว่าการทำงานของโฆษณาก็คือการเข้าถึงลูกค้า สร้าง awareness เสนอโปรโมชั่น สร้างการรับรู้ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน YouTube กว่า 122 ล้านคน ในแต่ละวัน ยังมีสถิติที่แสดงให้เห็นว่า Youtube Ads สามารถสร้าง ROI ได้มากกว่า TVC ในช่วงเวลาเดียวกัน

และคงมีใครหลาย ๆ คนเหมือนนุ่น ที่สมัครแทบทุกแพลตฟอร์ม แต่สุดท้ายก็ใช้แพลตฟอร์ม Youtube หรือ TikTok แทน อีกทั้งผู้ที่มีอายุ 18-40 ปีมี YouTube เป็นตัวเลือกหลักสำหรับข่าวสาร ความบันเทิง หรือการศึกษา เพราะฉะนั้นแบรนด์ยังใช้แพลตฟอร์มนี้ได้อีกยาว ๆ แน่นอนค่ะ จึงเป็นอีกกลยุทธ์สำหรับใครที่อยากข้ามสายมาทำการตลาดจะต้องเรียนรู้เบื้องต้น แม้จะไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง ก็ควรทราบไว้เพื่อตรวจงานเอเจนซี่นะคะ

โฆษณาบน YouTube มีกี่แบบ?

เบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้จักจะมีทั้งหมด 6 รูปแบบค่ะ ส่วนตัวนุ่นลืมบางประเภทไปแล้วเพราะใช้ Premium มามากกว่า 3 ปี ต้องยอมเลยว่าวงการนี้เข้าแล้วออกไม่ได้อีกเลยค่ะ

  • Bumper Ad: คือโฆษณาวิดีโอรูปแบบสั้น หรือไม่เกิน 6 วินาที ที่สามารถวางให้แสดงผลก่อน ระหว่าง หรือหลังวิดีโอก็ได้ค่ะ โฆษณาแบบนี้กดข้ามไม่ได้ และแบรนด์ต่าง ๆ ต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะใช้รูปแบบนี้เพื่อดึงดูดผู้ชมด้วยข้อความที่กระชับ หรือลูกค้าบางคนอาจจะไม่ชอบแบรนด์คุณเพราะไม่ยอมให้กด Skip และรู้สึกว่ายัดเยียดเกินไปก็เป็นได้นะคะ
  • Sponsored Cards: Display content แบบนี้จะเป็นโฆษณาที่ปรากฏซ้อนทับบนวิดีโอและขึ้นภาพสินค้าแว๊บขึ้นมาประมาณสองสามวินาที เมื่อมีการ Tie in ในวิดีโอค่ะ หรือในตอนท้ายของวิดีโอ Sponsored Cards มักจะมีข้อมูลมากกว่าโฆษณาแบบรูปภาพมาตรฐาน 
  • Display Ads: โฆษณาเฉพาะเดสก์ท็อป จะปรากฏที่ด้านข้างหรือด้านล่างของวิดีโอที่ต้องการค่ะ จะตั้งค่าโฆษณาบนหน้าจอ YouTube ของคุณให้แสดงพร้อมกับวิดีโอที่ต้องการ ในบางช่อง หรือทั้งหมดของ YouTube ก็ได้  
  • Overlay Ads: โฆษณาบนเดสก์ท็อปเท่านั้นเหล่านี้ปรากฏที่ด้านล่าง กินพื้นที่ประมาณ 20% ของวิดีโอ
  • Skippable Video Ads: โฆษณาที่ให้ผู้ใช้ข้ามการดูได้หลังจากผ่านไป 5 วินาที ส่วนตัวนุ่นโอเคกับแบบนี้ที่สุดค่ะ
  • Non-Skippable Video ads: โฆษณาแบบกดข้ามไม่ได้ ทั้งยังมีความยาวถึง 15 – 20 วินาทีอีกด้วย

ตัวอย่าง โฆษณาที่ไม่อยากกดข้าม เพราะพรีเซนเตอร์~

ตัวอย่างโฆษณาโทรศัพท์มือถือแบรนด์ VIVO ในปีที่คุณ BamBam GOT7 นักร้องชื่อดังที่ประสบความสำเร็จหลังเดบิวต์กับค่าเกาหลี JYP ที่ปัจจุบันเป็นพรีเซนเตอร์หลายแบรนด์ชั้นำมากมาย หนึ่งในอิมแพคที่พรีเซนเตอร์สามารถทำได้คือช่วยให้คนไม่กด Skip โฆษณา เป็นกลยุทธ์ที่มองข้ามไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะคะ~

ทำโฆษณาอย่างไรให้ Effective

ในระยะเวลาสั้น ๆ ทำยังไงให้ลูกค้าจำได้ล่ะ? คุณ Pei Ling Ho ผู้ดำรงตำแหน่ง Global director ของ Google Creative Works อธิบายวิธีสร้างโฆษณาบน YouTube และแนะนำการใช้ Digital visual language แบบใหม่ ซึ่งการจัดเฟรมให้แน่นสามารถดึงความสนใจไปยังช่วงเวลาที่เหมาะ และต้องการได้ 

Storyline ที่ดึงดูดและมีทั้งจุดพีค ฉากที่คาดไม่ถึงในช่วงขายของจะทำให้โฆษณาไม่น่าเบื่อจำเจค่ะ เพราะในยุคนี้ใคร ๆ ก็มองออกว่าโฆษณาขายของ เพราะฉะนั้นไม่ต้องแอ๊บแอ๊หรือเม็ดเยอะไปให้เสียเวลา แต่ควรบิดการเล่าเรื่องให้ตื่นเต้นขึ้น ลองดูทริคเหล่านี้ประกอบด้วยนะคะ

#1 รุกหมัดใน 5 วินาทีแรก

จริง ๆ อาจจะไม่ถึง 3 วินาทีแล้วก็ได้นะคะ เพราะอิทธิพลของ Short Video ทำให้การลูกค้ามีสมาธิสั้นขึ้นเรื่อย ๆ เลย โดยมีไอเดียที่จะรุกหมัดดังนี้ค่ะ 5 วินาทีแรก > ใส่ชื่อหรือโลโก้แบรนด์ไปเลย > โชว์ Package สินค้า > เพลงที่จะหลอนอยู่ในหัวลูกค้า (ลุ*ต ลุ*ต อยู่ไหน~)

#2 มี Gimmick ระหว่างโฆษณา

ใช้พรีเซนเตอร์ หรือเน้นประโยชน์และไฮไลท์โดยใช้ supers เด้งไม่ให้คลิปดูธรรมดาและแบนจนเกินไปค่ะ และที่หลายคนน่าจะชินกันแล้วจากแพลตฟอร์ม TikTok คือการตัดคลิปแบบรวดเร็ว ฉับๆๆๆๆ ทำให้ไม่มีเวลาหาวเลย

#3 มี USP ไม่ซ้ำใคร

ในวิแรก ๆ อาจจะใส่ USP ถ้ามีลงไปเลยตั้งแต่วิแรก ๆ ค่ะ เพื่อที่โฆษณาจะสามารถกระตุ้น Drive action และนักการตลาดจะเห็น Ad Recall ดังนั้นควรเป็น USP ที่เป็นจริงและเกี่ยวข้องกับสินค้า ไม่ตุกติกน้า

#4 ใส่ YouTube cards แนะนำคอนเทนต์ถัดไป ที่มีความใกล้เคียง

เพื่อโปรโมตคลิปในช่อง ที่อาจจะใกล้เคียงกับสิ่งที่ลูกค้าสนใจ อย่างเช่นในตัวอย่าง ถ้าคุณสนใจ ชอบแนวเพลงของวงTreasure อยู่ การ์ดช่วงจบวิดีโอจะทำให้ผู้ฟังได้รู้จักเพลงอื่น ๆ ของวงด้วยนั่นเองค่ะ ไม่ว่าคุณจะทำช่องเกี่ยวกับอะไรก็ไม่ควรให้พื้นที่ตรงนี้เสียเปล่าไป เพราะถ้าเราไม่มีแนะนำเป็นไกด์ให้คนอินกับช่องไปเรื่อย ๆ เค้าก็อาจจะเปลี่ยนไปดูช่องอื่น ๆ ไปเลย เป็นต้นค่ะ

โฆษณาบน YouTube

#5 ต้องใส่ใจหลังบ้านพอ ๆ กับโฆษณาที่ปล่อยออกมา

ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเกี่ยวกับการเผยแพร่โฆษณาก็ดี และการใส่ใจกับขั้นตอนระบุกลุ่มเป้าหมายของโฆษณา หาได้ผ่านทาง Google’s Insights Finder ทดสอบองค์ประกอบทั้งหมดของโฆษณา YouTube และแคมเปญโฆษณา YouTube เพื่อดูว่าองค์ประกอบเหล่านี้ทำงานเป็นอย่างไร ทดลองและทำความเข้าใจว่าอะไรดีที่สุดก่อนปล่อยโฆษณาออกมาค่ะ

ปิดท้ายด้วย Key Factors ที่จะช่วยให้ ROI เติบโต

  • Creative

อ้างอิงจากผลวิจัยของ Google เกี่ยวกับความแหวก ความครีเอทีฟของโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ คิดเป็น 50% ของ ROI และสามารถดันประสิทธิภาพบน YouTube ได้ 4 แง่มุมสำคัญดังนี้ attention, branding, connection, and direction. 

  • Ad format mix

จะกินทางเดียวก็ดูจะเสี่ยงเกินไป โฆษณา YouTube แต่ละรูปแบบมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน มีลูกเล่นหลากหลายให้เราได้ลองใช้ นอกจากควรเลือกให้เหมาะสมกับแบรนด์ สินค้า และคอนเทนต์โปรโมชั่นแล้ว ทาง Google ก็แนะนำให้ผู้ลงโฆษณาหลายรูปแบบเพื่อให้สำเร็จเป้าหมายเหล่านั้นพร้อม ๆ กันได้ในโฆษณาเดียวค่ะ นอกจากนี้ full-funnel YouTube strategy จะทำให้แนวโน้ม ROI ที่สูงด้วย

ใครที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ใช้แค่แบบเดียวหรือสองแบบ ลองปรับเป็น full-funnel ดูนะคะ ^^

  • Reach and frequency

ความถี่ที่ไม่น้อย ไม่มากเกินไปขึ้นอยู่กับรูปแบบด้วยค่ะ ถ้าเราใส่แบบกดข้ามไม่ได้บ่อย ๆ นาน ๆ และเลือกแต่แบบนี้แบบเดียวก็จะเกิดข้อเสียมากกว่า และตอนนี้ Google อนุญาตให้ผู้ลงโฆษณาสามารถเลือกความถี่ได้ถึง 5 ครั้งต่อสัปดาห์เลยค่ะ เลือกตั้งค่าอย่างระมัดระวังน้า

  • Audience

สุดท้ายแต่สำคัญที่สุด ในทุก ๆ บทวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องแบรนด์และโฆษณาก็มักจมีการพูดถึง Audience เป็นหนึ่งใน Key Factorห เสมอค่ะ และแน่นอนว่าจะส่งผลต่อ ROI อย่างมาก ในฐานะนักการตลาดนอกจากเราจะต้องศึกษาและรู้จัก Audience ให้ดีที่สุดเหมือนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก~


และนี่คือบทความที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับ โฆษณาบน YouTube ฉบับเริ่มต้น รู้จักประเภทต่าง ๆ ของ Youtube Advertising และยกตัวอย่างถึงบริบทที่เข้าใจง่ายสำหรับแบรนด์ โดยสรุป YouTube Advertising สำคัญกับ Digital Marketing Landscape ในวันนี้เนื่องจากสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ และให้คุณมีความสามารถในการวัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้ในระยะยาว

ยังมีบทวิเคราะห์เพิ่มเติมว่ามีทริคอย่างไรโฆษณาถึงจะ Effective รวมทั้ง 4 Key Factors ที่จะเพิ่ม ROI ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากใครอยากทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการลงโฆษณาบน Youtube Step by Step อย่างละเอียด นุ่นฝากคอมเมนต์ไว้ใต้โพสต์หน่อยนะคะ~ จะได้รู้ว่ามีคนรออ่านเยอะไหม ^^

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

Source Source

Noon Inch

นุ่น Business Data Research Analyst Specialist | Martech 🙋🏻‍♀️💻ใช้ชีวิตอยู่กับ Social Listening Tools เกือบทุกวันมาร่วม 6 ปี 🙋🏻‍♀️📈ทำงานด้าน Social Data Research ให้กับหน่วยงานรัฐและแบรนด์เอกชน 6 ปี 🙋🏻‍♀️✈️ชอบทำงานและชอบใช้เงิน แล้วก็เป็น K-POP🇰🇷 & Salmon Lover 🍣

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่