Brand Names สำคัญยังไง พร้อม 3 Steps ตั้งชื่อแบรนด์ยังไงให้โลกจำ

ในบทความนี้จะพาทุกคนมาดูกันว่าการ ตั้งชื่อแบรนด์ มันสำคัญยังไง พร้อม 3 Steps การตั้งชื่อแบรนด์ยังไงให้โลกใบนี้ต้องจดจำ เพราะแน่นอนว่าในการทำธุรกิจ ส่วนหนึ่งที่เราต้องมีเมื่อเริ่มต้นเลยนั่นก็คือ ‘ชื่อแบรนด์’

หากใครกำลังงง ๆ หรือมีปัญหาคิดไม่ออกว่าควรจะตั้งชื่อยังไงดี ในส่วนต่อมาเราจะพามาดูกันว่าทุกคนจะสามารถเริ่มต้นยังไงกันได้บ้าง ถ้าพร้อมแล้วไม่รอช้า ตามมาดูกันเลยค่า

ชื่อแบรนด์คืออะไร?

ชื่อแบรนด์ที่เริศคือชื่อที่มีความยูนีค เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญคือการทำให้คนจดจำได้ง่าย เพราะลองคิดดูว่าแม้จะเป็นชื่อที่ดูสวยงามแค่ไหน แต่ถ้าสะกดหรือเรียกยากจนคนจำไม่ได้ก็จบใช่ไหมล่ะคะ

โดยอย่าลืมว่าการจะตั้งชื่อแบรนด์ ก็ต้องตั้งให้ชื่อของแบรนด์เรามีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดด้วย เพื่อความโดดเด่นและที่สำคัญคือไม่ทำให้คนเกิดความสับสน คงจะไม่มีใครชอบให้ตัวเองไปซ้ำกับคนอื่น

ซึ่งชื่อแบรนด์เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้คนรับรู้ถึงคุณค่าของแบรนด์ได้เช่นกัน อย่างสินค้าที่ไม่ได้มีชื่อแบรนด์แปะอยู่ กับอีกชิ้นที่มีชื่อแบรนด์ แม้จะเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน แต่รับรองว่าการที่คนจะรับรู้มูลค่าของสิ่ง ๆ นั้นก็แตกต่างกันแล้ว

ทั้งนี้การตั้งชื่อแบรนด์เบื้องต้นก็มีทั้งบริษัทที่ใช้ชื่อของบริษัทเป็นชื่อเดียวกับแบรนด์เลยอย่าง Canon เป็นชื่อที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่นำเสนอโดย Canon Inc. ซึ่งเป็นชื่อบริษัทของญี่ปุ่นที่ขายอุปกรณ์ถ่ายภาพและผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีอื่น ๆ ในกรณีนี้ก็คือใช้ชื่อบริษัทและชื่อแบรนด์เป็นชื่อเดียวกัน

ส่วนบางบริษัทก็มีความแตกต่างกันไป อย่างการใช้ชื่อแบรนด์ไม่เหมือนชื่อบริษัท เช่น Procter & Gamble หรือที่ทุกคนคุ้นหูกันในชื่อ P&G บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคของอเมริกาที่เป็นเจ้าของหลากหลายแบรนด์เลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ใช้ชื่อแบรนด์ย่อยในร่มใหญ่แตกต่างกันไป เช่น Oral-B, Pampers เป็นต้น

ทำไมเราต้องใส่ใจกับการตั้งชื่อแบรนด์?

#1 Brand recognition ทำให้คนจำได้

มาดูกันที่ข้อแรกก่อนและเป็นข้อที่สำคัญที่สุดเลยอย่างที่ได้พูดกันไปในตอนต้นว่าชื่อที่ดีต้องทำให้คนจำได้ เพราะชื่อแบรนด์ก็เป็นหนึ่งในสิ่งแรกที่คนจะรู้จักหรือได้ยินเกี่ยวกับธุรกิจของเราเลยก็ว่าได้

หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเป็นส่วนหนึ่งในความประทับใจแรกที่อาจทำให้คนมีความรู้สึกดี ๆ กับแบรนด์ของเราตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ‘ชื่อ’ ก็เป็นส่วนสำคัญของการสร้างแบรนด์ ที่จะช่วยให้ลูกค้าแยกเราออกจากคนอื่นและจดจำแบรนด์ของเราได้ท่ามกลางคู่แข่งอีกเป็นพันล้านรายในตลาด

#2 Brand differentiation ช่วยสร้างความแตกต่าง

มาถึงในข้อที่สองว่าทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อด้วย ก็แค่ชื่อรึเปล่า ไม่ใช่เด้อค่า อย่างที่บอกไปว่าชื่อที่ดี จะทำให้เราเด่นออกมาจากคนอื่น หรือก็คือช่วยสร้างความแตกต่างนั่นแหละค่ะ แม้ว่าจะเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน แต่จะมาเหมือนกันไม่ได้!

อย่างที่บอกว่าลองคิดดูสิคะว่าทุกวันนี้ในตลาดมีแบรนด์อยู่เป็นร้อยพัน ไหนจะแบรนด์ใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นมาใหม่ในทุก ๆ วัน ดังนั้นชื่อที่ดีสามารถทำให้แบรนด์ของเราโดดเด่นในตลาดได้

ยกตัวอย่างง่าย ๆ จากอุตสาหกรรมใกล้ตัวอย่างเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน เปรียบเสมือนอวัยวะที่ 33 ตัวอย่างชื่อในกลุ่มชื่อเช่น Dell, Lenovo, Sony หรือ Samsung เป็นต้น แต่อยู่ ๆ ชื่ออย่าง Apple ที่ดูเหมือนจะหมายถึงผลไม้555 ก็โดดเด่นขึ้นมาจากกลุ่มเทคโนโลยี เพราะเป็นการใช้คำที่เรียบง่ายแต่ก็ทำให้คนจดจำได้ง่ายเช่นกัน แตกต่างจากชื่อแบรนด์อื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

#3 Brand names can convey certain emotions สื่อถึงอารมณ์บางอย่างได้

ชื่อแบรนด์ก็เป็นคำ ๆ หนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อคนได้ยินก็แน่นอนว่าต้องทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาได้เช่นกัน แต่ในข้อนี้แม้จะมีมุมที่ดีในเชิงบวก แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องระวังเช่นกันค่ะ

เพราะบางชื่อ คนก็อาจมีความรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างหรือมีพื้นฐานความคิดเกี่ยวกับชื่อนั้นมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว หรือบางทีเป็นชื่อที่ไปสอดคล้องกับความหมายที่ไม่ดี ทั้งนี้จึงควรมีการทำวิจัยหรือศึกษาให้ดีก่อนจะตั้งชื่อแบรนด์ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าชื่อแบรนด์เราจะมีความเหมาะสมและสามารถสื่อถึงอารมณ์ในด้านที่ดีนะ

#4 Long-term asset that can build brand equity เป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่าระยะยาว

ก็อย่างที่ทุกคนน่าจะเข้าใจกันเป็นอย่างดี ลองนึกถึงองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างในการสร้างแบรนด์ดูสิคะ ยกตัวอย่างเช่น Logo, Font, การใช้คำใช้ภาพต่าง ๆ และชื่อแบรนด์

โดยถ้าสังเกตก็คือตัวชื่อแบรนด์นี่แหละค่ะที่มักจะอยู่อย่างยาวนานที่สุด เพราะส่วนใหญ่เวลา Rebrand ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาในส่วนของ Logo หรือแคมเปญ การสื่อสารมุมใหม่ กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ปรับแพ็กเกจจิ้งให้จึ้งขึ้น แต่ชื่อเนี่ยมักจะใช้ชื่อเดิมตลอดหลายปีเลย

ดังนั้นชื่อแบรนด์เรียกได้ว่าต้องให้ความสำคัญตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะมันจะเป็นสิ่งที่อยู่ไปอีกยาวนาน ถ้าเปลี่ยนบ่อย ๆ คนก็อาจจะยิ่งจำไม่ได้เข้าไปอีกว่าตกลงแบรนด์ไหนเป็นแบรนด์ไหน ชื่อก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยชูจุดเด่นนอกเหนือไปจากการให้ความสำคัญกับตัวสินค้าและบริการที่ดีอยู่แล้วเช่นกัน

3 Steps ตั้งชื่อแบรนด์ ยังไงให้โลกจำ

ก่อนอื่นอย่างที่รู้กันดีกว่าการตั้งชื่อแบรนด์อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ง่ายนัก และหลาย ๆ คนก็อาจจะใช้วิธีจ้างเอเจนซี่หรือผู้เชี่ยวชาญมาตั้งชื่อแบรนด์ให้ ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกันค่ะ แต่หากว่าสำหรับธุรกิจไหนที่อาจจะมีหรืออยากเริ่มต้นแบบงบประมาณค่อนข้างจำกัด เรามาลองดูกันว่า 3 Steps ในการช่วยตั้งชื่อแบรนด์ควรจะเริ่มต้นอะไรยังไงกันบ้าง

#1 Define what you would like to communicate อยากสื่อสารอะไร

ก่อนอื่นเลยหากคิดไม่ออกก็ต้องลองดูกันก่อนว่าเราเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอะไร อยากจะสื่อสารตัวตนในด้านไหนออกไปดี เพราะชื่อที่เหมาะสมก็ควรที่จะสะท้อนตัวตนหรือสิ่งที่บริษัทของเราทำได้

หรืออย่างว่าเราอยากที่จะเน้นในส่วนไหนของธุรกิจ เช่นการตั้งชื่อจากต้นกำเนิดแบรนด์ ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับการนำชื่อสถานที่หรือภูมิภาคมาต่อยอดเป็นไอเดีย หรือมีความเชี่ยวชาญในด้านไหนเป็นพิเศษแล้วอยากจะนำมาประกาศกันในชื่อแบรนด์ไปเลย

ทั้งนี้หลายหัวดีกว่าหัวเดียวแน่นอนค่ะ ลองรวมกันคิดหลาย ๆ คนในทีม จะได้มีไอเดียที่หลากหลายและได้เปิดมุมมองที่ตัวเราเองอาจจะนึกไม่ถึงหรือพลาดไป

#2 Think about what makes your brand unique หาความยูนีค

อย่าลืมว่าชื่อแบรนด์ก็คือเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของแบรนด์เลยก็ว่าได้ในการประจันหน้าในด่านแรก พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นสิ่งแรก ๆ ที่คนจะได้ยินหรือรู้จักธุรกิจของเรา

ดังนั้นชื่อที่ดีนอกจากจะเน้นย้ำถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเราแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องแตกต่างจากคู่แข่ง ในข้อนี้ก็เลยอยากให้ทุกคนลองคิดถึงสิ่งที่ทำให้แบรนด์ของเรามีความโดดเด่นแตกต่างและไม่เหมือนใครดูก่อนก็ได้ค่ะ เราเชี่ยวชาญสิ่งนี้ เรามีสิ่งนี้ที่ไม่เหมือนคนอื่นแน่ ๆ เป็นต้น แล้วนำมาพัฒนาต่อยอดไอเดียเป็นชื่อที่เหมาะสมกันต่อไป

#3 Brainstorm and try different types of brand names รวมหัวคิด ลองหลายแบบ

การ Brainstorm หรือระดมสมองกันก็เป็นอีกเทคนิคหรือทริคที่ดีในการคิดไอเดียสำคัญสักอย่างหนึ่ง โดยเรามาดูกันว่าจะสามารถใช้วิธีไหนได้บ้าง

รวมคนหลาย ๆ คนในการช่วยกันคิด ใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พนักงานในทีม ลูกค้า(ก็อาจเป็นไปได้ คล้าย ๆ กับกิจกรรมคิดชื่อรสชาติขนม) เพราะแน่นอนว่าหลายหัวดีกว่าหัวเดียวเสมอค่ะในการหาไอเดียใหม่ ๆ
สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่คนเราจะรู้สึกผ่อนคลาย เพราะไอเดียดี ๆ มักมาตอนที่เราอยู่ในจุดที่สบาย ๆ ไม่กดดันจนเกินไปนั่นเองค่ะ
คิดไอเดียได้เมื่อไหร่ ให้เขียนหรือจด List เอาไว้ หลาย ๆ ครั้งไอเดียที่ดีอาจไม่ได้โป๊ะเช๊ะได้ในครั้งแรกหรือครั้งเดียว แต่เกิดจากการค่อย ๆ Develop ต่อยอดไปเรื่อย ๆ ดังนั้นคิดอะไรได้จดเก็บไว้ก่อนค่ะ
คัดให้เหลือแค่ไม่กี่คำ เพราะชื่อแบรนด์ก็คือมักเป็นคำสั้น ๆ ที่ได้ใจความ เช่น ถ้าเราทำแบรนด์เกี่ยวกับสินค้าทำความสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็อาจจะมีการใช้คำที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ยั่งยืน หรืออะไรต่าง ๆ ที่เน้นเรื่องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ก็จะช่วยจำกัดขอบเขตเข้ามาให้ง่ายขึ้นได้

Different types of brand names

ทั้งนี้การตั้งชื่อแบรนด์ก็มีหลากหลายประเภท โดยจะขอยกตัวอย่างในบางส่วนตามด้านล่างนี้เลยค่ะ ทุกคนสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจของตัวเองกันได้ เผื่อจะเป็นไอเดียเปิดมุมมองใหม่ ๆ ได้นะคะ

Based on a person’s name ตั้งตามชื่อบุคคล: คือใช้ชื่อคนจริง เช่น มาจากชื่อผู้ก่อตั้ง หรือชื่อสมมติขึ้นมาก็ได้ เช่น Eveandboy เป็นต้น
Descriptive ชื่อเล่าเรื่องได้: ง่าย ๆ คือหมายถึงชื่อที่บรรยายถึงสิ่งที่เราทำค่ะ เช่น Toys R Us เป็นชื่อแบรนด์ที่ดีเพราะบอกลูกค้าว่าร้านค้าเกี่ยวกับของเล่นทั้งหมด เป็นต้น
Invented คิดคำขึ้นมาใหม่: ชื่อหรือคำที่คิดค้นขึ้นมาใหม่เลย เช่น Pixar เป็นต้น
Image ภาพลักษณ์: ใช้ชื่อของสถานที่ ตัวละครในตำนาน สัตว์ หรืออื่น ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับแบรนด์ เช่น Nike ตั้งชื่อตามเทพีแห่งชัยชนะของกรีก หรือ Patagonia ที่หมายถึงภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ของอเมริกาใต้ เป็นต้น
Combination of words, letters, or numbers การรวมคำ ตัวอักษร หรือตัวเลข: พูดง่าย ๆ คือการเล่นทั้งคำ ตัวอักษร หรือตัวเลข ก็สามารถออกมาเป็นชื่อแบรนด์เก๋ ๆ ได้ อย่างเช่น 3M, Xerox, eBay เป็นต้น