ความไว้ใจ เป็นของมีค่า Brand Strength ก็เช่นกัน

ความไว้ใจ เป็นของมีค่า Brand Strength ก็เช่นกัน

Brand Strength มันเหมือนกับการร่อนเพชรในลำธารครับ เหมือนยังไง?

หลายๆ Brand มีมูลค่ามากกว่าสินค้าที่ขาย จะด้วย reputation หรือ DNA ที่สร้างมา
(ศัพท์ยากมาอีกแล้ว) ซึ่งการสร้างประสบการณ์ที่ล้ำค่า ยิ่งทำให้แบรนด์มีค่า และหนึ่งในการสร้างแบรนด์ก็คือ ความเก่งจนเกิดความไว้ใจนลูกค้า ก็เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าเช่นกัน แต่ใครจะรู้จริงๆ เพราะที่เห็นอยู่ในแบรนด์ก็มีเต็มไปหมดเลย ด้วยความรักพี่เสียดายน้อง

มันเหมือนการร่อนเพชรครับ การที่เราตักจุดแข็งของแบรนด์เราขึ้นมาจากลำธาร มันมีทั้งไม้ กรวด ทราย เพชร คุณต้องกรองเอาแต่เพชรออกมาให้ได้ ไม่ใช่มีกรวดปนมา ซึ่งคุณก็ต้องเป็นคนที่รู้ว่า ของแบรนด์คุณคืออะไร การรู้จักตัวเรา ก็คือการร่อนหาเพชรนั่นล่ะครับ

ทีนี้ก็ความท้าทายเกิดขึ้นอีกข้อหนึ่งคือ เมื่อรู้แล้ว เจอแล้ว ได้ลงมือทำหรือยัง หรือรู้แล้ว ก็ยังทำไม่ได้ด้วยปัจจัยต่างๆที่เจอ ทั้งๆที่ เครื่องมือในการช่วยสร้างแบรนด์มีเยอะแยะเลย
ในตอนที่แล้ว เราพูดถึง Persona เพื่อให้รู้ว่า เราควรเข้าใจก่อนลงมือทำอะไร เพื่อให้ตอบความต้องการจริงๆของลูกค้า และเกิดความประทับใจ การกำหนด Persona  เพื่อลดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ กลุ่มเป้าหมายครับ

ผมเคยเจอกับตัวเอง สมัยดูแลแผนกการตลาดแห่งหนึ่ง พบว่าพนักงานในแผนกบางคน เวลาคิดแผนการตลาด หรือทำแบบทดสอบอะไรก็ตาม ใช้วิธีถามเพื่อน ทั้งๆที่กลุ่มเป้าหมายมีความเหมือนกันกับเพื่อนของเขาแค่ “อายุ” เท่านั้น

อย่าลืมว่า “เพื่อน” คือคนที่เห็นอะไร มองอะไรหรือใช้ชีวิตคล้ายๆเรา คุยภาษาเดียวกับเราถึงคบกันใช่มั้ยครับ ยิ่งถ้าเรามีคำตอบในใจอยู่แล้ว คำตอบของเพื่อนก็จะยิ่งทำให้ เรามั่นใจว่า ใช่เลย นี่แหละคำตอบ ซึ่งจริงๆมันคือการขุดกับดักให้ตัวเอง 

Persona อีกเหตุผลหนึ่งคือ การกำหนดเพื่อ ลดอีโก้ในตัวเรา ที่อยากขายในแบบที่อยากขาย โดยไม่ได้ฟังคนซื้อว่าต้องการอะไร หรือไม่ต้องการอะไร …… แต่… มันดันมีตัวอย่างของแบรนด์ที่ขายตัวตนของตัวเอง ขายในแบบที่อยากขายมาเล่าครับ อ้าว ไหนว่าลดอีโก้ไง?! นั่นสิครับ ทำไมทำอย่างนั้น ทำได้ไง

เขาทำอย่างงี้ครับ มีแบรนด์แบรนด์หนึ่ง ในวงการนักออกแบบ แฟชัน โฆษณา จะใช้มันเป็นประจำ นั่นคือ Pantone ที่ผ่านมา Pantone เป็นเหมือนคู่คิด ที่ปรึกษาเกี่ยวกับการใช้สีที่ดีเยี่ยมให้กับวงการนักออกแบบ เป็นทั้งสร้างแรงบันดาลใจ ช่วยมองหาคู่สีสวยๆ หรืออย่างน้อย รหัสที่เราเรียกว่า เบอร์แพนโทน ก็ช่วยให้การพูดคุยระหว่างนักออกแบบกับโรงงาน ง่ายขึ้น วันนี้ Pantone ยังเป็น Trend setter ด้วยการประกาศโทนสีที่เป็นเทรนด์ในทุกๆปี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้คนทั่วไป

Brand Strength BX24
ภาพจาก pantone.com

ความเชี่ยวชาญในเรื่องสี ทำให้เขาดูมีความสุขกับการนำสีมาดำเนินธุรกิจได้มากกว่าธุรกิจเดิม นี่คือก้าวใหม่ ที่ใครจะคิดว่าแพนโทนจะทำโรงแรม ที่ต่อยอดจาก Brand Strength จุดแข็งที่ตัวเองมี

Brand Strength BX24
การต่อยอดธุรกิจที่ฉลาดของแพนโทน
ภาพจาก https://www.pantonehotel.com

Pantone Hotel ตั้งอยู่ในกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม ใช้ความเชี่ยวชาญที่เขามี โดยการใช้โทนสีต่างๆ เป็นตัวสร้างประสบการณ์ให้กับแขกที่มาพัก ด้วย Concept ที่ให้แขกที่มาพักตกอยู่ในภวังค์แห่งโลกของสีสัน ด้วยตัวอาคาร และ พื้นที่ในอาคารที่เป็นสีขาว ซึ่งเปรียบเหมือนผ้าใบ จากนั้นก็ใช้สีสันของแพนโทนหยอดไปตามที่ต่างๆ ให้แมทช์กัน สิ่งที่แขกมาพักจะได้รับก็คือ อารมณ์ที่เกิดจาก Effect ของสีสัน ทั้งสดใส ร่าเริง ผ่อนคลาย จากสีทึบจากวัตถุ เช่นผนัง หมอน ที่นอน สีที่แปลกใหม่จากสีแสง ที่เกิดจากแดดส่องผ่านกระจกสีที่หน้าต่าง หรือระเบียง ทำให้เกิดอารมณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละห้อง

Brand Strength BX24
การเสนอสินค้าที่มีอยู่แล้วผ่านธรุกิจใหม่อย่างแยบยล ภาพจาก https://www.pantonehotel.com

นอกจากนี้ พื้นที่ที่เป็น Common area ก็ใช้สีสันด้วยงานออกแบบต่างๆ ซึ่งก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และให้แขกมีประสบการณ์กับสี หยิบจับของเป็นการกระตุ้นให้แขกที่มาพักอาจจะอิน จนอยากซื้อกลับไปใช้ที่บ้าน ซึ่งด้านล่าง ก็ไม่พลาดที่จะมีร้านขายของที่ระลึกของ Pantone

มีหลายแบรนด์ที่กระโดดมาทำโรงแรมมากมาย แม้ว่าตัวตนจะไม่ได้เกิดมาจากธุรกิจโรงแรม กลุ่มธุรกิจหนึ่งที่มักทำก็คือ แบรนด์ Fashion อย่าง KENZO, BVLGARY และ ARMANI เหตุผลหนึ่งก็เพราะ รสนิยม และความเชื่อมันในตัวตนของแบรนด์นั่นเอง
แต่ผมขอพูดเฉพาะ ARMANI เพราะเขาไม่ได้ทำแค่โรงแรม เพราะเป็นเคสที่ชัดเจนว่า แบรนด์นี้ อยากขายในแบบที่อยากขาย อยากทำในแบบที่อยากทำจริงๆ เพราะ ARMANI เขาขายขวดนมด้วย

Brand Strength BX24
ภาพจาก armani.com ปัจจุบันขายหมดแล้ว

นอกจาก Armani จะทำ Luxury Hotel และ ลงมาขายสินค้าเกี่ยวกับเด็กแล้ว ยังมี ร้านอาหาร Emporio Armani Caffè & Ristorante ร้านหนังสือ Armani libri ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเดียวกับ Armani Hotel
เสน่ห์ของ Armani/Libri คือ บรรยากาศของร้านหนังสือแม้จะเน้นเกี่ยวกับ แฟชัน และดีไซน์ แต่ก็มีหนังสืออื่นๆด้วย ทำให้รู้สึกราวกับว่า คุณอยู่ในห้องหนังสือของ Armani ยิ่งหนังสืออื่นๆที่ไม่ใช่หมวดแฟชั่น ยิ่งรู้สึกเหมือนเราดูหนังสือที่เขาอ่าน
และเขากำลังแนะนำหนังสือให้เรา

เคสของ Pantone และ Armani เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อเราทำจนมีคนเชื่อมั่น
เมื่อมีคนเชื่อในสิ่งที่เราเชี่ยวชาญ นั่นคือ Brand ที่ยั่งยืน และเมื่อเราทำในสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวตนของเรา แม้จะไกลเกินสิ่งที่เคยทำมา แต่เราทำบนความเชี่ยวชาญของเรา

Pantone สามารถหาคนบริหารจัดการ Operation โรงแรมได้ สามารถมองหาคนที่ดูแลการโปรโมทโรงแรมได้หากเขาไม่เชี่ยวชาญพอ ลอง search โรงแรมดูครับ จะเห็นเว็บจองโรงแรมมากมาย เว็บรีวิวมากมายเลย ซึ่ง Pantone จะทำเป็นหรือไม่เป็นก็แค่มองหาคนเชี่ยวชาญมาทำให้ แต่สิ่งที่เขาต้องทำนั่นคือ เขาต้องแสดงฝีมือของตัวเองบนการใช้สีให้เต็มที่ ที่ที่เขายืนบนเวทีนี้ คือใช้สี และการออกแบบ

และเมื่อมีคนที่เชื่อ และมันไปได้สวย นั่นคือ Brand Experience

Armani ก็เช่นกัน มาได้ไกลมาก และเห็นภาพชัดมาก เพราะคนเชื่อในรสนิยมของเขา เชื่อในตัวตนของเขา มิฉะนั้น ร้านหนังสือ ร้านกาแฟ คงปิดตัวไปนานแล้ว หากมันเป็นการกระทำที่ฉาบฉวย ร้านกาแฟ ก็คงไม่มีคนเข้า แต่สิ่งที่ Armani ทำคือ การออกแบบ บรรยากาศ และ รสนิยม ให้ถูกใจแฟนๆของเขา เห็นมั้ยครับ อยากขายอะไรก็ขาย แต่เขาไม่เคยลืมตัวตนของเขา และที่สำคัญ ลูกค้าของเขา

สรุปว่า การขายแบบที่อยากขาย ใครๆก็ทำได้ แต่ก่อนลงมือทำ ลองถามตัวเองก่อนว่า เรามีของดีหรือยัง เพราะของดีที่ว่า คือ จุดแข็ง จุดขาย ที่จะทำให้ธุรกิจยืนอยู่ยาวๆ ไม่ใช่แว้บเดียวก็ล้ม เช่น คุณภาพดีมาก, เป็นที่ต้องการมาก, มีบริการที่ดีมากๆ , ถูกมากๆจนไม่มีใครชนะ (อันนี้ก็เป็นความเชี่ยวชาญหนึ่งที่คุณต้องทำเป็นนะครับ มิฉะนั้น คุณจะเจ็บเอง), หรือแม้แต่ เชี่ยวชาญในธุรกิจคุณมากๆ สิ่งเหล่านี้ คุณมีหรือยัง เพื่อให้มีคนเชื่อถือในธุรกิจคุณ อย่างน้อยก็ 1 เรื่องครับ แม้ว่าสุดท้ายแล้ว คุณภาพของสินค้าอาจจะไม่ดีเท่าคู่แข่ง แต่คุณก็สามารถหาสิ่งอื่นมาเติมเต็มได้ เช่น บริการที่ดีกว่า เป็นต้น

คุณอยากขายอาหาร ไข่เจียวปูจานละสามร้อย ได้เลยครับ คุณอาจจะยืนหนึ่งแซงเจ๊ไฝได้เลยครับ แต่ คุณดูเนื้อปูเก่งแบบเจ๊ไฝมั้ย เนื้อปูแช่แข็งที่อัดลงไปในไข่ คุณจะได้แต่ปริมาณ แต่เนื้อปูสดคุณจะได้เนื้อที่หวานด้วย คุณหาคนที่ส่งปูสดให้คุณได้เท่าที่ต้องการมั้ย

คุณทอดไข่ได้อร่อยมั้ย เจ๊ไฝคืออีกตัวอย่างของความไว้ใจเลยครับ ราคาสูง รอคิวนาน ทำไมคนยังแน่น เพราะคนไว้ใจว่าแต่ละคำที่กิน คุ้มกับการรอคอย และเงินที่เสียไป

ถ้าคนเชื่อในสิ่งที่เจ๊ไฝเป็น วันหนึ่ง เจ๊ไฝอยากทำเครื่องสำอาง หรือแว่น Limited edition
เจ๊ไฝ x Rayban เจ๊จะเอาความเชี่ยวชาญไหนมาทำในสินค้าใหม่?

กลับมาที่องค์กรหรือธุรกิจของคุณ คุณเจอความเชี่ยวชาญที่แท้จริง เจอ Brand Strength หรือยัง เจอแล้ว ได้ทำมันสุดๆหรือยัง และเมื่อทำมันอย่างสุดๆแล้ว คุณรักษามาตรฐานนี้ได้นานแค่ไหน ถ้าทำได้ จะไม่ใช่แค่ธุรกิจที่ทำอยู่ แต่อาจจะต่อยอดธุรกิจใหม่ๆให้คุณได้

อ่านบทความเรื่อง Brand Experience จาก BX24 ต่อ > https://www.everydaymarketing.co/tag/bx24/

ติดตามเพจการตลาดวันละตอน > https://www.facebook.com/EverydayMarketing.co/

BX24

BX24 เกิดจากการรวมตัวกันของนักออกแบบหลายแขนง ทั้ง Interior Designer, Architect, Product Designer, Graphic Designer, Creative ที่เชื่อว่า นอกจากโฆษณาแล้ว งานออกแบบ สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับ Brand ได้ (Brand Experience) ถ้าออกแบบให้ถูกที่ ถูกเวลา ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ทั้งสายงานออกแบบของแต่ละคน การเป็นวิทยากร อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัย จึงชวนกัน ผลัดกันแชร์เรื่องราวดีดี เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่