สิ่งที่เราต้องตอบลูกค้าให้ได้เมื่อทำ Website Marketing

หลายคนเริ่มลงมือกับ Website Marketing แต่ยังไม่รู้ว่าแบบไหนดี เอาอะไรขึ้นก่อนขึ้นหลังดี หรือแม้กระทั้งว่าเว็บไซต์ของแบรนด์เราควรมีอะไรบ้างนะ? ซึ่งเอาเข้าจริงไอ้พวกทำแบบไหนดีเนี่ย มันก็สามารถแก้ไขด้วยการทำ A/B Testing ไปเรื่อยๆ แหละว่ารูปไหนเวิร์ค รูปไหนควรเปลี่ยนออก แต่ถ้าเป็นเรื่องของว่าเว็บไซต์ของเราควรมีอะไรบ้างนั้น บอกเลยว่าต้องมี 7 สิ่งนี้ เพราะลูกค้าต้องถามหาจากเว็บคุณอย่างแน่นอนค่ะ

1. บอกให้ชัดว่าเราขายอะไร

ลองคิดถึงตัวเราเองเวลาที่เราไปเข้าเว็บไซต์อะไรเว็บนึง เราก็ต้องย่อมอยากรู้ทันทีว่าเว็บนี้จากแบรนด์นี้เค้าขายอะไรกันแน่ ขายสินค้าที่ชั้นอยากได้ หรือมีเนื้อหาที่ชั้นต้องการจะได้หรือเปล่า ดังนั้นการทำเว็บไซต์หรือเชื่อม Landing page เนี่ย ควรคำนึงเลยว่าเรากำลังจะพาลูกค้าไปไหนจากที่ A ไป B แล้วลูกค้าต้องไม่งง ไม่สับสนด้วยว่าพาชั้นมาตรงหน้านี้เพื่ออะไร?

2. บอกลูกค้าไปว่าทำไมพวกเค้าต้องสนใจสิ่งนี้

หลังจากที่ลูกค้าได้รับรู้แล้วว่าเว็บของเราหรือแบรนด์ของเรามีอะไรให้เค้าซื้อ ลำดับต่อไปก็ย่อมต้องเป็นเรื่องของการนำเสนอว่าทำไมพวกเค้าต้องสนใจสิ่งนี้ มันไม่ได้ห่างไกลจากตัวพวกเค้าเลยนะคะ มันจะช่วยเค้าแก้โจทย์ปัญหาในชีวิตหรือ Pain points เรื่องอะไรได้บ้าง หรือว่ามันจะเพิ่มความสะดวกสบายอะไรบ้างอย่างให้เรารู้สึกดีมากขึ้นก็ได้ และยิ่งถ้าจะให้ชัดเลยมันก็คือเรื่องของการคุยกับ Target Segment ต่างๆ ว่าถ้าเป้นคนแบบนี้ทำไมต้องสนใจ แล้วถ้าคุณเป็นแบบนี้ทำไมคุณต้องแคร์นั่นเองค่ะ

3. บอกให้ชัดว่าราคาเท่าไร

หลังจากที่ลูกค้ามีความต้องการแล้ว ถัดไปก็ต้องเป็นเรื่องของราคาที่ต้องจ่ายแล้วแหละ ดังนั้นอย่าชักช้าต้องมาให้ส่ง Email หรือ Inbox อะไรอีก ในเมื่อเราทำ Website Marketing แล้ว ก็บอกไปตรงๆ บนเว็บนั้นแหละว่าสินค้านี้ราคาเท่าไร เราอาจจะไม่จำเป็นที่ต้อง bold ราคาสินค้าตั้งแต่หน้าแรกหรือบนๆ ตัวใหญ่ๆ แต่เราต้องมั่นใจว่าถ้าลูกค้าอยากรู้ราคาปุ๊ป ลูกค้าจะสามารถคลิกตรงไหนเพื่อดูได้เองเลย ไม่ต้องมีขั้นตอนแทรกมากมายให้ยุ่งยากอีก

4. บอกลูกค้าด้วยว่าเราต่างกับแบรนด์อื่นอย่างไร

ลองคิดถึงตัวเราเองเวลาอยากได้อะไรสักอย่างนึง เมื่อเราอ่านรายละเอียดสินค้า ดูราคาอะไรแล้วขั้นตอนต่อไปก็ย่อมต้องเป็นเรื่องของการเปรียบเทียบยี่ห้อ เปรียบเทียบกับสินค้าอื่นๆ ที่สามารถแก้ไขปัญหาเดียวกันได้อีก ดังนั้นมันจะดีกว่ามากถ้าเราสามารถชี้บอกได้เลยในเว็บว่าเราต่างกับ solution อื่นอย่างไร ทำไมทางเลือกของเราถึงดีกว่าทางเลือกอื่นๆ เช่น เรายอดขายอันดับ 1 หรือเป็นแบรนด์ที่ดาราใช้กัน ฯลฯ

5. บอกลูกค้าว่ามีคนอีกหลายคนที่ใช้งานสินค้าของเรา

แน่นอนว่าหนึ่งในขั้นตอนการเปรียบเทียบของลูกค้าย่อมต้องเป็นการหาอ่านรีวิว สอบถามคนว่าเคยใช้อันนี้ไหม เทียบกับอันนั้นอันไหนดีกว่า? เพราะฉะนั้นเราจึงต้องใส่ใจเรื่องของการใส่ testimonial ที่น่าเชื่อถือเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเพลินขอแนะนำเลยว่า Testimonial ที่ดีอาจจะเป็นคล้ายๆ กับ Shoppable UGC หรือ User-Generated Content ก็ได้ อย่าง Case Study ของแบรนด์ LUSH ก็มีทำค่ะ ใครอยากศึกษาเพิ่มคลิกตรงนี้ได้เลย

6. บอกลูกค้าให้ได้ว่าเรามั่นน่าเชื่อถือ

หลายครั้งแม้มี Testimonials แล้วบนเว็บแต่มันก็ดูไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี เพราะพวกรีวิวจ้างมันเกลื่อนมากในวันนี้ ทำให้คนต้อง Recheck Double Check รอบที่ 3 หรือ 4 เพิ่มเติมกลัวว่ารีวิวเหล่านั้นจะเป็นหน้าม้าบ้างแหละ ดังนั้นมันคือหน้าที่ของแบรนด์เราเองเลยที่จะทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าเชื่อใจเราอย่างไร้ขอกังขา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Shoppable UGC หรือการเชื่อมต่อ Third-party website ที่เขียนถึงเรา เป็นต้น

7. บอกลูกค้าด้วยว่าจะติดต่อเราได้ที่ไหน

เพลินเคยจะซื้อ Wallpaper มูเตลูของแบรนด์นึงเพราะรู้สึกว่าร้านนี้มาร้านแรกน่าจะต้องปังปุริเย่ แต่พอเข้าไปดูวิธีการสั่งหาค่อนข้างยาก พอ Add LINE ไปก็ไม่รู้ว่าต้องสั่งยังไงอีก พิมไปตั้งเยอะก็ยังไม่ได้สั่งซักที ร้องหาแอดมินก็ไม่มีใครมาตอบให้ระบบ Auto-reply อยู่นั่นแหละ สุดท้ายเพลินก็ต้องไปจบกับการเลือกซื้อกับอีกแบรนด์นึงที่ทำเว็บไซต์ให้คนกรอกข้อมูล พร้อมโอนเงินสั่งซื้อได้ในตัวเองแทน เห็นไหมคะว่ามันสำคัญนะ ถ้าลูกค้าติดต่อเราไม่ได้ แถมเรายังวาง Journey ให้ลูกค้าเดินเองไม่ได้อีก ก็ Switch brand แน่นอนค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือ 7 สิ่งที่เราต้องตอบลูกค้าให้ได้เมื่อทำ Website Marketing อย่าปล่อยลูกค้าให้ท่องเว็บเราแบบงงๆ หลงๆ จนสุดท้ายต้องกดปิดเลยเนอะ อย่าลืมใส่ใจกับการทำ Journey เพิ่มขึ้นแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ

Source: Red Website Design