สร้าง​ Awareness​ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค ด้วยการจับจุดดีของผลิตภัณฑ์​มาขยี้ให้เด่นยิ่งขึ้น

สร้าง​ Awareness​ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค ด้วยการจับจุดดีของผลิตภัณฑ์​มาขยี้ให้เด่นยิ่งขึ้น

ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็น​ Product​ ไหนก็มีจุดดีจุดเด่นเป็นของตัวเองทั้งนั้น​ แต่ส่วนที่แตกต่างกันก็คือวิธีการสื่อสารต่างหาก​ ว่าแต่ละแบรนด์​จะสื่อสารจุดเด่นนี้ออกมาให้ผู้บริโภค​รับรู​้​ และจดจำแบรนด์ได้อย่างไร

ลองมาดู​ Case​ Study​ นี้กันครับ​ ว่าเขาเอาจุดเด่นของตัวเองมาขยี้ให้โดนใจคนได้อย่างไรบ้าง

เมื่อแบรนด์ขนมปังเอาการนวดแป้งมานวดคน แล้วผลจะเป็นอย่างไร? 

ด้วยความต้องการ สื่อสารกับผู้บริโภค ว่าขนมปังของเรา ทำด้วยมือจริงๆ Ricco แบรนด์ขนมปังชื่อดังในเปรู จึงจัดทำแคมเปญโปรโมตตัวเองผ่านการนวดด้วยมือ แต่คราวนี้ไม่ได้นวดแป้งให้ได้ขนมปังชั้นดี แต่เอามือนวดชั้นดีเดียวกันนี้มานวดให้คนเปรูแทน

จับ​ Insight​ ผู้บริโภค​ให้ได้​ แล้วใส่ความเป็นแบรนด์​ลงไป

เนื่องจาก​ Ricco พบว่าคนเปรูในช่วงสิ้นปีนี้มีความเครียดมากเป็นพิเศษถึง 65% และความเครียดนี้ก็มาจากการจับจ่ายใช้สอยชอปปิงในช่วงสิ้นปีทั้งให้ตัวเอง ให้ครอบครัว และให้คนใกล้ตัวทั้งหลาย ยิ่งต้องชอปก็ยิ่งต้องคิด คิดๆๆ​ ว่าจะซื้ออะไรให้ถึงจะดี จากการชอปปิงที่เคยเป็นเรื่องคลายเครียด กลับมาเป็นทำให้ต้องเครียดเมื่อชอปปิงแทน

ทาง Ricco เองก็เลยดึงเอา Insight​ ในจุดนี้มาทำแคมเปญโฆษณาเพื่อทำให้คนจดจำแบรนด์ตัวเองได้มากขึ้น เพื่อทำให้คนซื้อสินค้าตัวเองมากขึ้นเพราะกำลังเครียดในการชอปปิงที่ว่า ด้วยการหยิบจุดขายที่ว่า Ricco เป็นแบรนด์ที่ทำด้วยมือจริงๆ แต่ครั้วนี้เปลี่ยนจากการ​นวดแป้งมาเป็นนวดคนให้หายเครียด​แทน​ 

ใช้​กลยุทธ์​ O2O​ ในการช่วยโปรโมต

งานนี้ทางแบรนด์​ใช้กลยุทธ์​แบบ​ O2O​ มาช่วย​โดยโปรโมตผ่านแฟนเพจว่าในแต่ละวันทีมนวดของ Ricco นี้จะไปปรากฏที่ตรงไหนของเมือง ใครที่สนใจอยากนวดคลายเครียดพร้อมกินขนมปัง Ricco ไปด้วยก็เชิญเข้ามาที่ pop-up store ได้เลยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ผลลัพธ์ก็คงไม่ต้องบอกว่าแบรนด์ Ricco กลายเป็น word of mouth ทั้งบนออนไลน์และออฟไลน์ เพิ่มความเป็น top of mind ให้กับแบรนด์ยิ่งขึ้นอีก 

จะเห็นว่าถ้า Ricco มัวแต่ขายความอร่อยสดใหม่เหมือนแบรนด์​ขนมปังทั่วๆ​ ไป ก็ยากที่จะโดดเด่นออกมาจากคู่แข่งได้

สุดท้ายนี้หาจุดขายหรือจุดแข็งของสินค้าหรือบริการตัวเองให้เจอ แล้วลองถามตัวเองดูสิว่าถ้าสิ่งเดียวกันนี้สามารถเอาไปประยุกต์ใช้อะไรในรูปแบบใหม่ๆ​ ได้ไหม เพราะ​ทุกวันนี้แค่การทำโฆษณาบอกเล่าเรื่องเฉยๆ​ ไม่พอเสียแล้ว แต่มันต้องสามารถเอามาทำได้จริงเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับคนอีกด้วยครับ

ส่วนใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบอื่นๆ แนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ในบทความหน้าผมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะค​รับ

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน