เทคนิคเลือก Web Hosting ที่มีคุณภาพและเหมาะสำหรับทำ SEO

เทคนิคเลือก Web Hosting ที่มีคุณภาพและเหมาะสำหรับทำ SEO

สำหรับการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ให้ประสบความสำเร็จ​นั้นไม่ใช่แค่การทำให้เว็บไซต์​ของเราติดอันดับในหน้าแรกของการค้นหาเท่านั้น​ แต่ขณะเดียวกัน​เราก็ต้องทำการปรับปรุง​เว็บไซต์​ให้มีประสิทธิภาพ​และตอบสนองผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีด้วย

ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้อัลกอริทึมของ​ Google​ มองว่าเว็บไซต์​ของเรามีคุณภาพ​ก็มีหลากหลาย​ และ​รวมถึงการมี Hosting ที่ดี และสามารถรองรับการใช้งานได้ครบถ้วนด้วย

Hosting​ คืออะไร?

Hosting​ นั้นเป็นบริการสำหรับ​เช่าพื้นที่ในการฝากเว็บไซต์​และข้อมูล​บนเซิร์ฟ​เวอร์​ โดย Web Hosting นั้นจะมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา​ เพื่อจะได้สามารถเรียกข้อมูลของเว็บไซต์​ได้ทันที

ซึ่งในปัจจุ​บัน​นั้นก็มี​ Web​ Hosting​ เปิดให้บริการมากมายหลายเจ้า​ทั้งในและนอกประเทศ​ แต่ทั้งนี้เราก็ควรพิจารณา​เลือก​ Hosting​ ให้รอบคอบ​ ถ้าเราเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่เสถียร ก็อาจทำให้เว็บไซต์ของเราล่มบ่อย​ จนส่งผลเสียต่อการทำ​ SEO​ ได้

Hosting เกี่ยวข้องกับ SEO อย่างไร?

หลายคนยังคงเข้าใจว่าปัจจัยที่จะทำ​ SEO​ ให้ประสบความสำเร็จ​ได้นั้น​ คือการทำ​ On-Page​ และ​ Off-Page​ ให้ดี​ แต่ในความเป็นจริง​แล้ว​ Hosting​ ที่ใช้ก็มีผลต่อ​ SEO​ ด้วยเช่นกัน

เพราะไม่ว่าใคร​ ทั้งผู้ใช้งานและ​ Search​ Engine​ ต่างก็ชอบเว็บไซต์​ที่ตอบสนองได้เร็ว​ เปิดไว ไม่ต้องรอโหลดนาน​ กันทั้งนั้น​ โดยเฉพาะ​กับ Google​ ที่ถึงกับออกมาบอกกันโต้งๆ​ เลยว่าความเร็วในการดาวน์โหลด​เว็บไซต์​นั้นถือเป็นหนึ่ง​ใน​ปัจจัย​ที่นำมาใช้ในการจัดอันดับ​ SERP อีกด้วย

นอกจากนี้ ความเสถียร​ของเว็บไซต์​ก็มีผลต่อ​ SEO​ ไม่แพ้กัน​ ลองนึกภาพว่าถ้าเว็บไซต์​เราล่มบ่อยๆ​ โหลดได้บ้าง​ ไม่ได้บ้าง​ เวลา​ Google​ ส่งบอทเข้ามาเก็บข้อมูล​ ต้องออกอาการไม่ปลื้มอย่างแน่นอน

4 เทคนิค​เลือก​ Web​ Hosting​ อย่างไรให้เวิร์ก

ปัจจุบัน​มีผู้ให้บริการ​ Hosting​ ในบ้านเราและต่างประเทศ​อยู่มากมาย​ แล้วเราควรเลือก​ Hosting​ แบบไหนถึงจะส่วงผลดีต่อการทำ​ SEO​ มาดูกัน

1.ดูจาก​ Brandwidth ของ​ Hosting​

อธิบายก่อนว่า​ Bandwidth เนี่ยก็คือ ข้อมูลที่วิ่งเข้าออกระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์และผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งถ้าคนเข้ามาดูเว็บไซต์​เรามา​ แต่มาคนละเวลาก็อาจจะไม่เป็น​ไร​ 

แต่ถ้า​ Traffic​ ที่เข้ามาที่เว็บไซต์​ของเราเยอะ​ แล้วดันมาในช่วงเวลาเดียวกันแล้วล่ะก็​ ถ้าเรามีปริมาณ​ Bandwidth ไม่มากพอ​ ก็อาจจะทำให้หน้าเว็บล่ม​ หยุดชะงัก​ หรือใช้งานไม่ได้​ แน่นอนว่าหากเกิดเหตุ​การณ์​นี้ขึ้นย่อมส่งผลเสียทั้งกับผู้ใช้งานและการทำ SEO​ แน่ๆ

2.ความรวดเร็ว​และความเสถียร​เป็นสิ่งสำคัญ

อย่างที่บอกไปแล้ว​ข้างต้น​ว่าความรวดเร็วและความเสถียรของเว็บไซต์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ​และส่งผลต่อการทำ​ SEO​ ด้วย​ เพราะถ้าเว็บเราโหลดช้า​ หรือล่มบ่อยๆ​ อัลกอริทึมก็จะเข้ามาเก็บข้อมูล​ไม่ได้​ ซึ่ง​จะมีผลให้อันดับการค้นหาของเราแย่ตามไปด้วย​ ในแง่ของผู้ใช้งาน​ ลองนึกกลับกันว่าถ้าเป็นเรา​ไปเจอเว็บโหลดช้า​ หรือเข้าไปแล้วล่มบ่อยๆ​ ก็คงจะหงุดหงิด​จนหนีไปใช้เว็บอื่นแทนแน่ๆ​

3.ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

Web​ Hosting​ ที่ดีนั้นควรจะต้องมีระบบป้องกันไวรัสและการสแปม​ รวมถึงระบบสำรองข้อมูลที่ได้มาตรฐาน​ในระดับหนึ่ง​ เพื่อให้เจ้าของเว็บไซต์​มั่นใจได้ว่า ข้อมูลต่างๆ​ ภายในเว็บไซต์​จะไม่หาย​ และไม่ถูกโจมตีจากบุคคลผู้ไม่หวังดีแน่นอน

4.ติดต่อง่าย​ พร้อมให้ความช่วยเหลือ​

ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่เจ้าของเว็บไซต์​ไม่ควรมองข้าม​ นอกจากประสบการณ์​และความเชี่ยวชาญ​ที่​ผู้ให้บริการ​ Hosting​ ควรจะมีแล้ว​ ก็ต้องมีทีมงานที่พร้อมซัพพอร์ต​และคอยช่วยเหลือ​ ไม่ว่าจะเป็นตอบคำถามหรือข้อสงสัยของเราได้อย่างชัดเจนหรือไม่ ให้ข้อมูลสำคัญกับเจ้าของเว็บไซต์​ หรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความฉับไว​ ติดต่อง่าย​ ไม่ทิ้งให้เรารอนาน​ เป็นต้น

ในความเป็นจริงแล้ว Web Hosting นั้นมีหลากหลายประเภท​ ซึ่งแต่ละประเภท​ก็มีคุณสมบัติที่แฝแตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้น​เราจึงต้องเลือก​ Hosting​ ที่เหมาะกับขนาด​ และประเภทการใช้งาน​ รวมถึงต้องเป็น​ Hosting​ ที่มีความเสถียร​และรวดเร็ว​ รองรับกับการทำ​ SEO​ ของเราด้วย

ส่วนใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับการทำ SEO แบมแนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ เลยค่ะ

ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *