Webinars กับ Podcasts ควรทำไหม? มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง?

Webinars กับ Podcasts ควรทำไหม? มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง?

จริงๆ Webinars กับ Podcasts ที่ผ่านมา เราเห็นหลายๆ เพจได้ทำกันเยอะมากโดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา วันนี้เพลินก็เลยอยากจะมาแชร์ว่า การทำเว็บบินาร์กับพอดแคสต์นั้นจริงๆ แล้วเวิร์คไหม มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง? 

ก่อนอื่นเลยเราต้องทำความเข้าใจตรงกันก่อนว่า เว็บบินาร์กับพอดแคสต์นั้นทำหน้าที่ต่างกันในการเข้าถึงกลุ่ม audience ค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันหรือเป็น Common ระหว่าง 2 อย่างนี้ก็คือ มันทำหน้าที่ในการ Engage และ Connect แบรนด์กับกลุ่มTarget audience ในระยะสั้นๆ ได้เป็นอย่างดี แล้วแบบไหนที่แบรนด์หรือเพจคุณควรทำล่ะ? เราไปดูกันเลยค่ะ

Webinars:

เว็บบินาร์ หรือการสัมมนาออนไลน์ผ่านระบบหรือเครื่องมือดิจิตอลบนเว็บไซต์ ที่เราสามารถคุยกับผู้ฟังได้ทั้งเสียงและภาพ โดย Survey จากทีม Flow พบว่า 55% ของนักการตลาดตั้งใจจะลุยในการทำเว็บบินาร์เพิ่มขึ้นในปี 2020 นี้ค่ะ

ข้อดีของ Webinars:

  • ทำให้คนจดจำได้ดีกว่า: อย่างที่เราเข้าใจว่า Webinars คือการสื่อสารทั้งภาพและเสียงผ่านออนไลน์ เพราะฉะนั้น การพูดคุยหรือ Connect กับกลุ่มเป้าหมายผ่านเว็บบินาร์จึงสามารถทำให้พวกเขาจดจำได้ง่ายกว่า เพราะฉะนั้นหากคุณเลือกใช้เว็บบินาร์แล้ว อย่าลืมที่จะทำ Slide Presentation ควบคู่กันไปด้วยนะคะ
  • สามาระฉาย Multimedia ได้: เมื่อเป็น Visual learning แล้ว แบรนด์เองก็สามารถยัดสื่อ Multimedia อื่นๆ เพิ่มได้ค่ะ เช่น ภาพไฟล์วิดิโอ หรือเสียงเพลง เสียงสัมภาษณ์ต่างๆ 
  • ให้แบรนด์ Interact กับคนฟังแบบ Real-time: เพราะการทำเว็บบินาร์นั้นเหมือน Live video เลยค่ะ ผู้พูดหรือแบรนด์เอง จึงสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้แบบ Real-time ตอบคำถาม พูดคุยได้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดมากขึ้น
  • กรองผู้ฟังที่เป็นลูกค้าเราจริงๆ: เพราะการจัดเว็บบินาร์ เหมือนการจัดอีเว็นท์สัมมนาเลยค่ะ เพียงแค่เราทำบนออนไลน์ ทำให้คนที่สมัครใจเข้าฟังนั้น ล้วนแต่เป็นกลุ่มที่มีความเข้าใจและตั้งใจว่า เค้าเข้ามารับฟังเพื่ออะไร หรือเพียงเพราะเค้าชื่นชอบแบรนด์จริงๆ เลยกดลิ้งค์เข้ามาค่ะ
  • สามารถอัด Record และตั้งเวลาได้: ทำให้แบรนด์หรือผู้พูดสามารถเตรียมตัวได้ดี ก่อน Broadcast จริง
  • จับผู้ฟังให้อยู่ฟังได้นาน: ข้อนี้เพลินชอบมาก และคิดว่ามันจริงมากๆ ด้วย เพราะหากคนที่เข้าไปฟังนั้นมีความตั้งใจแล้ว เค้าก็มีแนวโน้มที่จะอยู่ฟังจนจบค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ย View Time ของเว็บมินาร์ตอนนี้อยู่ที่ 56 นาทีต่อ User ค่ะ
  • เรท Conversion จากผู้ลงทะเบียนมาเป็นผู้เข้าฟังสูง: โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 55% ค่ะ เมื่อคุณประกาศออกไปว่าคุณจะจัดเว็บบินาร์ คนที่เข้ามากรอกข้อมูลลงทะเบียนนั้น กว่า 55% จะเข้ามาฟังคุณจริงๆ แสดงว่าคุณสามารถคำนวนจำนวนคนฟังได้คร่าวๆ จากยอดลงทะเบียนเลย ที่สำคัญคือต้องทำการตลาด Phase ลงทะเบียนให้น่าสนใจ มีประโยชน์ด้วย เพื่อให้คนอยากลงทะเบียนเข้ามาตั้งแต่แรกค่ะ
  • สร้าง Engagement ได้ดี: อย่างที่บอกไปว่า Webinars นั้นเป็นเหมือนการสอนสัมมนาออนไลน์ ทำให้ 70% ของเว็บบินาร์นิยมใช้พร้อมๆ กับ Tools อื่นๆ เพื่อทำให้กลุ่มผู้ฟังมี Participate กับผู้พูดค่ะ

ข้อเสียของ Webinars:

  • ใช้เวลาค่อนข้างมาก: ถ้าใครที่เป็นสายทำ Video Content น่าจะรู้ว่าการทำวิดิโอตัวนึงนั้นมันมีขั้นตอนเยอะมากมายแค่ไหนกว่าจะได้เป็น Finished Clip ชิ้นนึง Webinars ก็เช่นกันค่ะ
  • ผู้ฟังไม่สามารถ Skip ในส่วนที่ไม่สนใจได้: ต้องบอกว่า ต้องรอให้การ Live Webinar จบก่อนเลยแหละถึงจะกรอข้ามในส่วนที่ไม่สนใจได้ ทำให้มีสิทธิ์ที่ผู้ฟังจะกดปิดไปในช่วงเวลานี้ค่ะ

Podcasts:

ข้อดีของ Podcast:

  • คนส่วนมากเริ่มคุ้นเคยกับ Podcast: ทำให้การเข้าถึงนั้นมีอัตราสูงกว่าการทำเว็บบินาร์ ยิ่งสมัยนี้มีช่องทางการฟังเพลงออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย ทำให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Spotify หรือ Apple Music ก็ตาม
  • สามารถฟังได้แม้กำลังเคลื่อนไหว: เพราะเราใช้เพียงหูฟัง ไม่ได้มีภาพที่ต้องใช้สายตาแบบเว็บบินาร์ ทำให้เราสามารถรับฟัง Podcast เหมือนเพลงทั่วไป จะฟังในรถ ขณะทำกับข้าว หรือขึ้นรถไฟฟ้าก็ได้
  • สามารถดึง Leads เพิ่มขึ้นได้ตลอด ไม่ต้องโปรโมต: เพราะมันไม่ใช่ One-time Event แบบเว็บบินาร์ ที่หลายๆ ครั้งอาจจะ Live ครั้งเดียวแล้วไม่ได้ Broadcast วิดิโอทิ้งไว้บนเว็บต่อ แต่ Podcast ส่วนมากทำเป็น Channel ทำให้ยอดการฟังสามารถเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ ค่ะ
  • ไม่จำกัดเวลาที่เข้าฟัง: อยากที่บอกว่า หากเราทำการสอนออนไลน์ สัมมนาออนไลน์ต่างๆ เราก็ต้องมีการจัดเวลานัดกับผู้ฟังอย่างชัดเจน ว่าต้องเจอกัน 2 ทุ่มเท่านั้น แต่หากเป็น Podcast เนี่ย คนฟังสามารถเข้ามาฟังเมื่อไรก็ได้ค่ะ เอาที่คนฟังสะดวกที่สุด มีสมาธิที่สุด
  • Production ง่าย: เพลินเคยไปชมการอัด Podcastมาครั้งนึง เหมือน Live DJ พูดคุยกับแขกทั่วไปเลยค่ะ ใช้แค่ไมค์กับหูฟังแล้วก็ตัว Recorder เรียกว่าค่อนข้างเรียลเลย ตัดต่อก็ทำได้ง่ายด้วย 

ข้อเสียของ Podcast:

  • ผู้ฟังไม่สามารถ Engage ได้แบบ Real-time: เพราะมันเป็นการ Pre-record แล้ว Blast out บนช่อง ทำให้ไม่สามารถพูดคุยหรือตอบคำถามกันได้แบบเรียลไทม์
  • ไม่มีรูปภาพ: การไม่มีรูปภาพประกอบ ก็เป็นข้อเสีย เพราะมันสามารถทำให้ผู้ฟังรับสารผิดพลาดหรือเห็นภาพไม่ตรงกันก็ได้ค่ะ
  • คนฟังอาจจะ lost attention: อย่างที่บอกว่า การฟัง Podcast นั้นไม่เห็นภาพ อาจจะทำให้คนหลุดไปในบางช่วง รวมไปถึงการฟังไปพร้อมๆ กับการทำอย่างอื่นๆ จึงทำให้คนฟังอาจเผลอไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่คุณกำลังสื่อค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อดีข้อเสียของทั้ง Webinars กับ Podcasts มีใครวางแผนจะทำ Production เร็วๆ นี้บ้างไหมเอ่ย? ลองเอาทั้งหมดนี้ไป Weight ดูก่อนนะคะ ว่าควรทำอันไหนดี เพราะข้อดีข้อเสียก็มีกันคนละแบบ เอาเป็นว่า ดูจาก Objective และ Nature ของแบรนด์ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ข้อดีหลักของ Webinars คือ Visual Content และข้อดีหลักของ Podcasts คือการฟังได้ทุกที่ทุกเวลา

ส่วนใครที่อยากรู้ถึง Behavior การเสพเนื้อหาเชิง Video Visual Content เพื่อลุยกับการทำ Webinars เพิ่มขึ้น สามารถคลิกอ่านต่อได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครกำลังจะหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำ Podcasts เพิ่มขึ้น คลิกตรงนี้ได้เลยนะคะ

Credit: http://www.flowapp.com/webinars-vs-podcasts/

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่