4 ข้อดีของการทำ Facebook Branded Content และบูสโพสแบบ Tag Sponsor แทน Advertiser แบบเดิม

4 ข้อดีของการทำ Facebook Branded Content และบูสโพสแบบ Tag Sponsor แทน Advertiser แบบเดิม

วันนี้จะขอมาพูดถึงข้อดีของการทำ Advertorial หรือ Sponsored Content บน Facebook ในรูปแบบ Branded Content ที่ Tag Sponsor เพจของแบรนด์เข้าไปเพื่อบูสโพสว่าดีกว่าการขอเข้าไปเป็น Advertiser อย่างไร จากประสบการณ์ตรงของคนที่เป็น Influencer ครับ

1. Sincere ไม่มีม้าแตก

Facebook Branded Content Tag Sponsor

ปัญหาม้าแตกจะไม่เกิดถ้าเราเลือกที่จะเปิดเผยต่อคนอ่านและผู้ติดตามอย่างตรงไปตรงมาว่า โพสนี้ได้รับการสนับสนุนโดยเพจของแบรนด์ใด เพราะในวันที่คนบนออนไลน์ฉลาดอย่างและหัวไวอย่างกับกรด ดังนั้นถ้าคอนเทนต์ Advertorial ไหนเลือกที่จะซุ่มเงียบทำเนียนว่าฉันใช้เอง ลองเอง ไม่ได้มีใครจ้าง บอกได้เลยว่าโอกาสเสี่ยงที่ม้าจะแตกมีสูงมากครับ

จากประสบการณ์ตรงในช่วงแรกของการทำเพจการตลาดวันละตอนก็เคยรับงานแบบไหน แต่พอเจอฟีดแบคที่ถาโถมเข้ามาในทำนองว่า “อุตส่าห์ติดตามทำไมไม่จริงใจ!” หรือ “โฆษณาก็บอกว่าโฆษณาเถอะ อย่าแถ” และนั่นก็เลยทำให้ผมได้บทเรียนกับตัวเองว่าต่อจากนี้ไปถ้าคอนเทนต์ไหนที่ถูกจ้างมาให้เขียน หรือที่เรียกว่า Advertorial จะมีการแจ้งกับผู้อื่นชัดๆ ให้เคลียร์กันไปเลย

ซึ่งหลังจากนั้นมาก็ทำให้คอมเมนต์ในด้านลบแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับเพจอีก แน่นอนว่าคนที่เสียไม่ได้มีแค่เรา แต่ยังรวมถึงลูกค้าที่เป็นคนจ้างเราด้วย ดังนั้นการ Tag Sponsor เพจแบรนด์ลูกค้าผู้ว่าจ้างถือเป็นเรื่องที่ช่วยปกป้องชื่อเสียงทั้งสองฝ่าย ฝ่ายคนจ้างก็ดีที่ไม่ต้องกลัวคำว่าม้าแตก เพราะเปิดเผยชัดๆ ว่าโพสนี้จ่ายมานะหรือที่ขึ้นเป็น Paid Partnership ส่วนฝ่าย Influencer เจ้าของเพจหรือเจ้าของ Account ก็ไม่ต้องกลัวจะเสีย Reputation กับผู้ติดตามอีกต่อไป

แต่สำหรับเพจการตลาดวันละตอนเราชัดเจนว่า ลูกค้าสามารถจ้างให้เราเขียนคอนเทนต์ถึงได้ แต่ไม่สามารถบังคับให้เราเขียนไปในแนวทางที่ต้องการได้ เพราะเราระบุใน Rate card ของการตลาดวันละตอนก่อนเริ่มงานชัดเจนทุกรายว่า “ขออนุญาตไม่แก้ไขเนื้อหาในส่วนที่เป็นวิธีการเล่าที่เป็นคาแรคเตอร์ของเพจการตลาดวันละตอนเรา” ดังนั้นสิ่งที่ลูกค้าที่ลงคอนเทนต์กับเราจะแก้ได้ก็คือการสะกดผิด ชื่อจุดขาย หรืออื่นๆ (บอกตรงๆ ว่าคอนเทนต์ที่ผ่านเราลูกค้าแทบแก้อะไรไม่ได้เลยครับ)

2. Boost Post ได้เหมือนเดิมไม่ว่าจะ Ads Manager หรือกดบูสตรงที่หน้าฟีด

Facebook Branded Content Tag Sponsor

ข้อนี้ตอบเพื่อให้เคลียร์ใจกับบรรดา Media Agency ทั้งหลายที่ชอบขอเข้ามาเป็น Advertiser หลังบ้านว่าการ Tag Sponsor ของเพจที่จะเข้ามาบูสโพสในโพสนั้นสามารถบูสโพสเหมือนปกติทุกรูปแบบ ทุกท่า ทุกสูตร

เพียงแต่คุณต้องไปกด Allow ให้มีการ Tag Sponsor ของเพจคุณหรือเพจลูกค้าที่จะเป็นผู้ Boost Post เข้าไปก่อน เพียงเท่านั้นเวลาถ้าผมแท็กเพจลูกค้าไป ทางลูกค้าก็แค่กด Accept รับการ Tag Sponsor จากเพจผมไป เพียงเท่านี้คุณก็สามารถ Boost Post Branded Content นั้นเองได้เต็มเงินทุกบาท ไม่ต้องกังวลว่าถ้าเพจไหนไม่รับ Advertiser แล้วต้องบูสผ่านเจ้าของเพจแล้วอาจจะไม่ได้ใช้เงินเต็มทุกบาททุกสตางค์ครับ

ซึ่งอันนี้เป็นข้อดีของฝั่งเจ้าของเพจ หรือ Influencer เพราะคุณจะสบายใจได้ว่าจะไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามกับโพสอื่นหลังบ้านคุณโดยไม่จำเป็น ซึ่งทาง Media ควรฝึกใช้การบูสโพสแบบ Branded Content ได้แล้ว เพราะจากประสบการณ์ที่เจอกลับพบว่าแม้จะเป็นเอเจนซี่ดังแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่า Branded Content ทำงานอย่างไรครับ

3. ดู Demographic และตรวจสอบ Stat หลังบ้านของเพจได้เองโดยไม่ต้องร้องขอ

Facebook Branded Content Tag Sponsor

อีกหนึ่งปัญหาที่ Influencer หรือเจ้าของเพจเจอบ่อยมากคือลูกค้าจะเข้ามาขอให้ช่วยแคปหลังบ้านในส่วนที่เป็น Demographic อยู่ตลอด ซึ่งผมจะบอกตรงๆ ในฐานะคนทำเพจว่าข้อมูล Demographic แทบไม่ได้ช่วยอะไรคุณในการวางแผนสื่อสักเท่าไหร่เลยครับ

เพราะข้อมูลที่สำคัญคือข้อมูลประเภท Interest เช่นว่ากลุ่มคนที่ตามเพจนี้เค้าไปตามเพจไหนต่อ แต่ก็นั่นแหละครับข้อมูลส่วนนี้เพจส่วนใหญ่ไม่ได้ให้กันเพราะถือว่าเป็น Confidential กันไป แต่ข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญกว่าคือลูกเพจส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดไหน ซึ่งสามารถสะท้อนได้ว่าตกลงแล้วถ้าคุณอยากได้กลุ่มคนเมืองแล้วผู้ติดตามเค้ามีสัดส่วนการอยู่ตัวเมืองสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั้งประเทศมั้ย หรืออาจจะเป็นข้อมูลพฤติกรรมการใช้งาน Facebook ของกลุ่มผู้ติดตาม ว่าคนเหล่านี้เข้าผ่านคอมพิวเตอร์มากกว่ามือถือหรือเปล่า แล้วมือถือที่เค้าใช้เป็น iPhone หรือ Andriod มากกว่ากัน

อีกข้อมูลที่สำคัญกว่า Demographic คือภาษาที่เค้าเลือกใช้เวลาเล่น Facebook เพราะกลุ่มคนที่ใช้เป็นภาษาอังกฤษก็ต่างกับคนที่ใช้ Facebook เป็นภาษาไทยครับ

และข้อมูลที่สำคัญที่สุดที่ Markter หรือนักการตลาดควรอยากรู้ก็คือตัวเลข Engagement ต่างๆ ซึ่งตัวเลขนี้ปกติทางเพจจะมีให้บ้างไม่มีให้บ้าง หรือถ้าให้ก็อาจจะปั้นตัวเลขให้ดูสูงกว่าจริงนิดหน่อยเพื่อเพิ่ม Value มากขึ้น

แต่กับระบบ Brand Collaboration ของ Facebook Branded Content คือ Advertiser สามารถเข้าไปดูข้อมูลดังกล่าวด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องคอยส่งอีเมลขอทางเจ้าของเพจไป ซึ่งแน่นอนการที่จะมีข้อมูลดังกล่าวอยู่ในระบบของ Facebook ทางเจ้าของเพจเองก็ต้องเข้าไปลงทะเบียนกับ Facebook Brand Collaboration ให้เรียบร้อย ซึ่งการตลาดวันละตอนก็เป็นหนึ่งในเพจที่เข้าไปลงทะเบียนกับ Brand Collaboration ไว้นานมาก ถ้าสงสัยว่า Demographic และ Engagement หลังบ้านของการตลาดวันละตอนเป็นอย่างไร เชิญเข้าไปค้นหาดูได้ที่นี่เลยครับ > https://www.facebook.com/creators/tools/brand-collabs-manager

4. Transparency ผ่านมากี่แบรนด์แล้วล่ะเพจนี้

Facebook Branded Content Tag Sponsor

ข้อนี้อาจจะสำคัญมากสำหรับบางแบรนด์ที่อาจจะมีความ Sensitive หน่อยๆ ว่าไม่สามารถจ้าง Influencer ที่เคยรับงานคู่แข่ง หรือเพิ่งจะรับงานคู่แข่งมา แน่นอนว่าทาง Facebook ก็เปิดแบบโชว์หมดเลยว่าที่ผ่านมาเพจนี้เคยรับงานจากเพจแบรนด์ไหนมาบ้างครับ

เพราะทุกครั้งที่มีการ Tag Sponsor เข้าไปในการทำ Branded Content คือ Facebook จะเก็บข้อมูลไว้ให้ดูรวบยอดทีเดียวได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่เน้นความโปร่งใสกับทุกฝ่ายว่าตกลงเธอเคยรับงานอะไรไว้บ้าง แล้วงานที่เธอรับนั้นมีโพสหน้าตาเป็นอย่างไร เธอเขียนถึงเขาไว้ว่าแบบไหน โดยระบบ Brand Collaboration ของ Facebook นั้นจะคัดเฉพาะโพสที่เป็น Branded Content มาให้เห็นชัดๆ ครับ

สรุปข้อดีของการทำ Facebook Branded Content และการบูสโพสผ่านการ Tag Sponsor เข้าไปในโพส

Facebook Branded Content Tag Sponsor

การทำ Branded Content ทำให้ฝั่งเจ้าของเพจหรือ Influencer สบายใจว่าลูกค้าหรือ Advertiser จะไม่เข้ามาเกินพื้นที่ๆ เป็นของตัวเอง และทาง Advertiser หรือลูกค้าผู้จ่ายเงินก็สบายใจว่าสามารถเข้าถึง Content ของตัวเองได้เหมือนตอนเป็น Advertiser ครับ

ยังไม่นับรวมว่าการทำ Branded Content ที่เปิดเผยชัดๆ ให้คนอื่นรู้ไปเลยว่า Post นี้ได้รับการสนับสนุนมานะ เพราะในฐานะผู้อ่านและผู้เขียนก็พบว่าคนอ่านในวันนี้ไม่ได้ Anti โฆษณาอย่างที่นักการตลาดยุคเก่าเชื่อกัน แต่สิ่งที่คน Anti คือโฆษณาที่ไม่จริงใจ จ้างให้เขียนแบบไหนก็ได้ตามใจ หรือเขียนในสิ่งที่คนอ่านไม่ได้สนใจอยากฟัง

เพราะถ้าทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าคุณกำลังทำลายความไว้ใจของผู้ติดตาม และแบรนด์ผู้จ้างก็จะไม่ได้ตาม ROI ที่ต้องการครับ เพราะถ้าเมื่อไหร่คนจับได้ว่าคุณถูกจ้างและแบรนด์จ้างมาให้เขียนแบบไม่เปิดเผย พวกเขาก็จะค่อยๆ เอาใจออกห่างเพราะรู้สึกว่าทั้ง Infleuncer และ Brand ไม่ได้มีความจริงใจต่อกัน

การทำ Branded Content ที่มีการ Tag Sponsor ก็เหมือนกับการเคารพผู้อ่าน ให้เกียรติกันและกันว่าโพสนี้จ้างมานะ แต่ฉันก็ตั้งใจเขียนให้เธออ่านเหมือนทุกวันนะ แล้วคนอ่านก็จะเข้ามาด้วยความคาดหวังที่ถูกต้องกับเนื้อหาครับ

เพราะการเป็น Influencer ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การรักษาชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือไว้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายยิ่งกว่า

Facebook Branded Content Tag Sponsor

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในการ Tag Sponsor กับการ Boost Post จากทาง Facebook
ศึกษาข้อมูลการทำ Branded Content จากทาง Facebook

อ่านบทความอัพเดทเทรนด์การตลาด Facebook Marketing 2020 ในการตลาดวันละตอนต่อ > https://www.everydaymarketing.co/tag/facebook/

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่