จากหนังสือการตลาดแบบรู้ใจ Personalized Marketing ที่ขายดิบขายดีจนตอนนี้พิมพ์ครั้งที่ 3 แล้ว(ขอขายของหน่อย)ก็เลยอยากเขียนการตลาดแนวนี้เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย เผื่อว่าจะเป็นเนื้อหาเพิ่มเติมในฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5 ว่าแม้แต่ธุรกิจเก่าแก่และเป็นออฟไลน์อย่างร้านสะดวกซื้อหรือ Convenience store นั้นก็ยังสามารถทำให้เป็น Personalization ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกค้าในละแวกนั้นเลือกสินค้าที่จะเข้ามาวางขายที่ชั้นในร้านได้เองแบบตามใจอีกด้วยครับ ที่ประเทศฟินแลนด์มีแบรนด์ร้านสะดวกซื้อที่ชื่อว่า
Category: In-Store
Coty Inc. ธุรกิจความงามยักษ์ใหญ่ที่ร่วมกับบริษัทในเครือผู้ผลิตทำการตลาดจัดจำหน่ายและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามทั่วโลก โดยแบ่งดำเนินการในสามส่วนคือ 1.Luxury จะมีผลิตภัณฑ์น้ำหอมและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางผ่านร้านค้าปลีกหลายแห่งรวมถึงน้ำหอมห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลอดภาษี 2. The Consumer Beauty โดยผ่านไฮเปอร์มาร์เก็ต ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าระดับกลาง 3. Professional
ช่วงก่อน เวลาเราจะทำการตลาด เราก็จะมุ่งเน้นไปที่หน้าร้านเป็นหลัก ถ้าเป็นสื่อออนไลน์ก็ยังคงไม่ใช่ Website แต่เป็นสื่อ Social Media ที่เราตั้งทีมมาอัพเดท Content กันทุกวัน ส่วนเว็บไซต์นั้น ก็ปล่อยทิ้งไม่มีอะไรใหม่เลยมาสัก 3-4 ปีได้แล้ว แต่วันนี้ต้องบอกว่าเทรนด์เปลี่ยนไปแล้วค่ะ นั่นก็เพราะว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเนี่ย เริ่มหันมาเป็นแบบ Omnichannel อย่างที่เราพยายามตามเทรนด์กันมาตลอด วันนี้คนเริ่มปรับตัวเข้า E-commerce มากกว่าหน้าร้าน สั่งซื้อของบนออนไลน์บ่อยกว่าหน้าร้านด้วยค่ะ ต้องบอกว่าตัวแปรสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็คือเจ้าโรคระบาด COVID19 เนี่ยแหละ ที่เป็นตัวทำให้การสั่งซื้อของออนไลน์เปลี่ยนไปมาก
สาวๆหลายคนคงทราบดีว่า Sephora เป็นธุรกิจค้าปลีกที่รวบรวมเครื่องสำอางค์และสกินแคร์ต่างๆไว้ในที่เดียวซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมี 1,900 สาขาทั่วโลก ใน 29 ประเทศ ซึ่งกว่า 200 ร้านนั้น ตั้งอยู่ในแถบเอเชียแปซิฟิกในหลายประเทศเช่น ออสเตรเลีย จีน
มีคนบอกกันว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” ผมก็เพิ่งจะมาเห็นว่าจริงกับแคมเปญ Buy with your time ของ IKEA นี่แหละครับ เพราะนี่คือแคมเปญการตลาดแรกของโลกที่ให้คุณสามารถจ่ายค่าเฟอร์นิเจอร์ในร้านด้วยเวลาที่คุณใช้ไปกับการเดินทางมายัง IKEA ได้ เมื่อปัญหาเดียวของ IKEA
ปกติเวลาร้านอาหารร้านหนึ่งจะเลือกเมนูใดเมนูหนึ่งขึ้นมาขาย หรือเอามาโปรโมตให้ลูกค้าเห็น ส่วนใหญ่มาจากการวางแผนล่วงหน้านานเป็นเดือนๆ ศึกษาข้อมูลการขายที่ผ่านมา และประสบการณ์ของผู้จัดการหรือเจ้าของร้านใช่ไหมครับ เช่น ถ้าช่วงหน้าร้อนแบบนี้เราจะเห็นเมนูประเภทมะม่วงเกลื่อนตลาดไปหมด หรือเมนูประเภทน้ำหวานๆ เย็นๆ ปั่นๆ เอามาโปรโมตกันกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ แต่รู้ไหมครับว่าร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง McDonald’s นั้นก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการให้ AI มาเป็นผู้แนะนำเมนูที่ควรขายให้กับลูกค้าแต่ละรายที่ต่างกันไปครับ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทางร้าน
เมื่อถูกหรือแพงไม่ใช่เรื่องของตัวเลขราคา แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งรอบตัว ดังนั้นพลังของบริบทหรือ Context Marketing จึงมีผลมากต่อการเปลี่ยนความรู้สึกของคนที่เห็นว่าของสิ่งนั้นถูกหรือแพงกันแน่ ก็เหมือนกับเตารีดไอน้ำที่ราคาเดียวกัน เมื่อวางเคียงข้างกับเตารีดไฟฟ้าธรรมดาแน่นอนว่าย่อมถูกเปรียบเทียบให้คนเห็นรู้สึกแพง แต่พอเมื่อเอาไปวางขายเคียงข้างกับชุดหรูที่ราคาแพง กลับทำให้คนไม่ได้รู้สึกแพง แถมยังเห็นความสำคัญที่ต้องมี เคสการตลาดเรื่อง The Power of
งานออกแบบที่ไม่เป็นมิตร แต่สร้างปฏิสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เรามาดู Brand Experience ผ่านงานออกแบบแสบๆคันๆกัน งานออกแบบ คนส่วนใหญ่แล้ว จุดประสงค์ก็เพื่อ ออกแบบให้ใช้แล้วเกิดความสะดวกสบาย เพื่อตอบ Insight และมีเรื่องของความสวยงามเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อตอบทั้งเหตุผลและอารมณ์ แต่ตัวอย่างงานออกแบบต่อไปนี้จะทำให้คุณมองตรงข้ามไปเลย
Sensory Experiences หรือการสร้างแบรนด์ด้วย กลิ่น คุณเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า แล้วจมูกของคุณบังเอิญไปสัมผัสกับกลิ่นจากร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง ซึ่งสมองคุณรับรู้ได้ทันทีเลยว่า นั่นคือร้าน CC Double O โดยที่ตาของคุณยังไม่ชำเลืองมองด้วยซ้ำไปไหมครับ หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเดินเข้า Apple Concept
เรื่องการรณรงค์ให้เอาถุงผ้ากลับมาใช้ซ้ำเพื่อลดขยะจากถุงพลาสติกไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ทำไมรณรงค์กันมาเท่าไหร่ก็ไม่เคยจะได้ผลจริงจังซักที แต่เคสที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ไม่ใช่แค่ได้ผลดีกว่าเดิมแค่สองหรือสามเท่า แต่ทำให้คนเอาถุงเดิมกลับมาใช้ซ้ำเพิ่มขึ้นถึง 14 เท่า ภายในเวลาแค่ 1 เดือนแรก กับแคมเปญที่ชื่อว่า Unforgettable Bag หรือถุงที่ใครก็ไม่อยากลืม Unforgettable Bag