ชวนรู้จัก Cute Marketing การตลาดที่เต็มไปด้วยความน่ารัก
ชวนรู้จัก Cute Marketing การตลาดที่เต็มไปด้วยความน่ารัก
เตยเชื่อว่าหลาย ๆ คน เมื่อได้เห็นอะไรที่น่ารัก ตะมุตะมิ จะรู้สึกอยากบีบ อยากกอด จนไปถึงอยากซื้อมาครอบครอง โดยเฉพาะกับสินค้าของบางแบรนด์ที่มักมีโลโก้เป็นตัวคาแรคเตอร์การ์ตูนคิ้วท์ๆ แพจเกจจิ้งน่ารัก ๆ เห็นแล้วรู้สึกถูกชะตาเป็นพิเศษ รู้ตัวอีกทีก็ควักเงินจ่ายไปซะแล้ว
ถ้าเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ แล้วล่ะก็ คุณติดกับสิ่งที่เรียกว่า “Cute Marketing” เข้าเต็มเปาแล้วค่ะ หากคุณเป็นผู้ประกอบการหรือเริ่มทำธุรกิจ แล้วอยากเปลี่ยนเราให้เป็นลูกค้าที่ติดกับ การตลาดความน่ารัก นี้แทน สามารถติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลยค่ะ
Cute Marketing คืออะไร
อธิบายแบบง่าย ๆ คือ เป็นการตลาดที่เน้นความน่ารัก ไม่ว่าจะออกสินค้า ดีไซน์แพจเกจจิ้ง หรือทำแคมเปญทางการตลาด อะไรก็แล้วแต่ต้องมีความ ‘น่ารัก’ ไว้ก่อน เพื่อใช้ดึงดูดคน/กระตุ้นภาพจำทางการตลาดของแบรนด์หรือสินค้า และทำให้เกิดความอยากได้อยากมีอยากซื้อในที่สุด
จากผลการศึกษาบ่งชี้ว่า เมื่อคนเราเห็นอะไรแล้วสมองประมวลผลสิ่งที่อยู่ตรงหน้าว่า ‘น่ารัก’ แล้ว สมองจะหลั่งสารแห่งความสุข: โดฟามีน และออกซิโทซิน ที่ทำให้อารมณ์ดี และส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะรู้สึกอยากครอบครองสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากขึ้น ซึ่งนี่แหละที่ทำให้นักการตลาดมองเห็นช่องทาง และนำมาปรับใช้กับธุรกิจกันอย่างแพร่หลายนั่นเอง
ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้ Cute Marketing
#บาร์บีคิวพลาซ่า
แบรนด์ปิ้งย่างคนมักเรียกติดปากว่า บาร์บีกอน ที่เป็นชื่อแมสก็อตของแบรนด์ และมีคาแรกเตอร์จำได้แม่น เพราะเจ้ามังกรอ้วนกลมสีเขียวสุดน่ารัก มาพร้อมกับอิมเมจแก้มล้นเข้ากับผู้คนได้ง่าย ทำให้แฟน ๆ หลงรัก และกลายเป็นอาวุธลับสำคัญของแบรนด์ในการทำตลาด
#Mini Cooper
แบรนด์รถยนต์ที่มีลักษรณะเด่นในเรื่องของความกะทัดรัด ใช้ลักษณะการดีไซน์รถยนต์ให้ออกมาเป็นขนาดจิ๋ว ที่ดูกี่ทีก็น่ารัก ปุ๊กปิ๊ก ไม่เหมือนกับรถยนต์ค่ายอื่น ๆ เตยมองว่าถ้าทำสินค้าออกมาเป็นชิ้นจิ๋ว ๆ ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ (อย่าลืมว่าต้องน่ารักด้วยนะคะ จิ๋วอย่างเดียวแต่ไม่สวย คนก็คง say goodbye)
#Gucci
แบรนด์แฟชั่นสุดหรูจากอิตาลียังเลือกใช้ การตลาดความน่ารัก โดยมา Collab กับโดราเอมอน เจ้าเหมียวสีฟ้าตัวกลม จนกลายเป็น Talk of the Town ทั้งวงการแฟชั่นและแฟนคลับของโดราเอมอนทั่วโลก เพื่อรุกตลาดเอเชีย ด้วยการดึงความทรงจำในวัยเด็ก ของผู้มีกำลังซื้อชาวเอเชียเจน X และ Y
#Scott
เมื่อพูดถึงแบรนด์นี้ หลายคนอาจไม่ได้นึกถึงแค่ทิชชู แต่เป็นความน่ารักของน้องหมาสีน้ำตาลสุดคิ้วท์ ชวนน่าเอ็นดู ที่อยู่บนแพ็กเกจจิง ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ใช้น้องหมา แต่เกิดจากการศึกษาพฤติกรรมและทัศนคติของผู้บริโภคแล้วพบว่าลูกสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ เป็นสัญลักษณ์ของความน่ารัก สดใส อ่อนนุ่ม แบรนด์จึงเลือกใช้ลูกสุนัขลาบราดอร์เป็นพรีเซนเตอร์บนบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ที่ใช้ การตลาดความน่ารัก แบบนี้ เช่น คุมะมง, Mickey Mouse, Hello Kitty, Little Twin Stars, Kero Kero Keroppi และอื่น ๆ อีกมากมาย
ความน่ารักช่วยอะไรกับธุรกิจบ้าง
- ภาพลักษณ์ดูเป็นมิตร คนจำง่าย: ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำได้ง่ายด้วยอิมเมจความน่ารักที่เป็นกันเอง
- เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย: เพราะไม่ว่าใครก็ชอบของน่ารัก ๆ นอกจากจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย ทุกเพศ ทุกวัยแล้ว ยังสามารถเข้าถึงได้หลายช่องทางอีกด้วย ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ หรือต่อให้ไปในระดับ Global ก็ยังสามารถไปได้สบาย ๆ
- ต่อยอดสินค้าใหม่ได้เรื่อย ๆ: หากแบรนด์สร้างคาแรกเตอร์ขึ้นมา ก็ยังสามารถใช้คาแรกเตอร์นั้นมาต่อยอดเป็นสินค้าตัวใหม่ เพิ่มยอดขายได้จุก ๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล เช่น กระเป๋าลายโดราเอมอน แก้วน้ำ Hello Kitty หรือ ผ้าพันคอลาย Mickey Mouse ใส่ชุดซานต้า เป็นต้น
Tips การสร้างคาแรคเตอร์สุดคิ้วท์ให้แบรนด์
- สัดส่วนเน้นความโต ไม่ว่าจะหัว ตา มือ ก็ให้กลมโตไว้ก่อน เพิ่มความน่ารักกระแทกจิตใจ
- รูปร่างต้องทรงกลม เรื่องของรูปทรงมีผลต่อความรู้สึกของผู้มองเห็น โดยเฉพาะทรงกลมที่จะช่วยให้ภาพลักษณ์ดูน่ารักน่าเอ็นดูมากยิ่งขึ้น ยิ่งหัวกลม ๆ ยิ่งน่าเอ็นดู
- จมูกเล็ก ยิ่งเล็กเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มความตะมุตะมิ คนเห็นแล้วรู้สึกอยากทะนุถนอม
- ยิ้มพิมพ์ใจ เวลาเห็นใครยิ้ม เราก็มักจะยิ้มตอบ ฉะนั้นถ้าเราอยากให้ลูกค้ามีภาพจำต่อแบรนด์ก็ควรเพิ่มรอยยิ้มสดใส
- แก้มตุ่ยน่าหยิก หากสร้างคาแรคเตอร์ให้มีแก้มเหมือนเด็ก หรือแก้มน้องสัตว์ตุ่ย ๆ คนเห็นแล้วอดอยากหยิกอยากจับไม่ได้
- โทนสีพาสเทล เรื่องของโทนสีเองก็มีส่วนสำคัญต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ ถ้าแบรนด์ต้องการเข้าถึงทุกกลุ่ม อาจใช้โทนสีสว่างเพิ่มความสดใสให้แบรนด์
- ออกแบบเป็นสัตว์ เช่น น้องหมา น้องแมว หรือเด็กตัวเล็ก ๆ จากงานวิจัยพบว่าสุนัข และแมวเป็นสัตว์ที่เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะสุนัขสายพันธุ์ลาบราดอร์
สรุป Cute Marketing การตลาดที่เต็มไปด้วยความน่ารัก
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เตยคิดว่าคงได้คำตอบกันไปแล้วล่ะค่ะว่า การตลาดความน่ารัก มันทำงานยังไงและมีผลต่อจิตใจของลูกค้าได้ขนาดไหน แถมยังอาจได้คำตอบที่ว่าทำไมคนถึงยอมซื้อของใช้ ที่ไม่รู้ว่าจะได้ใช้ประโยชน์จริงหรือเปล่า หรือคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปไหม เพียงเพราะรูปลักษณ์ที่ดูน่ารัก
สุดท้ายนี้ เตยมองว่าความน่ารักถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าของผู้คน ลองนำการตลาดรูปแบบนี้ไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับแบรนด์เพื่อสร้างความคิ้วท์ ดึงดูดผู้บริโภคกันดูนะคะ
เตยหวังว่าตัวอย่างเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และสร้างไอเดียใหม่ ๆ ต่อผู้อ่านทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ
สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ