ต้องบอกว่าเพลินได้ฟัง Webinar จาก Vogue Business ที่เกี่ยวกับ Post-Crisis หรือเหตุการณ์ ‘หลัง COVID19’ ที่ประเทศจีนแล้วอดแชร์ไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะเนื้อหาข้างในน่าสนใจมากทีเดียว สำหรับแบรนด์และร้าน Retail ต่างๆ โดยเฉพาะแบรนด์หรู Luxury ทั้งหลาย โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ได้ถูกแชร์จากคุณ Yiling Pan หรือ Managing Editor ของ Vogue Business ประจำประเทศจีนเองเลย ว่าช่วงระหว่าง-หลังเหตุการณ์ Lockdown แล้ว ประเทศจีนเป็นอย่างไรบ้าง? โดยประเด็นหลักที่น่าสนใจ
Sephora หรือ Retail เครื่องสำอางในเครือของบริษัทยักษ์ใหญ่ LVMH ที่หลังจากมาเปิดตัวในไทย ก็ทำเอาสาวๆ เข้า-ออกร้านกันเพียบ เพราะนอกจากร้าน Retail นี้จะเป็นคลังแสงเครื่องสำอางสำหรับสาวๆ แล้ว ตัวแบรนด์เองยังมีการใส่ใจเรื่องของการมอบประสบการณ์การซื้อที่ดีจนลืมไม่ลงให้กับลูกค้าด้วยค่ะ ปัจจุบันธุรกิจ Retail นี้มีร้านค้าปลีกอยู่ที่ประมาณ 2,300 สาขาทั่วโลก และยังมีคนเข้าเว็บไซต์ออนไลน์กว่า 2.3
ท่ามกลางวิกฤต Covid-19 เราได้เห็นการปรับตัวอย่างมากมายทั้งโดยเต็มใจและไม่เต็มใจของ SME และทุกฝ่าย แต่โชคดีอย่างหนึ่งที่วันนี้เรามีเทคโนโลยีมากมายในราคาที่เข้าถึงได้พร้อมให้ธุรกิจส่วนใหญ่เข้าไปใช้งาน และเทคโนโลยีที่ว่าก็คือ Digital และ Cloud ที่ช่วยทั้งในแง่ของการลดการสัมผัสระหว่างกัน และยังทำให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้นมากครับ วันนี้ผมเลยขอบทความหนึ่งจากคุณแอ๊น หนึ่งในผู้ก่อตั้งเทพฯบาร์ ผู้ที่ทำบาร์เก๋ไก๋มีสไตล์จัดจ้านไม่เหมือนใครมาแชร์ให้เพื่อนๆ
มีคนบอกกันว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” ผมก็เพิ่งจะมาเห็นว่าจริงกับแคมเปญ Buy with your time ของ IKEA นี่แหละครับ เพราะนี่คือแคมเปญการตลาดแรกของโลกที่ให้คุณสามารถจ่ายค่าเฟอร์นิเจอร์ในร้านด้วยเวลาที่คุณใช้ไปกับการเดินทางมายัง IKEA ได้ เมื่อปัญหาเดียวของ IKEA
Burger King ทำแคมเปญรับบริจาคของเล่นพลาสติกเก่าที่ไม่ต้องการแล้ว Meltdown เพื่อเอามาหลอมใหม่ให้มีประโยชน์มากขึ้น จากเทรนด์ภาวะพลาสติกล้นโลกที่กังวลกันไปทุกชาติ ทำให้ Burger King เกิดไอเดียว่า ถ้าอย่างนั้นเราเอาพลาสติกพวกนั้นที่ถูกเก็บไว้ให้เก่าโดยไม่ได้ใช้ และก็อาจจะถูกทิ้งกลายเป็นขยะพลาสติกไปเพราะเหตุนั้น มาหลอมใหม่ให้กลายเป็นพลาสติกที่เกิดประโยชน์ขึ้นอีกครั้งครับ เลยเกิดเป็นแคมเปญที่ชื่อว่า Meltdown
Blue Ocean Strategy คือแนวคิดทางการตลาดชื่อดังที่นักการตลาดหลายคนคงรู้จัก แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจและเอาไปประยุกต์ใช้งานได้จริง วันนี้ผมมีเคสแคมเปญการตลาดที่ชื่อว่า Urban Eye Test จากร้านแว่นตาชื่อ OCO ที่กรุงลอนดอนมาเล่าให้ฟังกัน ว่าเขาสามารถเปลี่ยนคนที่ไม่เคยเดินเข้าร้านตัดแว่นให้เดินเข้าร้านเขาได้อย่างไร ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าตัวเองมีปัญหา เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเรามักจะคิดว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาใดๆ
การจะทำ Personalized Marketing ที่แท้จริงไม่ได้เริ่มต้นที่เทคโนโลยีหรือ Data ใดๆ แต่เริ่มต้นที่ใจที่อยากจะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าไม่รู้ลืม ซึ่ง case study การทำ Personalized Marketing ที่ผมจะเล่าให้ฟังในวันนี้ไม่ได้มาจากไหนไกล เพราะมาจากตัวเองที่เพิ่งได้ประสบพบเจอโดยตรงในหลักสูตร
Instoptica แคมเปญการตลาดจากร้านขายแว่นตา Luxoptica ที่ประเทศยูเครน ที่ฉลาดในการใช้สื่อใหม่ใกล้ตัวอย่าง Instagram Stories ในการเข้าถึงคนยุคใหม่ที่ติดมือถือมาก และหนึ่งในสิ่งที่คนรุ่นใหม่ติดกันงอมแงมมากนั่นก็คือ Stories บน Instagram ที่ในแต่ละวันมีคนใช้งานมากถึง 500,000,000 คน
ปกติเวลาร้านอาหารร้านหนึ่งจะเลือกเมนูใดเมนูหนึ่งขึ้นมาขาย หรือเอามาโปรโมตให้ลูกค้าเห็น ส่วนใหญ่มาจากการวางแผนล่วงหน้านานเป็นเดือนๆ ศึกษาข้อมูลการขายที่ผ่านมา และประสบการณ์ของผู้จัดการหรือเจ้าของร้านใช่ไหมครับ เช่น ถ้าช่วงหน้าร้อนแบบนี้เราจะเห็นเมนูประเภทมะม่วงเกลื่อนตลาดไปหมด หรือเมนูประเภทน้ำหวานๆ เย็นๆ ปั่นๆ เอามาโปรโมตกันกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ แต่รู้ไหมครับว่าร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง McDonald’s นั้นก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการให้ AI มาเป็นผู้แนะนำเมนูที่ควรขายให้กับลูกค้าแต่ละรายที่ต่างกันไปครับ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทางร้าน
โฆษณาที่ดีที่สุดไม่เคยมาจากแบรนด์ ไม่ได้มาด้วยแคมเปญการตลาดสุดยิ่งใหญ่ หรือไม่ได้มาด้วยหนังโฆษณาซึ้งกินใจจากผู้กำกับชื่อดังคนไหน แต่โฆษณาที่ดีที่สุดตลอดกาลก็คือมาจากปากคนรอบตัว หรือลูกค้าตัวจริงนั่นเอง เลยเกิดเป็นแคมเปญการตลาดที่ชื่อว่า Lidl Micromarket ชวนคนที่เป็น Super Fans ของแบรนด์ ให้กลายเป็นตัวแทนของแบรนด์ที่ขายสินค้าของแบรนด์ด้วยการไม่ขายแต่ทำให้กิน Lidl แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตจากเยอรมันต้องการบุกตลาดสวีเดนก็พบปัญหาว่าคนที่นั่นไม่เชื่อว่าของถูกนั้นจะดี
#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน