วิธีใช้ Google Business Profile ฟีเจอร์ Update ให้ธุรกิจน่าสนใจขึ้น!

วิธีใช้ Google Business Profile ฟีเจอร์ Update ให้ธุรกิจน่าสนใจขึ้น!

วิธีใช้ Google Business Profile ฟีเจอร์ Update พร้อม 4 ไอเดียคอนเทนต์ที่จะทำให้ธุรกิจน่าสนใจ เรียกลูกค้าเข้าร้านรัว ๆ

บทความนี้เอาใจ SME และธุรกิจขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่โดยเฉพาะเลยค่ะ เพราะไม่ว่าธุรกิจที่คุณทำอยู่คืออะไร นุ่นเชื่อว่าต้องมี Google Business Profile ที่เดิมมีชื่อว่า Google My Business เป็นแพลตฟอร์มเพื่อสร้าง Awareness และยอดขายอย่างแน่นอน 

และทุกวันนี้เราเข้า Google กันอาทิตย์ละกี่ครั้งนับไหวกันไหมคะ ^^ การเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่ลูกค้าจะหาเจอ คือการสร้างโอกาสที่ดีมาก ๆ โดยเฉพาะกับคนที่ทำธุรกิจที่มีหน้าร้าน เช่น คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เพราะ Google Business Profile หรือ Business Profile ฟีเจอร์ Update จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ต้องใช้บ้าง ควบคู่กับการอัปเดตคอนเทนต์โซเชียลมีเดียอื่น ๆ ค่ะ

นอกจากนี้ยังมีสถิติที่น่าสนใจซัพพอร์ตว่าทำไมคุณถึงควรอ่านบทความนี้ให้จบและนำไปปรับใช้ด้วยค่ะ 

จากสถิติ Thai Digital Behavior Stat & Insight 2023 จาก We Are SocialGoogle ยังคงครองอันดับ 1 Search Engine ของไทยอยู่ตลอดมาค่ะ และคงจะเป็นต่อไปแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นอันดับ 1 ของ Similarweb ที่คนใช้ Google.com ไป 899 ล้านครั้ง

เพราะฉะนั้นเจ้าของธุรกิจมาใช้เครื่องมือฟรีอย่าง Business Profile ให้คุ้มค่าทุกฟีเจอร์กันนะคะ เริ่มจากการทำทำให้โปรไฟล์ของคุณเรียบร้อย พร้อมตั้งค่าพื้นฐานให้ครบดังนี้

  1. Updates
  2. Photos
  3. Reviews
  4. Offers
  5. Events
  6. FAQ

โดยในบทความนี้นุ่นจะมาแชร์วิธีใช้ Business Profile ฟีเจอร์ Update พร้อม 4 ไอเดียคอนเทนต์ที่จะทำให้ธุรกิจน่าสนใจ เรียกลูกค้าเข้าร้านรัว ๆ ซึ่งวิธีการไม่ยากอย่างที่ใครหลายคนอาจกลัวเลยค่ะ มาเริ่มกันเลย

วิธีใช้ Google Business Profile ตั้งโพสต์ Update 

Step 1 : เริ่มต้นเข้าสู่เครื่องมือ

log in เข้าสู่ Google Business Profile dashboard > ไปที่ click Posts navigation และเลือก create post

Step 2 : เขียนโพสต์

มีทริคการเขียนโพสต์ Update ที่แนะนำดังนี้ค่ะ

  • ไม่ต้องยาวมาก เน้นใจความสำคัญ แม้ฟีเจอร์จะให้ใส่ได้สูงสุด 1,500 ตัว แต่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มให้เต็มก็ได้ค่ะ เพราะคนเสิร์ชหาร้าน หรือบริการนั้นบน Google แล้วมาเจอใน GMB นั้นชอบแบบเร็ว ๆ ด่วน ๆ ไม่ได้อยากอ่านข้อมูลเชิงลึกอะไรมากอย่างประวัติร้าน แบบนั้นเข้าไปอ่านต่อในเว็ปไซต์มากกว่าค่ะ
  • รวมภาพ ติดรูปภาพหรือวิดีโอ ของสถานที่หรือผลิตภัณฑ์ของคุณ สำคัญมากค่ะ ระหว่างร้านที่มีภาพกับไม่มีภาพ แน่นอนว่าลูกค้าจะจิ้มร้านที่มีภาพสวย ๆ ก่อนอยู่แล้ว 
  • Customize CTA button ให้ลิงก์ไปยังหน้า Landing Page รหัสคูปอง เว็บไซต์ หรือหน้าผลิตภัณฑ์ของคุณในทุกโพสต์ของ Google My Business เช่นคำว่า Sign up, Order now, Book และอื่น ๆ

Step 3: Publish

กดโพสต์ Update ได้เลย ยิ่งบ่อยก็ยิ่งดี เพราะคนเสิร์ชมาเจอจะได้เห็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของร้านค่ะ บางทีเข้ามาเจอโพสต์ล่าสุดตั้งแต่ปี 2019 แบบนี้ก็เซ็งหน่อย ๆ ไม่รู้สภาพร้านหรือโรงแรมปัจจุบันเป็นยังไงแล้ว โปรวาเลนไทน์แล้วตอนนี้สิ้นปีมีโปรใหม่ ๆ บ้างไหม เสียเปรียบร้านที่อัปเดตร้อน ๆ มากเลยค่ะ

4 ไอเดียโพสต์คอนเทนต์บนฟีเจอร์ UPDATE

#1 POST UPDATE โปรโมชั่น

แนะนำให้นำภาพสำหรับยิงโฆษณาโปรโมชั่น มาใส่โพสต์ในฟีเจอร์ Update บน Business Profile ด้วยนะคะ เพื่อโปรโมตและดึงดูดลูกค้าที่เสิร์จเจอ อยากเดินทางมาที่ร้าน หรือใช้บริการมากขึ้น ข้อแนะนำคือให้ใส่ระยะเวลาที่ร้านมีโปรโมชั่นกำกับไว้ด้วยค่ะ

เพื่อแจ้งให้ทราบว่าโปรนี้จะเริ่มเมื่อไหร่ จนถึงเมื่อไหร่ ติดแท็กโปรไว้จะยิ่งโดดเด่นขึ้น ยิ่งจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็ว หากใส่หัวข้อโปรโมชั่น แนะนำให้ใส่และทำอาร์ตเวิร์คแบบในภาพตัวอย่างค่ะ เช่น ฟรี หนังปลาแซลมอนทอด เพื่อเน้นคีย์สำคัญที่อยากสื่อ

#2 POST UPDATE ข่าวสาร

อัปเดตข่าวสารเรื่อย ๆ เพื่อเป็นสร้างความเข้าใจที่ตรงกันให้ลูกค้าค่ะ เช่นระยะเวลาเปิดรับสมัครเรียนพิเศษ หรือวันหยุดพิเศษของร้าน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะโทรเช็กกับร้านก่อนว่า “วันนี้เปิดไหมคะ?”

แต่ลูกค้าอาจจะเช็กแค่วันที่ร้านตั้งค่าเบื้องต้นในหน้า Profile ว่า แต่วันหยุดพิเศษปรับปรุงร้านเอยใดใด อาจจะไม่ได้อัปเดตตามค่ะ

#3 POST UPDATE เบื้องหลัง

บางแบรนด์อาจมัวยุ่งอยู่กับการคิดคอนเทนต์สวย ๆ โพสต์บน Social Media แต่กลับกันคอนเทนต์เบื้องหลังแบบ Real ก็สามารถดึงดูดความสนใจ และทำให้ลูกค้าเห็นภาพบริการได้จริงมากกว่าค่ะ ในตัวอย่างนุ่นลองเสิร์ชบริการกำจัดปลวก มีเพียงไม่กี่เจ้าที่โพสต์ภาพการทำการ ที่ถือเป็นเบื้องหลังลงฟีเจอร์ Update

ในขณะที่เจ้าอื่น ๆ โพสต์เพียงภาพช่างถ่ายกับน้ำยา ด้านนอกบ้าน ทำให้คนอินได้น้อยกว่าในตัวอย่างพอสมควรเลยค่ะ ลองเอาไอเดียนี้ไปปรับใช้กับสินค้าหรือบริการของคุณดูนะคะ

#4 POST UPDATE Motivational content

เราไม่จำเป็นจะต้อง Hard Sell หรือโพสต์ภาพเกี่ยวกับสินค้าอยู่ตลอดเวลาก็ได้ค่ะ ลองใช้โควตหรือการโน้มน้าวทางอ้อมด้วยคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจดูนะคะ

เพื่อสื่อสารกับลูกค้าและผู้มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าของคุณ เช่น ถ้าเราทำฟิตเนสออกกำลังกาย โยคะ ก็สร้างขวัญกำลังใจในการสมัครเข้าคลาส ในภาพเป็นข้อความเล็ก ๆ กระตุ้นให้คุณลุกจากโซฟาและออกกำลังกาย หรือเข้าคลาสโยคะกันมั้ย~

ปิดท้ายด้วยคำแนะนำ สำหรับนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจ 

อยากให้ทุกคนใช้เครื่องมือฟรี Business Profile จาก Google จริง ๆ ค่ะเพราะจากสถิติและรูปแบบธุรกิจใดก็สามารถใช้พื้นที่นี้เพื่อธุรกิจของตัวเองได้อย่างแน่นอน ใครนึกไม่นอกนุ่นได้แนบ 4 ไอเดียเบสิกที่จะทำให้คุณเริ่มต้นโพสต์บนฟีเจอร์ Update ได้อย่างไม่ตัน

ข้อจำกัดและข้อแนะนำที่อยากทิ้งท้ายไว้ มีดังนี้

  • รูปแบบภาพ: JPG หรือ PNG
  • ขนาดรูปภาพโพสต์ Google My Business ขั้นต่ำที่แนะนำคือ 480 x 270px
  • ขนาดรูปภาพเริ่มต้นคือ 720 x 540px โดยมีอัตราส่วนภาพ 4:3
  • ขนาดรูปภาพแนะนำใช้ 1200px x 900px เพื่อความคมชัด
  • รูปภาพสามารถมีขนาดไฟล์ขั้นต่ำ 10KB และขนาดไฟล์สูงสุด 5MB
  • สำหรับวิดีโอ ขนาดอัปโหลดสูงสุดคือ 100 MB

ใครเคยลองใช้แล้ว หรือเพิ่งเริ่มใช้งานอย่างไร อย่าลืมกลับมาแชร์กันได้ในคอมเมนต์นะคะ นุ่นรออ่านค่ะ

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

source source

Noon Inch

นุ่น Business Data Research Analyst Specialist | Martech 🙋🏻‍♀️💻ใช้ชีวิตอยู่กับ Social Listening Tools เกือบทุกวันมาร่วม 6 ปี 🙋🏻‍♀️📈ทำงานด้าน Social Data Research ให้กับหน่วยงานรัฐและแบรนด์เอกชน 6 ปี 🙋🏻‍♀️✈️ชอบทำงานและชอบใช้เงิน แล้วก็เป็น K-POP🇰🇷 & Salmon Lover 🍣

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน