Copywriting – เขียน Copy ยังไงให้ได้ผลลัพธ์ดี?

Copywriting – เขียน Copy ยังไงให้ได้ผลลัพธ์ดี?

หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการทำ Content Marketing ก็คือเรื่องของ Creative Copywriting เพราะมันคือ Elements หลักในการสื่อสารเวลาอยู่บนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะเวลาที่เราไม่เจอหน้าใครให้พูดคุยแบบ Face-to-Face ได้ ดังนั้นเรื่องของ Verbal ภาษาเขียนต่างๆ จึงสำคัญมาก แถมยังมีปัจจัยในการทำคอนเทนต์อย่าง SEO เพิ่มเข้ามาอีก ดังนั้นวันนี้เพลินขอแชร์ 9 Checklists ที่ต้องทำก่อนปล่อยก๊อปปี้ของเราออกไปค่ะ

1. Keyword Strategy

copywriting ที่ดีควรเริ่มจากการวางแผน Keyword

อย่างที่เราทุกคนทราบกันดีว่าการทำคอนเทนต์ เขียนก๊อปปี้ต่างๆ เป็นส่วนสำคัญที่ Link อยู่กับการทำ SEO อย่างมาก เพราะคนอ่านหลายคนไม่ได้อยู่ๆ จะเจอเนื้อหาของเราเลย แต่จะเจอเนื้อหาของเราต่อเมื่อพวกเค้าทำการค้นหาเรื่องนั้นๆ ผ่าน Search Engine อย่าง Google ทำให้การวางแผนการใช้ Keywords จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก โดยหลักๆ ก็คือให้คำนึงถึง ‘Keywords ที่คนทั่วไปจะเสิร์ชหา’ เป็นหลักนั่นเองค่ะ

หลักจากนั้นก็อาจจะลองพยายามลิส Copy ออกมาหลายๆ อย่าง เพื่อให้เป็นตัวเลือกในตอนสุดท้ายดู อย่าเพิ่งรีบคิดรีบจบ แล้วดูด้วยว่าเราสามารถดัดประโยคนั้นๆ ให้มันน่าดึงดูด น่าคลิก น่าทำตามได้เพิ่มหรือไม่ด้วย โดยเฉพาะกับ Copy ที่เน้นความ Catchy ในภาพก็ต้องคิดมากขึ้นว่ามันดึงดูดพอหรือยัง ส่วนเนื้อหาที่เป็นจำพวก Content ยาวๆ ในส่วนนี้ก็ต้องเทน้ำหนักไปที่ Headline เป็นหลักค่ะ

2. ประโยคเปิด

เมื่อเรามี Keywords ที่ดีเพื่อที่จะใช้เขียนในเนื้อหาของเราแล้ว อันดับถัดมาก็คือการขยี้คีย์เวิร์ดนั้นๆ ในกลายเป็นเนื้อหา และสิ่งนึงที่สำคัญมากก็คือการคิดประโยคเปิดว่าเปิดยังไงให้เอาคนอ่านให้อยู่มัดตั้งแต่ประโยคแรก โดยให้ลองคิดหรือพิจารณาจาก Data ข้อมูลหลังบ้านดูว่าคนส่วนใหญ่นั้นชอบ กังวัลหรือมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องอะไรหรือไม่ หากมีก็ลองเอามาเปิดประโยคดูค่ะ

ตัวอย่างเช่น หากเราขายของมาได้ซักพัก เริ่มรู้แล้วว่าคนส่วนมากที่มาซื้อของเรา มักจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่อยากท้องลายแม้จะเป็นแม่คนแล้ว เราก็อาจจะเริ่มสร้าง Emotional Connections หรือการลากความรู้สึกร่วมกันบางอย่าง ให้คนอ่านรู้ว่า ใช่ ชั้นเป็นแบบนี้เหมือนกัน และชั้นต้องการที่จะรู้ต่อว่าจะแก้ไขปัญหานั้นยังไง เป็นต้นค่ะ

3. โฟกัสที่เนื้อหา อย่าโฟกัสที่ความยาวของคอนเทนต์

ไม่มีใครมานั่งตีกรอบหรอกว่าเนื้อหาแบบไหนคือยาวเกินไป สั้นเกินไป หากว่าเนื้อหาของคุณมันน่าสนใจจริงๆ ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องของความน่าสนใจแล้ว ก็อยากให้ลองพิจารณาจาก Objective ในการเขียนด้วย ถ้าหากว่าแค่ Inform แจ้งข่าว เราก็ไม่ต้องลง Detail รายละเอียดมาก แต่หากเพื่อ Educate เพิ่มความรู้ ก็อาจจะลองเขียนบรรยายเพิ่มเติม ให้คนอ่านได้เข้าใจเรื่องนั้นๆ อย่างท่องแท้ โฟกัสที่ใจความหลักและเป้าหมายของเนื้อหา เขียนน้ำๆ เพื่อส่งเสริมเนื้อให้กลมกล่อมได้ค่ะ

อีกเรื่องคือการวางแผนโครงสร้างการเขียน Content ให้เหมาะสมว่าเราอยากที่จะเขียนเล่าเรื่องมันออกมาแบบไหน ซึ่งตรงนี้เพลินก็มีเขียน 3 รูปแบบ Content structure เอาไว้แล้ว ใครสนใจอ่านเพิ่มเติมสามารถคลิกไปอ่านต่อได้เลยค่ะ

4. หลีกเลี่ยงการใช้ Paragraph ใหญ่ๆ

ในส่วนของการทำ Copywriting สิ่งนึงที่นักคอนเทนต์ควรจะหลีกเลี่ยงการเขียนข้อมุลบรรยายเป็นปืดๆ ยาวๆ แบบที่ดูแล้วทำให้คนอ่านกลัวไม่อยากอ่านต่อ ดังนั้นการหั่นประโยคให้สั้น รวบคำสร้อยออกบ้าง จะทำให้ประโยคกระชับขึ้นโดยที่คนอ่านไม่รู้สึกว่าพารากราฟนี้นั้นมันน่ากลัวที่จะอ่านจนเกินไป เช่น พารากราฟละ 4 บรรทัดแบบนี้ บอกเลยว่ากำลังดีค่ะ

5. รักษา Tone การพูด

แบรนด์ทุกแบรด์มี Tone of Voice เป็นของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาเขียนเนื้อหาต่างๆ ก็ควรที่จะใส่ความเป็นตัวเองของแบรนด์ลงไปด้วย แต่หากนักการตลาดท่านไหนยังไม่แน่ใจ ก็อาจจะลองตีออกมาดูว่า หากแบรนด์เราเป็นคน คนๆ นั้นจะมีหน้าตาอย่างไร เพศไหน อายุเท่าไร ใช้ของแบบไหน พูดจาลักษณะไหน หรือแบบไหนที่ลูกค้าเราวางใจจะคุยด้วย? ซึ่งการ Set Tone เอาไว้แบบนี้ก็จะทำให้โทนการพูดของเรามั่นคง Consistent ได้ตลอดไปค่ะ

6. เพิ่ม Links ที่เกี่ยวข้อง

จากบทความเรื่อง SEO ก่อนหน้านี้เพลินเคยบอกไปแล้วว่า การเพิ่มคะแนน SEO Ranking ที่ดีควรมีการใส่ Link เพิ่มเติมเข้าไปด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ Google จำแนกได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นถึงเนื้อหาภายในบทความว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับ Topic ที่เป็น SEO Keyword มากน้อยเพียงใด ซึ่งการเพิ่ม Link นั้นก็จะมีด้วยกัน 2 ส่วนคือ External link หรือลิ้งค์ที่เชื่อมเว็บเรากับเว็บข้างนอก กับอีกอันคือ Internal link หรือลิ้งค์บทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันในเว็บเราเอง เพื่อให้ Visitors วนเวียนอยู่ในเว็บเรามากขึ้นค่ะ

7. ใส่ใจในการเลือกรูปภาพ

copywriting แล้วอย่าลืมใส่ใจเลือกรูปภาพ

หลายคนคิดว่าการที่เรามีเนื้อหาที่ดีก็พอแล้ว แต่ความจริงคือยังไม่พอนะคะ เพราะเรื่องของภาพก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการ Grab attention ดึงความสนใจให้คนอ่านอยากหยุดมอง รวมไปถึงกดแชร์ได้ด้วย นอกจากนั้นภาพยังสามารถยกระดับนัยยะสำคัญจาก Copywriting ธรรมดาให้เข้าใจเพิ่มขึ้นได้ด้วยค่ะ

8. อย่าลืม Call-to-action

แน่นอนว่าใน Copy ช่วงตอนต้นอาจจะเน้น Hook เน้นดึงความสนใจ แต่ตอนปิดท้ายนักการตลาดต้องห้ามลืมที่จะใส่ Call-to-action เข้าไปเพิ่มด้วย ซึ่ง Call-to-action ในที่นี่แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่การปิดการขายอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันคือการคำนึงถึงว่า จริงๆ แล้วคอนเทนต์นี้ตอบโจทย์เรื่องอะไร เป้าหมายหรือ Objective ของเนื้อหานี้เพื่ออะไร หากถ้าเขียนขึ้นมาเพื่อ Educate ละก็ Call-to-action อาจจะมาเป็นในส่วนของ Learn More หรือการแปะลิ้งค์ให้คนศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติม เป็นต้นค่ะ

9. เขียน Copywriting จากมุมมองคนอ่าน

ข้อสุดท้ายที่อยากฝากเอาไว้ก็คือเรื่องของการ เขียน Copy เนื้อหาต่างๆ จากมุมมองของคนอ่านมากกว่าตัวเราเองที่เป็นคนเขียน หรือเราเองในฐานะแบรนด์ค่ะ ยิ่งเราทำเนื้อหาในสิ่งที่เรามากเท่าไร เรายิ่งคิดว่าทั้งหมดมันเริ่มน่าเบื่อ ซ้ำๆ จำเจ อยากได้อะไรใหม่ๆ ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะพูดไปเยอะแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าคนอ่านไม่ได้ติดตามเรา 24/7 เหมือนที่เราทำกับแบรนด์ตัวเองหรอกค่ะ

นอกเหนือจากนั้นคือเรื่องของการเข้าใจคนอ่าน ที่เป็นเหมือนกลุ่มลูกค้าเราได้ในอนาคต ว่าเค้ามีปัญหาอะไรในชีวิตที่สินค้าหรือบริการของเราจะช่วยให้เค้าใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นบ้าง ทั้งนี้ก็เป็นมุมมองที่หลายแบรนด์อาจหลงลืมไปขณะทำคอนเทนต์นั่นเองค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือ 9 checklists การเขียน Copywriting อย่างไรให้เกิดผลที่ดี ไม่ว่าจะเป็น Copy แบบสั้นหรือแบบยาวก็แล้วแต่ ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ มีหั่นซอยย่อยทั้งหมด 14 ข้อจากทีม SEMRush อย่างไรก็ตามเพลินสรุปมาให้แล้วทั้งหมดเหลือ 9 ข้อ ส่วนนักการตลาดท่านใดอย่างอ่านเพิ่มเติม สามารถคลิดตรงนี้ได้เลยค่ะ ส่วนสายคอนเทนต์และ Copywriter ก็อย่าลืมเอา 9 ข้อนี้ไปใช้งานจริงดูบ้างนะคะ

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *