ทำ SEO ต้องรู้! EEAT Factor เกณฑ์ประเมินคุณภาพล่าสุดจาก Google
สำหรับนักการตลาดสาย SEO หลายคนคุ้นเคยกับแนวคิดของ E-A-T Factor ที่ใช้ในการประเมินว่าระบบการจัดอันดับการค้นหาของเราให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์หรือไม่ แต่ในตอนนี้ Google ได้อัปเดตหลักเกณฑ์การให้คะแนนใหม่เป็น EEAT Factor เพื่อประเมินผลลัพธ์ของเว็บไซต์เราให้ดียิ่งขึ้น
มาดูกันดีกว่าว่าหลักเกณฑ์ที่ว่านี้จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง เพื่อเราจะได้เตรียมพร้อมในการปรับปรุงเว็บไซต์ได้ทัน
รู้จักกับ E-A-T factor
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ E-A-T Factor กันก่อนว่ามันคือ อัลกอริทึม ของ Google Search ที่ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ มีความถูกต้อง และมีความน่าเชื่อถือของข้อมูลนั่นเอง
โดย E-A-T Factor นั้นประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ดังนี้
- Expertise (ความเชี่ยวชาญ)
เนื้อหา หรือคอนเทนต์จะต้องแสดงให้เห็นว่าเราเชี่ยวชาญ มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่เราเขียนจริงๆ
ยกตัวอย่างบทความจากการตลาดวันละตอน:
ยกตัวอย่างเช่น บทความ กรณีศึกษา “Singer” เพิ่มยอดขายออนไลน์ด้วยความเข้าใจ Context จากเนื้อหาแสดงให้เห็นว่าผู้เขียนนั้นมีความรู้ ความเข้าใจ และเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการเอากลยุทธ์ Contextual Marketing มาใช้ในการเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากตัวอย่างการนำไปใช้จริง และการแนะนำโอกาสในการนำกลยุทธ์นี้ไปต่อยอด
- Authoritativeness (อำนาจ)
เว็บไซต์ของเราควรต้องถูกอ้างอิงถึง หรือการได้ Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ยกตัวอย่างบทความจากการตลาดวันละตอน:
ยกตัวอย่างเช่น การที่เว็บไซต์การตลาดวันละตอนได้รับการอ้างอิงถึงในเรื่อง กลยุทธ์การทำการตลาด 2022 จากเว็บบอร์ด Snook Guru ที่มีการนำเนื้อหาบางส่วนมาพูดถึงในตัวบทความ เป็นต้น
- Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ)
ทำให้เว็บไซต์ของเราน่าเชื่อถือด้วยการสร้างเนื้อหาในเว็บต้องมีความสดใหม่ สม่ำเสมอ และมีความเกี่ยวข้องกันกับตัวเว็บไซต์
ยกตัวอย่างบทความจากการตลาดวันละตอน:
ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์การตลาดวันละตอนที่มีการอัปเดตเนื้อหาเกี่ยวกับการตลาดในแต่ละแง่มุมทั้งการให้ความรู้ ทฤษฏี และ Case Study อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผู้อ่าน หรือผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์มองว่า เนื้อหาที่นำเสนอไปนั้นมีความสดใหม่ และเพิ่มความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ทำไม Google ต้องใช้ E-Experience มาใช้เป็นตัวชี้วัดเพิ่ม
อย่างที่แบมได้บอกไปตอนต้นแล้วว่าทาง Google ได้อัปเดตหลักเกณฑ์ผู้ให้คะแนนคุณภาพการค้นหา เป็น EEAT Factor นี่ถือเป็นการอัปเดตครั้งที่สองในปี 2022 ซึ่งห่างจากการอัปเดตครั้งล่าสุดในเดือนกรกฎาคมเพียง 4 เดือนครึ่งเท่านั้น
สำหรับ E อีกตัวหนึ่งนั้น มาจากคำว่าExperience หรือถ้าให้แปลตรงตัวก็คือประสบการณ์นั่นเอง แต่ประสบการณ์ในที่นี้ไม่เหมือนกับ UX หรือประสบการณ์ของผู้ใช้งาน แต่ Experience หมายถึงประสบการณ์ของผู้เขียนต่างหาก
E-Experience ที่เพิ่มมาใน EEAT Factor
E-Experience ที่เพิ่มมาใน EEAT Factor นี้เป็นเหมือนตัวการันตีว่าผู้เขียนนั้นมีประสบการณ์ และเข้าใจเรื่องนั้นจริงๆ โดยที่ตัวเนื้อหาจะเป็นสิ่งที่ทำให้ Google เห็นว่าคอนเทนต์นั้นถูกสร้างขึ้นจากประสบการณ์จริงของผู้เขียนในระดับหนึ่ง
เช่น การแชร์ประสบการณ์ การไปเยี่ยมชมสถานที่จริง หรือการทดลองใช้โปรแกรม สินค้า บริการ หรือประสบการณ์จากการแก้ปัญหาในหัวข้อต่างๆ จริงๆ โดยมีการเขียนที่มีลำดับขั้นตอน อธิบายได้เข้าใจและตรงประเด็น ซึ่งการเขียนในลักษณะนี้จะทำให้ Google สามารถแสดงผลการค้นหาได้ลึกและตรงกับความต้องการในการค้นหามากขึ้น
ยกตัวอย่างบทความจากการตลาดวันละตอน:
ถ้าเราต้องการค้นหา เทคนิคการเขียน Headline Google จะเลือกแสดงผลเว็บไซต์ที่ตัวคอนเทนต์นั้นถูกเล่าด้วยประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ได้ลองทำจริงแล้วจึงมาแชร์ หรือเล่าจากการทดลองทำมาก่อน เช่น รูปแบบของ Headline ที่สามารถดึงความสนใจของคนอ่าน ในแบบที่อ่านจบแล้วสามารถเอาไปปรับใช้และฝึกเขียนต่อได้จริง
เพราะหน้าที่ของ Google ก็คือการการแสดงผลให้ตรงกับความต้องการของคนในการค้นหามากที่สุด ดังนั้นการเขียนบทความในลักษณะนี้จะทำให้เว็บไซต์ถูกประเมินว่ามี EEAT Factor ที่ดี ทำให้ผู้ค้นหาได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือและตอบโจทย์การค้นหาได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสในการไต่อันดับได้มากขึ้นด้วย
ดังนั้นถ้านักการตลาดต้องการให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้นๆ ก็อย่าลืมนำหลักการ EEAT Factor มาใช้เพื่อเป็นเกณฑ์การสร้างเนื้อหาในเว็บไซต์ด้วยนะคะ
ส่วนใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับการทำ SEO แบมแนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ เลยค่ะ
ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ