ผู้หญิง VS ผู้ชาย กับพฤติกรรมที่มีผลต่อการซื้อ ‘100 Humans’ – EP. 3

ผู้หญิง VS ผู้ชาย กับพฤติกรรมที่มีผลต่อการซื้อ ‘100 Humans’ – EP. 3

วันนี้ปลื้มจะมาเล่าต่อจาก Episode ที่แล้ว ถ้าใครยังไม่ได้ เข้าไปอ่านตั้งแต่ EP. 1 สามารถคลิกเข้าไปตามอ่านได้เลยนะคะ และเผื่อใครยังไม่ได้อ่านตอนที่แล้วๆ มา ปลื้มขอเกริ่นสักหน่อยว่า ‘100 Humans’ เป็นรายการเรียลลิตี้ของ Netflix ที่มีกว่า 8 Episode โดยได้รวมผู้คนกว่า 100 คน ทั้ง ผู้ชาย และ ผู้หญิง  มาทดลองให้เห็นความแตกต่างของพฤติกรรมมนุษย์ ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่คนอื่นคิดจะตรงกันไหม จากการตั้งสมมุติฐานในรายการนั่นเองค่ะ

 ตอนนี้เราเดินทางมาถึง EP.3 เป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาโลกแตกระหว่าง ผู้หญิง VS ผู้ชาย ที่ต้องมาถกเถียงกัน โดยรายการได้ตั้งสมมุติฐานที่จะใช้เป็นโจทย์ในการตัดสินการประชันเรื่องเพศ ซึ่งจริงๆ แล้วมีหลายคำถามมาก ปลื้มเลยเลือกเฉพาะโจทย์ที่มีความน่าสนใจมาเล่าให้ฟัง จะเป็นการประชันกันเรื่องอะไรมาดูกันค่ะ

คำถามที่ 1 : ผู้หญิงเตรียมตัวนานกว่าผู้ชายจริงหรือ ?

จากโจทย์แรกทุกคนลองคาดเดาไปพร้อมก็ได้นะคะ ว่าสิ่งที่คิดจะตรงกับผลทดลองหรือเปล่า ซึ่งวิธีการทดลองของกิจกรรมนี้ ผู้ทดลอง 100 คน ไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อนอย่างแน่นอนค่ะ ในระหว่างพัก ทีมงานเข้าไปแจ้งกับพวกเขาว่าจะมีการเซอร์ไพรส์จัดกิจกรรมนอนสถานที่ โดยที่เตรียมรถบัสไว้ 2 คัน ให้สำหรับผู้ชาย 1คัน และสำหรับผู้หญิงอีก 1 คัน กำหนดเวลา 10 นาที ให้ทุกคนเก็บข้าวของที่จำเป็นแล้วออกไปขึ้นรถ นอกจากนี้เพื่อความสนุกทีมงานได้วางกับดักที่ทำให้คนไขว้เขวไว้ด้วย

ซึ่งกับดักที่ว่าก็คือพวกเมนูอาหาร ขนม พร้อมกับ เครื่องดื่ม ต่างๆ  จัดวางเรียงไว้บริเวณทางผ่านก่อนถึงรถบัสของพวกเขา แล้วแบบนี้เพศไหนจะขึ้นรถบัสครบก่อนกัน และเมื่อครบกำหนด 10 นาที ผลการทดลองก็ออกว่า ผู้หญิงที่ขึ้นรถบัสทันใน10 นาที มี 24/50 คน ส่วนผู้ชายขึ้นรถมาเพียง 14/50 คน ซึ่งน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับการทดลองข้อนี้ เป็นการทดลองเรื่องของการตรงต่อเวลาค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าในชีวิตประจำวันผู้หญิงต้องเตรียมตัวนานกว่าแน่นอน เพราะอาบน้ำก็ช้า แต่งหน้าก็นาน ไหนจะเก็บของใส่กระเป๋า เลือกเสื้อผ้าอีก ซึ่งปลื้มก็มองว่าเป็นเรื่องจริงนะที่ผู้หญิงมีความวุ่ยวายกับตัวเองเยอะ แต่ผู้หญิงมีการ Manage Your Time ได้ดีกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงจะมีการคำนวณสิ่งที่เขาต้องทำกับเวลาที่ได้ หรืออาจจะเป็นเพศที่ถูกสอนมาให้เอาใจใส่คนรอบข้างมากกว่า และให้ทำตามกฎ ตามคำสั่ง ในขณะที่ผู้ชายถูกสอนมาให้ทำตามใจตัวเองนั่นเองค่ะ

สิ่งนี้นักการตลาดสามารถประยุกต์ใช้ได้นะคะ อย่างเรื่องของการจัดโปรโมชั่น เพื่อเลือกลูกค้าเข้ามาซื้อของร้านเรา ก่อนอื่นเราก็ต้องมาดูการกลุ่มเป้าของเราเป็นเพศไหน แล้วเราจะสามารถดึงดูดลูกค้าด้วยวิธีใด้บ้าง เช่นลูกค้าผู้หญิง ก็จะเห็นว่าเวลาจะช่วยบีบบังคับเขาได้ แต่ผู้ชายเวลาอาจจะไม่มีผล ดังนั้นการ FLASH SALE อาจจะไม่สามารถทำให้ผู้ชายเข้ามาชอปก็ได้นะคะ

คำถามที่ 2 : ผู้หญิงพูดมากกว่าผู้ชายจริงหรือ ?

เรื่องนี้จะจริงไม่จริงก็ต้องลองพิสูจน์กันค่ะ โดยรายการให้ผู้ทดลอง 100 คน เข้ามาเล่าวิธีการเล่นเกม Tic tac toe หรือที่เราเรียกว่าเกม OX  ซึ่งผู้สนทนาด้วยจะไม่พูดอะไรเลยเมื่อผู้ทดลองเริ่มอธิบายนอกจากคำว่า ‘อ่าฮะ’ คราวนี้มาดูกันว่าเพศไหนจะอธิบายได้นานกว่ากัน ถ้าใครได้เข้าไปดูใน Netflix แล้ว ปลื้มว่าต้องมีขำกันบ้างแหละ รายการนี้ต้องการบอกเลยว่าดูสบายๆ เป็นการให้ข้อมูลแบบที่ไม่น่าเบื่อ ดูเพลินๆ ได้แน่นอน

จากการพูดของอธิบายวิธีการเล่นเกม Tic tac toe ผลออกมาว่า เฉลี่ยแล้วผู้หญิงใช้ 147 คำ ส่วนผู้ชายเฉลี่ยแล้วใช้ 123 คำ จะเห็นว่าผู้ชายอธิบายกระชับกว่า แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนนะคะ เพราะจากข้อมูลว่าใครใช้คำพูดเยอะที่สุด ผลที่ได้ก็คือผู้ชายหมายเลข 28 เขาพูดไปกว่า 646 คำ แต่ถึงอย่างไรข้อนี้สมมุติฐานก็เป็นจริงค่ะ ผู้หญิงพูดมากกว่าผู้ชาย

ถ้าพูดถึงเหตุผลคงจะเป็นเรื่องอุปนิสัยการช่างพูดของผู้หญิง ที่เกิดจากอำนาจของสังคม ความแตกต่างทางเพศ เพราะเมื่อใดที่ก็ตามที่คนเรามีอำนาจทางสังคมน้อยกว่า พวกเขาก็อาจจะใช้คำพูดเพื่อชดเชยสิ่งนั้น ดังนั้นพวกเขาจะใช้คำพูดเพื่อคนหันมาฟังและสนใจเขานั่นเองค่ะ

สำหรับข้อนี้ คุณผู้ชายต้องเข้าใจและเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคุณผู้หญิงด้วยนะคะ ส่วนนี้ปลื้มขอโยงเข้า Consumer Behavior สักหน่อย ในเมื่อเรารู้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่พูดมากกว่าผู้ชาย เราสามารถทำอะไรได้บ้าง? จากนิสัยดังกล่าวของผู้หญิงปลื้มมองว่า เขาเป็นคนที่ละเอียด ไม่ว่าจะมีเรื่องดีหรือไม่ดีเกิดขึ้นกับเขา เขาก็พร้อมที่จะเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาให้ใครต่อใครฟัง ดังนั้น นักการตลาดสามารถใช้กลยุทธ์ Word-of-mouth ได้แบบง่ายๆเลยนะคะ

คำถามที่ 3 : เพศไหนเหนือกว่ากัน ?

ข้อสุดท้ายที่ปลื้มยกมา ต้องวัดกันให้รู้ไปเลยค่ะ ผู้หญิง VS ผู้ชาย ว่าใครเหนือกว่าใคร ซึ่งการทดลองสำหรับสมมุติฐานนี้ก็คือการทดสอบทักษะการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ต้องตีแป้งเค้ก พร้อมกับเล่นเกมตีตัวตุ่น อุ้มเด็ก และระหว่างที่ทำกิจกรรมเหล่านั้นก็ต้องตอบคำถามง่ายจากทีมงานไปด้วย ถ้าตอบถูก 1 ข้อ ได้ 1 คะแนน ตอบผิด 1 ข้อ ลบ 1 คะแนน การทดลองข้อนี้ไม่ได้ใช้เด็กจริงนะคะ เพื่อความปลอดภัย

หลังจากทำการทดลองทีละคนเสร็จแล้ว  ผลก็ออกมาจากคะแนนการตอบคำถามที่ปลื้มบอกไปว่าตอบถูกบวก1 ตอบผิดลบ 1 ทำให้ผู้ที่ชนะได้แก่ เพศหญิงค่ะ ได้ไป 5 คะแนน ส่วนผู้ชายได้ไป 3 คะแนน เป็นอันว่าข้อนี้เพศหญิงเหนือกว่าผู้ชายค่ะ

ในการทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวผู้หญิงมักทำได้ดีกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายส่วนใหญ่อาจจะถนัดที่โฟกัสทีละไปทีละอย่างมากกว่า ดังนั้นพฤติกรรมของผู้บริโภคข้อนี้ ปลื้มเห็น insight บางอย่าง ที่น่าจะมีความเกี่ยวข้อง นั่นก็คือ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมี Brand loyalty เพราะมีความสนใจไปตามกระแส เทรนด์ มีความชอบเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แบรนด์ที่จะหยุดเขาได้ ต้องรู้ใจเขาพอสมควรถึงจะมีการซื้อซ้ำ

และสำหรับผู้ชายส่วนใหญ่มักเลือกซื้อของเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่ค่อยเปลี่ยน ดังนั้นถ้าแบรนด์คุณทำให้เขาซื้อได้ ก็มีโอกาสที่จะทำให้เขาซื้อต่อๆ ไปค่ะ

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งใน Episode 3 สำหรับรายการ ‘100 Humans’ เท่านั้น ปลื้มขอย้ำอีกครั้งว่าผลการทดลองมีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตั้งข้อสันนิฐานและทำการทดลอง ที่จะทำให้เราสามารถได้เข้าใจพฤติกรรมคนได้มากขึ้น ถ้าใครอยากให้ปลื้มมาเล่า Episode ถัดไป รอติดตามในเพจการตลาดวันละตอน  รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนได้เลยค่ะ

Yoswimol

🎡PLEUM | Data Research Executive ในเครือการตลาดวันละตอน | สนใจเรื่องการตลาด ชอบดูการแข่งขันทางการตลาด และเป็นทาสตลาด... ทุกบทความตั้งใจเขียนมาก ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ มันเป็นกำลังใจที่ทำให้อยากเขียนต่อไปเลย☺️

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน