How to be a Happiness Marketer นักการตลาด กับการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

How to be a Happiness Marketer นักการตลาด กับการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ผมคิดว่าทุกคนเข้าที่มาอ่านบทความนี้ น่าจะเป็น Marketer หรือ นักการตลาด หรืออาจอยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและการตลาดกันอยู่แล้วนะครับ ซึ่งนับเป็นตัวแปรสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้การทำกิจกรรมทางการตลาด มีประสิทธิภาพและมีผลลัพธ์ที่ดี ไม่แพ้กันกับแผนกลยุทธ์ หรือ ตัวสินค้า เลย

หมายความว่าในการทำการตลาดที่ดีนั้น เรื่องของตัวบุคคลก็เป็นรายละเอียดที่สำคัญ ที่เราต้องให้ความสำคัญเช่นกัน

ในวันนี้ผมเลยอยากมาแชร์เรื่องของการเป็นนักการตลาดในยุคนี้ให้มีความสุข ในประเด็นของการเรียนรู้อย่างไม่มีสิ้นสุดของนักการตลาด เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ท้าทายในทุกๆวันในงานของเรากันครับ

กว่าจะเป็น Marketer

ในทุกอาชีพล้วนมีเรื่องของความรู้พื้นฐานที่ทุกคนจำเป็นจะต้องรู้อยู่แล้วใช่มั้ยครับ ยกตัวอย่างเช่น ความเข้าใจในโครงสร้างของตัวงาน เครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน รวมไปถึงวิธีการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งในส่วนงานของเรา และเป้าหมายอาชีพของเราด้วยว่าเราต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง

marketing basic
ภาพประกอบจาก prlog

อย่างในกรณีของ Marketer โดยทั่วไปแล้ว เราอาจจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องของ เป้าหมายของการทำการตลาด ,หน้าและวิธีการของการสื่อสาร,ความเข้าใจในโครงสร้างหรือวิธีการในการทำการตลาดต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การวางแผน, Customer Journey, Media Channel ฯลฯ

นอกเหนือจากนี้ยังมีเรื่องของเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ สำหรับการทำโฆษณา เพื่อให้การทำการตลาดของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และส่วนสุดท้าย คือการประเมินผลและการวิเคราะห์ เพื่อดูความสำเร็จในการทำการตลาด รวมไปถึงการพัฒนาแนวทางการทำการตลาดของเราให้ดียิ่งขึ้นด้วย

เพียงแต่ว่า ความเข้าใจในเรื่องพื้นฐานเหล่านั้น อาจไม่ได้ช่วยให้การทำการตลาดของเราประสบความสำเร็จได้ เพราะการทำการตลาด คือการสื่อสารกับมนุษย์ด้วยกันที่มีความสนใจและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พฤติกรรมเดิมๆหรือสิ่งเดิมๆที่เราเคยเข้าใจ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ

การทำการตลาดจึงต้องมีความเข้าใจในสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา และต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยนั้นๆด้วย หมายความว่า คำว่า การเรียนรู้ที่ไม่มีสิ้นสุด ไม่ใช่แค่การเรียนรู้ในเรื่องใหม่ที่เราไม่เคยรู้จัก แต่ในบางครั้งก็เป็นการเรียนรู้เรื่องเดิมในความเข้าใจใหม่ด้วย

เพราะบางเรื่องที่เราคิดว่ารู้ดีอยู่แล้ว ก็อาจไม่ใช่ความรู้ที่ใช้ได้อีกต่อไปเช่นกัน

วันนี้ผมเลยอยากมาแชร์แนวคิดหรือไอเดีย จากการที่ได้พูดคุยกับเพื่อนๆพี่ๆนักการตลาดหลายท่าน ด้วยหัวข้อเรื่องของการทำงานอย่างมีความสุขในอาชีพการเป็นนักการตลาด แล้วพบประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องของ Lifelong learning ที่ตอบโจทย์การเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงและเรื่องใหม่ของการทำการตลาดอยู่ตลอดเวลาครับ

Lifelong learning การเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีความสุข

Lifelong learning ด้วยชื่อที่ตรงตัวก็คือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า Lifelong learning เป็น ทฤษฏีที่ว่าด้วยการออกแบบให้ชีวิตของเราสามารถบังคับตัวเองให้เรียนรู้ตลอดชีวิตได้ เพียงแต่แก่นที่แท้จริงของมัน เป็นการออกแบบเรียนรู้ตลอดชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเราและทำให้เรารู้สึกมีความสุขและสนุกกับการใช้ชีวิตได้

ส่วนตัวผมคิดว่าหากเราเข้าใจวิธีและแนวทางของการเรียนรู้ของเราและสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของนักการตลาดของเรา น่าจะทำให้การทำงานของเรามีความสุขและคล่องมากยิ่งขึ้นไปอย่างน่าประหลาดเลยครับ

โดยในวันนี้ผมจะขอยกแก่นบางอย่างของการทำ Lifelong Learning ในส่วนที่น่าสนใจตามลำดับขั้นตอนมาเล่าให้ฟังกันนะครับ

1.การรู้ก่อนว่าเราจะต้องรู้อะไร / อยากรู้อะไร

ภาพประกอบจาก equinetacademy

การเป็น Marketer สามารถแตกแขนงออกเป็นได้อีกหลายสายเลยครับ ดูได้จากรูปด้านบน เป็นตัวอย่างของทีมการตลาดของแบรนด์ซึ่งแต่ละแบรนด์อาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ครับ

จะเห็นว่าแต่ละคนก็จะมีหน้าที่เฉพาะทางที่แตกต่างกันของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Content Specialist / Content Writer ที่ดูแลเรื่องคอนเทนต์, Paid Media Specialist ที่ดูแลเรื่องการซื้อโฆษณาในแพลตฟอร์มต่างๆ ฯลฯ หมายความว่า นอกจากเรื่องพื้นฐานด้านการตลาดแล้ว ก็ยังมีเรื่องเฉพาะทางในสายที่ต้องเรียนรู้อีกด้วย

และในเวลาเดียวกันนั้น เราต้องดูระดับ Scale ตามความจำเป็นในตำแหน่งของเราด้วยนะครับ เพราะในบางครั้งการพยายามที่จะเรียนรู้ในเรื่องที่เกินความจำเป็นในช่วงเวลานั้นๆ อาจจะเกินความเข้าใจจนทำให้เราเริ่มรู้สึกว่ายากเกินที่จะทำความเข้าใจ จะทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบในการเรียนรู้ได้ครับ

แก่นของข้อดีโดยหลักแล้วการเรียงลำดับความต้องการ ความสำคัญ และความจำเป็น ณ ช่วงเวลานั้นของเราครับเพื่อให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่เรากำลังเจอ เพื่อให้ผลลัพธ์ในงานที่เราได้รับผิดชอบมีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ

2.การรู้จริตของการเรียนรู้ของตัวเอง

6 type of learning
ภาพประกอบจาก saintleo

จริงๆแล้วแต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้ในการพัฒนาตัวเองแตกต่างกันครับ โดยเราสามารถแบ่งวิธีการในการเรียนรู้ได้ออกเป็น 6 รูปแบบ คือ การดู, การฟัง, การลงมือทำ/การสัมผัส, การได้พูดคุยกับคน, การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเขียน

เราสามารถค้นหาวิธีการที่ถูกจริตของตนเองด้วยการทดลองวิธีการเรียนรู้ทั้ง 6 แบบนี้ได้เลยครับ เมื่อไรที่เราเจอวิธีการที่ใช่สำหรับเราจะทำให้เราไม่ได้พยายามบังคับตัวเองให้ไปเรียนรู้ในรูปแบบที่ไม่เหมาะกับเราให้ไม่เสียเวลา

เช่น การอ่านหนังสือที่คนส่วนใหญ่พูดถึงกัน หากเรารู้สึกว่าไม่ชอบอ่านหนังสือ รู้สึกเหมาะกันส่วนนี้ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะสื่อการเรียนรู้สมัยนี้มีมากมายเลย เราอาจลองเปลี่ยนไปเป็นการไปพูดคุยกับคนที่รู้เรื่องนี้แทน หรือ หาคอร์สเรียนออนไลน์ หรือ ฟัง Podcast แทนดูก็ได้ครับ

ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเราเรียนได้เรียนรู้ในแบบของตัวเองในจุดตั้งต้น เมื่อเรามีความสนใจแล้ว หากต้องการที่จะศึกษาให้ลึกขึ้น การเรียนรู้ในรูปแบบอื่นจะเกิดขึ้นเป็นส่วนเสริมเข้ามาให้กับตัวเราเองครับ

3.ทำให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิต

เมื่อเข้าใจสิ่งที่เราต้องการรู้และจริตในการเรียนรู้ของตัวเองแล้ว ให้ลองหันมาดูชีวิตประจำวันของเราครับ ว่าเราสามารถสอดแทรกช่วงเวลาในการเรียนรู้หรือการพัฒนาตัวเองได้อย่างไรบ้าง ให้ดูไม่แน่นเกินจนไปเบียดเวลาพัก หรือไปเบียดเบียนช่วงเวลาทำงานที่เรารับผิดชอบ

ยกตัวอย่างเช่น เวลาส่วนใหญ่ในวันทำงานของเรา คือการอยู่บนรถยนต์ส่วนตัว ในการเดินทางไป-กลับออฟฟิศ ถ้าจริตเราตรงกับการเรียนรู้จากการฟังอยู่แล้ว เราอาจใช้เวลานี้ในการฟัง Podcast ในเรื่องที่เราต้องการจะเรียนรู้ก็ได้

หรือ ถ้าใครไม่ถนัดการฟัง ในกรณีนี้ เราอาจใช้ช่วงเวลาหลังเลิกงานก่อนขับรถกลับบ้าน นั่งอ่านหนังสือ หรือ ดูคลิปวิดีโอสอน ก็ได้ครับ หรือไม่ก็อาจลองแบ่งเวลาช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์สัก 1-2 ชั่วโมง อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เรียนรู้แล้วพัฒนาตัวเองมากกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยครับ

การปรับการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของเราแบบนี้จะทำให้การเรียนรู้ของเรา ไม่ถูกทำให้เรารู้สึกว่า เราถูกรบกวนการพักผ่อน หรือถูกบังคับในบางสิ่งที่เราไม่สบายใจที่จะทำ (ณ ที่นี้จะเป็นคนละกรณีกับการมีวินัยในการเรียนรู้นะครับ) จะทำให้เราสามารถทำได้เรื่อยๆ และมีความสุขที่จะทำครับ

เราอาจรวมไปถึงการสร้างบรรยากาศที่เราชอบ เช่น การจุดเทียนหอม การเปิดเพลงบรรเลง หรือจะเป็นการอยู่ในพื้นที่ที่เราสบายใจ อย่างการไปคาเฟ่สวยๆ บรรยากาศดีๆ หรือ ตามห้องสมุดสาธารณะที่มีผู้คนแต่เงียบสนิทพอที่จะมีสมาธิกับสิ่งตรงหน้า ก็ได้ครับ จุดนี้จะช่วยเสริมให้การเรียนรู้ของเรามีความสุขมากขึ้นได้อีกครับ

4.เอาตัวเองไปอยู่กับคนเก่ง

ข้อนี้อาจจะช่วยเสริมเรื่องการเรียนรู้ หรืออาจจะไม่เหมาะสำหรับบางคนนะครับ แต่ส่วนที่สำคัญในข้อนี้คือ การเติมไฟ หรือ แรงบันดาลใจในการเรียนรู้ของตัวเราเอง

เพราะการที่เราเจอ หรือ ได้พูดคุยกับคนเก่งๆ คนเหล่านี้มักจะมีแนวคิดที่น่าสนใจ มีแนวทาง มีคำแนะนำต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ในการทำงานในด้านนั้นๆที่คนเหล่านี้ได้พบมา ที่เมื่อได้ฟังจะทำให้เรารู้สึกใจเต้นแรง เกิดพลังไฟให้เรารู้สึกอยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น ทำให้เรามีแรงฮึดและมีความสนุกที่จะไปเรียนรู้ต่อครับ

อาจลองเริ่มจาก ไปหาฟังบรรยายจากคนที่เป็นแนวหน้าของสิ่งที่เราสนใจอยู่ก็ได้ครับ หรือถ้าใครมีคนรู้จักในด้านนั้นๆ แล้วเรามองว่าเค้าเป็นคนที่มีประสบการณ์และมีความน่าสนใจ ลองเข้าไปพูดคุยกับเขาเหล่านั้นดูก็ได้ครับ

ด้วยขั้นตอนทั้งหมดนี้ หากลองนำมาปรับใช้กับตัวเรา ที่ทำให้เราสามารถเรียนรู้เรื่องใหม่ๆต่างๆได้อย่างดีนั้น นอกจากจะทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆและเป็น Marketer ที่มีความสุขขึ้นแล้ว ในเชิงจิตวิทยายังเป็นส่วนช่วยเสริมให้เรามีความภูมิใจในตัวเองในเรื่องของการพัฒนาตัวเองได้ทุกๆวันอีกด้วยครับ

บทสรุป

ไม่ใช่แค่ Lifelong learning ที่มีส่วนในการทำให้เรามีความสุขในการเป็นนักการตลาดเท่านั้น จริงๆแล้วยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่ผมได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนๆพี่ๆนักการตลาดเกี่ยวกับการเป็น Happiness Marketer เพราะมิติของการนักเป็นการตลาดมีมากกว่าเรื่องของการเรียนรู้อีกมากมายเลยครับ ถ้ามีโอกาสผมจะมาแชร์เพิ่มเติมให้อ่านกันอีกนะครับ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนและทำให้ทุกคนเป็นนักการตลาดที่มีความสุขได้นะครับ
ถ้ามีความคิดเห็นอย่างไร หรืออยากแนะนำ ติชม คอมเมนต์ไว้ได้เลยนะครับขอขอบคุณล่วงหน้าอีกครั้งครับ
ขอบคุณที่อ่านบทความนี้จนจบ 🙂

สามารถอ่านบทความอื่นๆ ของการตลาดวันละตอนเกี่ยวกับต่อได้ที่ คลิก

Ref.
https://www.youtube.com/watch?v=aShycKgS7xg
https://www.youtube.com/watch?v=FA4ka5zHfnw
h
ttps://www.business2community.com/marketing/lifelong-learning-in-marketing-its-a-must-01342793

Watcharapon Kittipodpong

ลงมือเขียนเพื่อทบทวน และเข้าใจตัวเอง คนที่สนใจ Marketing คนหนึ่งที่อยากส่งต่อเหมือนที่ได้รับมา หวังว่าสิ่งที่เขียนจะมีประโยชน์กับคนอ่านทุกคนนะครับ :)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน