Low-cost Marketing ทำการตลาดแบบลงทุนน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก

Low-cost Marketing ทำการตลาดแบบลงทุนน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก

ยอดขายที่ฟ้องเราอยู่ในทุกๆวัน หรือ ข่าวเศรษฐกิจที่ได้อ่านในทุกเช้า (รวมไปถึงข่าว Crypto …) ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากอะไรก็ตาม มันมักจะก็ทำให้เราปวดหัวใจกันได้อยู่ทุกวัน ว่าเงินหายากขึ้นพอสมควรเลย แต่ธุรกิจเราก็ยังต้องไปต่ออยู่ดี วันนี้ผมมีวิธีทำการตลาดแบบลงทุนน้อย แต่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามากพอที่จะทำ หรือ Low-cost Marketing มาให้ทุกคนได้ลองเอาไปปรับใช้ในธุรกิจกันครับ

Low-cost Marketing :

Low-cost Marketing เป็นไอเดียและเทคนิคในการคิดกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่งนั่นแหละครับ ที่เราจะตั้งวิธีคิดโดยการลงทุนทำการตลาด ซึ่งเทคนิคเหล่านั้นค่อนข้างมีหลากหลายมาก แตกต่างไปตามแต่ละบริบท ธุรกิจ และกลุ่มเป้าหมายของเรา

ในวันนี้ผมจะขอนำเสนอไอเดียที่น่าสนใจและมองว่าทุกคนสามารถเริ่มต้นทำได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนสูงมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันนะครับ

การเลือกช่องทางที่ใช่

บ่อยครั้งที่พอเราคิดว่าอยากจะทำธุรกิจอะไร หรือ อยากจะสื่อสารอะไรจากแบรนด์ของเราแล้ว เรามักจะมอง Mainstream Platform หรือช่องทางที่มีผู้ใช้มากที่สุด หรือ Social Media ช่องทางต่างๆ โดยหวังว่าแบรนด์ของเราจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างเลยใช่มั้ยครับ

โดยส่วนตัวผมมองว่านั่นเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วแต่เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะนอกเหนือจากการที่จะมีคนเห็นโฆษณาของเราเยอะๆแล้ว ในกรณีนี้ผมคิดว่า คนเหล่านั้นควรจะต้องเป็นคนที่มีโอกาสจะมาใช้สินค้าและบริการของเราอย่างมากด้วยครับ

จริงๆแล้วการทำการตลาดมีไม่ได้จำกัดแค่บนสื่อเท่านั้นครับ แต่เป็นผู้คนมากกว่า สื่ออาจเป็นเพียงแค่เครื่องมือหนึ่งเท่านั้นเองครับ เราจึงควรทำความเข้าใจในธุรกิจกับสินค้าของเราก่อนครับ ว่ามีขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มไหนที่จะมาใช้สินค้าและบริการของเรา

สมมุติว่า สินค้าของเราคือ น้ำอัดลมที่ให้ความสดชื่น รสมะนาวโซดา ชื่อแบรนด์ขึ้นต้นด้วย ช นามสมมุติ Brand Positioning ของเราคือ เครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การดื่มสำหรับทุกเพศทุกวัย ดื่มได้ทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อนำเครื่องดื่มไปผสมดื่มกับอย่างอื่น

เมื่อพอจะเข้าใจตัวเองแล้ว เราจะเริ่มเห็นครับว่ากลุ่มเป้าหมายเราคือใคร จากการสมมุติด้านบนจะมี Keyword ที่พูดถึงกลุ่มเป้าหมายอยู่ครับ คือ การนำเครื่องดื่มผสมกับอย่างอื่น หมายความว่า เป้าหมายของเราน่าจะเป็นคนที่ชอบเครื่องดื่มประเภท Cocktail หรือ Mocktail แน่ๆเลย

เมื่อหา Insight เพิ่มเติมไปอีกเราอาจพบว่า คนเหล่านั้นส่วนใหญ่ คือ คนที่ชอบนั่งตามบาร์ เมื่อเห็นแบบนี้แล้วจุด Touchpoint ที่น่าจะตอบโจทย์เราในการทำ Low-cost Marketing ก่อนที่จะเสียต้นทุนมากๆ คือ บาร์ นั่นเองครับที่จะทำให้เราเริ่มเป็นที่รู้จักได้

ที่บาร์ เราอาจมีการติดโปสเตอร์เพื่อบอกว่า มีเครื่องดื่มของเราผสมอยู่ใน Cocktail ของคุณ หรือ ให้บาร์เทนเดอร์ช่วยแนะนำคนที่มาดื่มก็จะช่วยให้สินค้าเราถูกรู้จักมากขึ้น เผลอๆตอนที่เราไปเสนอสินค้าให้กับทางบาร์ เราอาจได้ขายสินค้าแบบ B2B กับบาร์ก่อนที่ B2C จะรู้จักเราจริงๆก็ได้ครับ

อย่างไรก็ตามการมี Social Media Platform สักช่องทางหนึ่งเป็น Official ก็ยังมีความจำเป็นอยู่นะครับ เนื่องจากในสมัยนี้การมี Online ก็เหมือนการยืนยันการมีตัวตนของธุรกิจของเราครับ โดยการเลือกในส่วนนี้สามารถเป็น Mainstream Platform หรือ เป็น Platform ที่ Practical กับกลุ่มเป้าหมายของเราที่สุดก็ได้ครับ

การสร้าง Personal Branding

ผมคิดว่า มนุษย์ คือเครื่องมือในการสื่อสารที่ดีที่สุดแล้วครับ มนุษย์มีความสามารถในสร้างแรงดึงดูดใจและการควบคุมการสื่อสารได้ดีอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง จังหวะในการพูด ไปจนถึงภาพลักษณ์ที่เพิ่มน้ำหนักให้การสื่อสารดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

สิ่งนี้เป็นที่เราสามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องรอมีต้นทุนครับ เดี๋ยวนี้โทรศัพท์ Smartphone แค่เครื่องเดียวก็สามารถผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆได้มากมาย เพียงแค่เราเริ่มขายตัวเอง พร้อมกับ การขายสินค้าไปเลยครับ

แต่การสร้าง Personal Branding ไม่ใช่แค่เอาเรามาออกกล้อง อยู่ในคอนเทนต์ก็สามารถสร้างได้นะครับ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้จากการสะสมบารมี หรือ แต้มความสัมพันธ์ที่เรามีระหว่างกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเราควรจะต้องมีการสื่อสารและทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมายบ่อยๆ

โดยที่เราต้องแสดงความเป็นตัวของตัวเอง สร้างจุดเด่นที่ชัดเจนให้คนจำตัวตนของเราได้ และมีความรู้ ความเข้าใจในธุรกิจของเราจริงๆเพื่อความน่าเชื่อถือในเวลาเดียวกันด้วยครับ

กรณีนี้เราจะเห็นคนที่ประสบความสำเร็จจากตรงนี้ได้ตาม Social Media ต่างๆมากมายเลยครับ

ที่ชัดเจนที่สุดก็คงเป็น คุณพิมรี่พาย ที่เริ่มจากการขายของออนไลน์ Live สด สื่อสารพูดคุยกับคนดู ให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับตัวสินค้า พร้อมทั้งใช้ลักษณะและท่าทางการพูดที่เป็นตัวของตัวเอง สร้างบุคคลิกภาพหรือเอกลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นให้จดจำได้ชัดเจน

pimrypie
Cr. Pimrypie

ด้วยคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนที่สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ กลายมาเป็น Personal Brand ที่ช่วยให้คุณพิมรี่พายเป็นที่รู้จักและสามารถขายสินค้า สร้างรายได้จำนวนมหาศาล ทั้งจากความต้องการในการซื้อสินค้า และความเชื่อใจใน Personal Brand ของคุณพิมรี่พายด้วย

อย่างไรก็ตามการทำ Personal Branding มีสิ่งที่ต้องแลกมาอยู่ นั่นคือการที่ ตัวเรา = ธุรกิจ ของเราครับ กรณีที่ธุรกิจเกิดปัญหา หรือ สิ่งใดๆก็ตามเกิดขึ้นกับตัวเรา สิ่งเหล่านั้นอาจมีผลกระทบต่อกันและกันเกิดเป็น ปัญหาที่คุณต้องเผชิญในหลากหลายด้าน

ซึ่งในจุดนี้คุณอาจจะต้องมีความระมัดระวังและใส่ใจรายละเอียดในส่วนต่างๆอย่างรอบคอบ เพื่อระวัง ไม่ให้เกิด Crisis กับตัวคุณและธุรกิจได้ครับ

(แต่หากเกิด Crisis ขึ้นแล้ว สามารถไปอ่านบทความของการตลาดวันละตอนเกี่ยวกับ Crisis management ได้เลยครับ)

การสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการ

หลายธุรกิจอาจจะกำลังตกม้าตายตรงนี้เลยครับ เพราะเรามักจะมัวแต่คิดถึงการทำการตลาดอย่างไรให้แบรนด์เราเป็นที่รู้จัก หรือจะสร้างยอดขายจากการทำการตลาดอย่างไรดี เพราะการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า ในบางธุรกิจก็อาจสร้างผลกำไรได้มากพอ จนไม่จำเป็นต้องทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ด้วยในจำนวนทุนที่มากเกินไปก็ได้นะครับ

โดยส่วนตัวผมมองว่า ผู้บริโภคในยุคนี้มีทางเลือกมากมาย การเปิดใจและตัดสินใจเลือกแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเพื่อซื้อสินค้า หรือใช้บริการนั้นไม่ง่ายเลย อีกทั้งหากไม่ประทับใจในแบรนด์นั้นๆ ก็สามารถหาแบรนด์ทางเลือกมาทดแทนได้อยู่ตลอดเวลาเลยครับ

หมายความว่า การหาลูกค้าใหม่เพื่อมาซื้อสินค้าเป็นหลัก ไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตและได้กำไรได้อย่างยั่งยืน เมื่อเทียบกับการรักษาลูกค้าของเราเอาไว้เลยครับ แต่กลับกลายเป็นการถมเงินไปเพื่อให้ได้เงินกลับมาเท่านั้นเอง บางครั้งถมมากเกินไป รังแต่จะกลายเป็นขาดทุนแทนด้วยซ้ำไปครับ

ดังนั้นเมื่อเราได้ลูกค้ามาแล้ว การรักษาลูกค้าเอาไว้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยครับ โจทย์ในเรื่องนี้ที่เราควรตอบและสร้างให้ได้ คือ เมื่อมีลูกค้าเข้ามาแล้ว เราจะทำยังให้ลูกค้ากลับมาซื้อเราต่ออีกครั้ง และประทับใจในแบรนด์ของเรา จนมีการไปบอกต่อคนอื่นให้มาซื้อสินค้าของเราได้ครับ

ผมจะขอยกตัวอย่างในกรณีของ เต่าบิน ซึ่งเป็นแบรนด์หนึ่งที่ผมมองว่าค่อนข้างมีความใส่ใจในการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการทำให้ลูกค้าประทับใจอยู่พอสมควรครับ ถ้าลองมองนอกเหนือปัจจัยด้านรสชาติที่เป็นเรื่องแล้วแต่คน กับความ Eror ของตู้ Vending อยู่บ้าง

เต่าบิน
Cr.Taobin

เต่าบินพยายามปรับและออกแบบให้ Ux/Ui มีความใช้งานง่าย ตั้งแต่ในเรื่องของหน้าจอที่มีระบบการสแกน QR Code ให้สามารถสั่งได้โดยไม่ต้องสัมผัสตัวตู้ ที่ลดอัตราความเสี่ยงด้านโรคระบาด

เมนูที่มีให้เลือกหลากหลาย รวมไปถึงเมนูชวนคิดถึงที่หาทานได้ยากในเวลาปัจจุบัน ทั้งยังมีราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยาก หรือจะเป็นการ Customize ระดับความหวาน หรือ Topping ของเครื่องดื่มชนิดต่างๆ ที่ให้ประสบการณ์คล้ายกับการซื้อกับคน และอื่นๆ

และทั้งหมดที่เต่าบินให้ความใส่ใจในรายละเอียดนี้ ทำให้เต่าบินมีฐานลูกค้าที่มีความ Loyalty กับแบรนด์เยอะมากพอสมควรเลยครับ ซึ่งถ้าหากใครต้องการอ่านหรือศึกษาเรื่องราวของเต่าบินเพิ่มเติม สามารถคลิกที่ ตรงนี้ ได้เลยนะครับ

การนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเสมอ

ในส่วนนี้อาจมองได้ทั้งเรื่องของสินค้า/การบริการ ที่เราอยากนำเสนอขาย รวมไปถึงคอนเทนต์ที่ใช้สำหรับสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายของเราก็ได้ครับ

เพราะทั้งหมดนี้จะสะท้อนเรื่องของคุณค่าที่เราให้และจุดที่จะสามารถเชื่อมโยงเรากับลูกค้าได้ชัดเจน ว่านอกจากเราจะสามารถตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าต้องการแล้ว เราเป็นแบรนด์ที่มองเห็น Painpoint ที่ลูกค้าเผชิญแล้วเรามีจุดยืนอย่างไร

เพราะลูกค้าจะหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเสมอครับ หากแบรนด์ไหนที่เห็นคุณค่าในเรื่องของลูกค้าอย่างแท้จริง ไม่มีทางที่ลูกค้าจะไปปันใจให้กับคนอื่นเลยครับ ด้วยปัจจัยด้านขีดความสามารถลูกค้าจะสามารถเลือกได้

ในฐานะที่เป็นทั้งคนทำการตลาดและเป็นทั้งลูกค้า ผมคิดว่าลูกค้าสัมผัสได้นะครับ ว่าแบรนด์ไหนที่พยายามหา Solution ที่ดีที่สุดให้ตัวเราอย่างตั้งใจ โดยผมจะขอเขียนแบบไม่อยากจะบอกว่าอวย แต่จะขอยกตัวอย่างเพจ “การตลาดวันละตอน” นี้ครับ

เท่าที่ผมได้มีโอกาสติดตามเพจตั้งแต่สมัยหนังสือ Personalize Marketing (ปกสีน้ำเงิน) หนังสือเล่มแรกที่พี่หนุ่ยเขียน และมีโอกาสได้พูดคุยกับพี่หนุ่ย ผมได้รู้ว่า เพจการตลาดวันละตอน เติบโตมาอย่าง Organic มาตลอด เลยครับ

และจุดที่พาการตลาดวันละตอนมาถึงวันนี้ คือ การที่เพจพยายามนำเสนอคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์และเป็นประโยชน์กับผู้ติดตามที่ดีที่สุดอยู่เสมอ เลยครับ

ไม่ว่าจะเป็น การหา Customer Insight ของแต่ละ Segement หรือของแต่ละธุรกิจ, การให้ความรู้ด้านการตลาดในการใช้ Data ในรูปแบบต่าง, การนำ Case Study ที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังและสามารถนำไปปรับใช้กับงานของนักการตลาดหลายคนได้จริงๆ และอื่นอีกมากมาย

ทุกครั้งที่ผมได้มีโอกาสอ่านคอนเทนต์ของเพจ ผมจะได้รับความรู้ใหม่ๆและไอเดียไปทำการตลาดทุกครั้งเลยครับ และผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่การตลาดวันละตอนพยายามมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าหรือผู้อ่านอยู่เสมอ และคนที่ติดตามก็เห็นคุณค่าตรงนั้น เพจจึงได้มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเป็นที่รู้จักสำหรับใครหลายๆคนจนถึงทุกวันนี้ครับ

มีประโยคหนึ่งที่พี่หนุ่ยพูดใน Live เมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนที่ผมคิดว่าสามารถเอามาเป็นแก่นสำหรับประเด็นนี้ได้อย่างดี คือ Value first before profit หรือ ก็คือ เรามอบคุณค่าให้กับลูกค้าก่อน เดี๋ยวกำไรที่เราควรได้จะตามมาเองครับ

บทสรุป

ทั้ง 4 ประเด็นนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากอีกหลายเทคนิค สำหรับการทำ Low-cost Marketing นะครับ ยังมีอีกหลายเทคนิคมากมายเลยที่เราสามารถทำได้ ผมจะเอามาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันอีกบ่อยๆนะครับ

อย่าลืมนะครับว่า การที่เราจะทำการตลาดในรูปแบบใด ควรเริ่มต้นจากความเข้าใจในธุรกิจและสินค้าของตัวเองเป็นหลัก ส่วนสำคัญส่วนต่อไปคือกลุ่มเป้าหมายของเราที่ชัดเจน จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างแม่นยำและได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ 🙂

Ref.


Watcharapon Kittipodpong

ลงมือเขียนเพื่อทบทวน และเข้าใจตัวเอง คนที่สนใจ Marketing คนหนึ่งที่อยากส่งต่อเหมือนที่ได้รับมา หวังว่าสิ่งที่เขียนจะมีประโยชน์กับคนอ่านทุกคนนะครับ :)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *