กลยุทธ์ขายของในช่วงเทศกาลสำหรับ In-Store Purchases
สรุป 3 Trick ที่ช่วยเสริมกลยุทธ์ขายของในช่วงเทศกาลสำหรับ In-Store Purchases จาก Google Marketing
ใกล้ช่วงเทศกาลแบบนี้ทั้งนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจต่างเตรียมตัวรับบรรดานักชอปกันแล้วใช่ไหมคะ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ ทั้งสินค้าของกินของใช้ และของขวัญต่าง ๆ จะถูกจับจ่ายใช้สอยมากกว่าวันธรรมดาอยู่แล้ว วันนี้นุ่นเลยมีกลยุทธ์ขับเคลื่อนให้ทุกร้านค้ามาฝากนักการตลาดค่ะ
เพราะไม่ใช่แค่ Online Shopping จะขายดีในยุคโควิด แต่ In-Store เองก็ยังคงเป็นช่องทางในการซื้อที่ขาดไม่ได้ เพื่อที่จะส่งเสริมให้กลยุทธ์การขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากกลยุทธ์พื้นฐานเกี่ยวกับ In-Store Marketing อย่าง P.O.P (Point of Purchase), Sale promotions หรือ In-Store Event เรามาดู 3 Trick ที่ทาง Think with google ได้แชร์เอาไว้กันนะคะ แม้จะเป็นข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างประเทศสหรัฐ แต่ก็สามารถนำมาปรับใช้กับตลาดประเทศไทยได้เหมือนกัน นุ่นเห็นว่าน่าสนใจเลยอดไม่ได้ที่จะมาเล่าต่อค่ะ
#1 เริ่มสตาร์ทเครื่องตั้งแต่วันนี้ เตรียมข้อมูลให้ลูกค้าล่วงหน้าเพื่อให้เดินทางมาซื้อในช่วงก่อนเทศกาล
จากผลสำรวจ มีลูกค้ามากกว่า 42% เริ่มซื้อของสำหรับวันหยุดเทศกาลเร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมาค่ะ สาเหตุอาจมาจากหลายปัจจัย เช่นกลัวการปรับขึ้นราคาในวันเทศกาล สิ่งที่นักการตลาดควรเริ่มสตาร์ทเครื่องให้เร็ว คือวางแผนโฆษณาที่เกี่ยวกับการค้นหาก่อนช่วงเทศกาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ลูกค้าเริ่มเห็นแบรนด์เราตั้งแต่เนิ่น ๆ และจำได้เมื่อเริ่มชอปปิงค่ะ นอกจากนี้นักการตลาดควรลองใช้ video ad sequencing ที่ช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสซื้อสินค้าเรามากขึ้นด้วยค่ะ
สิ่งที่สำคัญหลังจากใส่ใจประสิทธิภาพการค้นหาแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้านักการตลาดและฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมีความพร้อม หลายครั้งที่ลูกค้าเทโปรโมชันดี ๆ กลางทางเพราะข้อมูลแสนจะงง เจ้าหน้าที่หน้าเพจตอบอีกอย่าง พนักงานหน้าร้านตอบอีกอย่างซะอย่างงั้น
#2 เช็ก Store visit Conversion และ Purchases Data ทั้งหมด
จากข้อมูลของลูกค้าในสหรัฐ การจับจ่ายแบบ In-store ยังคงคึกคักในปีที่แล้ว
หากแบรนด์หรือธุรกิจของเรามองข้ามข้อมูล Store visit Conversion และ Purchases Data ก็ยากแล้วล่ะค่ะงานนี้ นักการตลาดควรใช้ in-store purchase data มาช่วยพัฒนา online shopping experience ให้ดีขึ้นและสอดคล้องกันอยู่เสมอนะคะ
“Brick-and-mortar shopping isn’t dead, and people increasingly want the options of online, in-store, or even hybrid buying”
ใช่ค่ะนักการตลาดที่สู้ตายในยุคโควิดมาจะมองภาพเล็ก ๆ ได้อย่างไร เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น นุ่นมีไอเดียมาแปะเพิ่มให้ด้วย ถ้าสามารถทำได้เลยยิ่งเร็วก็ยิ่งดีค่ะ
- การปรับแต่งตาม personalization
แม้ลูกค้าหลายคนจะแอบรู้สึกขนลุกเวลาที่แอปฯ หรือชอปปิงออนไลน์ต่าง ๆ แนะนำสินค้าที่เราเคยเสิร์ช แต่ก็ต้องยอมรับว่าการที่ให้เห็นสินค้าเราอีกครั้งจะทำให้โอกาสซื้อเพิ่มมากขึ้น
ข้อแนะนำคือการรวมธุรกรรมออฟไลน์เข้ากับกิจกรรมออนไลน์ค่ะ ทำยังไงให้เราสามารถใช้ข้อมูลจากที่ลูกค้าสอบถามในแชท ไม่ว่าจะเป็นสี หรือสินค้าก่อน ๆ ที่เคยสั่งมาปรับให้การนำเสนอสินค้าตรงกับความชอบมากขึ้น จะใช้ Ai หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ อย่างเดียวก็ยังไม่แม่นยำเท่ามีแอดมินซัพพอร์ตลูกค้าแต่ละคนแล้วจัดการ Personal Data ไม่ให้หล่นหายไปฟรี ๆ เช่นเดียวกับลูกค้าหน้าร้าน
#3 ใช้กลยุทธ์ Smart Bidding พัฒนาการตอบแชทให้ Real Time
ต่อเนื่องมาจาก 2 ข้อแรกเลยค่ะความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ อย่างที่นุ่นบอกว่าทั้งเจ้าหน้าที่ในแชทและพนักงานหน้าร้านควรได้ข้อมูลเดียวกัน และถ้าแคมเปญปังจนเจ้าหน้าที่ทำงาน Overload หรือทรัพยากรในองค์ยังไม่พร้อมเหมือนแบรนด์ใหญ่ ๆ ให้ลองใช้ automation respond เข้ามาช่วยตอบเบื้องต้นระหว่างแอดมินไล่ตอบตามคิวก็ได้ค่ะ
จากข้อมูล นักการตลาดเพียงแค่กำหนด performance goal สำหรับแคมเปญออนไลน์ จากนั้น Smart Bidding จะปรับราคาเสนอของเราแบบ Real Time โดยอัตโนมัติตามแนวโน้มที่คาดว่าจะเกิด store visits conversion นั่นเองค่ะ
จะเห็นว่ากลยุทธ์ Smart Bidding ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้ดีสำหรับการเข้าชมร้านค้าและการขายออนไลน์ปรับราคาของเราให้สูงสุดโดยอัตโนมัติตามเป้าหมาย ROI ของนักการตลาด กลยุทธ์นี้นักการตลาดเคยลองใช้แล้วหรือยังคะ ใช้แล้วเวิร์กไหม? ช่วยมาแชร์กันในคอมเมนต์บ้างนะคะ อยากอ่านมาก ๆ
และนี่คือทั้งหมดที่นุ่นนำมาสรุปในบทความนี้ค่ะ และหวังว่าในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวต่าง ๆ จะเป็นโอกาสให้นักการตลาดสามารถวางแผนให้แบรนด์ปังได้ทั้งออนไลน์สอดคล้องกับหน้าร้าน เนื่องมาจากผลสำรวจจาก Google เกี่ยวกับการชอปก่อนวันหยุดเทศกาลค่อนข้างมีประโยชน์และทั้ง 3 Trick ในบทความนักการตลาดสามารถเลือกไปเริ่มทำได้ทันที ตามทรัพยากรและแคมเปญของแบรนด์ค่ะ^^
source : support.google.com, thinkwithgoogle.com, dynamicyield.com