Reese’s Puffs ทำกล่อง Cereal ให้เป็นที่ทำเพลงด้วย AR

Reese’s Puffs ทำกล่อง Cereal ให้เป็นที่ทำเพลงด้วย AR

ในบทความก่อนหน้าเพลินเคยเขียนถึงการใช้ Technology AR บน Package Design มาแล้วหลายครั้ง วันนี้มีอีกหนึ่ง Case Studies จาก Reese’s Puffs ที่เปลี่ยน Packaging นิ่งๆ ให้เป็นเครื่องมือทำเพลงด้วยเทคโนโลยีเดียวกันนี้ ซึ่งการเปลี่ยนกล่องซีเรียลมาเป็นเครื่องทำเพลงเนี่ยแหละที่น่าสนใจมากสำหรับเพลิน เลยขอหยิบยกเคสนี้มาเขียนเล่าสู่กันฟังค่ะ

หากถามว่าทำไมการเปลี่ยนกล่องมาเป็นเครื่องทำเพลงถึงน่าสนใจ? เพลินก็ต้องบอกเลยว่า เพราะสิ่งที่แบรนด์เค้าทำนั้นบ่งบอกได้เลยว่า เค้าเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของตัวเองมากๆ เพราะในวันนี้เด็กรุ่นใหม่หลายคนหลงใหลในเสียงดนตรีกันมาก โดยเฉพาะในยุคที่มี Platform อย่าง TikTok Remix อะไรต่างๆ นาๆ ทำให้การเป็น DJ เอย การเป็น Music Producer เอย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเภท Content ที่เราพบเจอบน TikTok / Reels หรือแพลตฟอร์มปล่อยเพลงจาก Creators โดยเฉพาะอย่าง Soundcloud ด้วยค่ะ

Reese's Puffs ใช้ AR Tech ทำ Packaging ใหม่เป็นเครื่องดนตรี

สิ่งที่แบรนด์ทำก็คือการดีไซน์กล่อง Cereal ออกเป็น 3 แบบ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นดีไซน์กล่องแบบ Limited Edition ด้วย เพื่อกระตุ้นยอดขายเพิ่มเข้าไปอีกว่า ‘หมดแล้วหมดเลยนะ!’ แล้วทั้ง 3 กล่องนี้ก็ทำหน้าที่เป็นเครื่องดนตรี 3 อย่างแตกต่างกัน นั่นก็คือ กล่องซีเรียลรส Crunchy เป็นกลอง / กล่องซีเรียลรส Creamy เป็นคีย์บอร์ด / และกล่องซีเรียลรส Chocolate เป็นเบสค่ะ

การดีไซน์กล่อง Cereal ก็จะทำออกมาในรูปแบบของช่องตารางดีย์โน้ตต่างๆ โดยสิ่งที่ผู้บริโภคต้องทำกับกล่อง Cereal ก็ง่ายมาก แค่หันหลังกล่อง เสร็จแล้วเปิดถุงซีเรียลออกมา แล้วเอาเจ้าเม็ด Puffs ข้างในมาวางตามตารางคีย์โน้ตเหล่านั้น แล้วเอามือถือเปิดเข้าเว็บ Microsite ที่แบรนด์เค้าสร้างรองรับ AR ไว้แล้วจ่อไปที่ตารางคีย์หลังกล่อง Reese’s Puffs ก็จะเกิดเสียงตามการวางขนมบนช่องต่างๆ ค่ะ อ่านถึงตรงนี้หากให้ยังคิดภาพตามไม่ออก สามารถคลิกตรงนี้เพื่อดูคลิปเพิ่มเติมได้เลย

และแน่นอนว่าเพราะแต่ละกล่องทำหน้าที่ของเครื่องดนตรีที่ต่างกัน ดังนั้นการซื้อให้ครบ 3 รสชาติหรือครบ 3 แบบย่อมทำให้ผู้บริโภคเจนใหม่ สร้างสรรค์เพลงได้แบบมีมิติ มี Layer ผสมผสานกันได้ไพเราะเป็น Full Track มากขึ้น ที่สำคัญคือเพลงที่ทำบนแพลตฟอร์มเว็บ Microsite ของแบรนด์นั้นยังสามารถแชร์ออกมาได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือง่ายๆ ที่เปิดโลกให้เด็กรุ่นใหม่สามารถค้นหาตัวเอง หรือได้ทำอะไรใหม่ๆ สนุกๆ ได้เลยละค่ะ

นอกเหนือจากนี้ แบรนด์ Reese’s Puffs เองยังมีแผนในการปล่อยแพลตฟอร์มใหม่อย่าง RP-PRO ที่จะมาเป็นแพลตฟอร์มระดับโปรสำหรับเหล่าโปรดิวเซอร์เพลงทั้งหลายด้วย ได้ยินแบบนี้ก็แปลได้เลยว่าแบรนด์คงมีการหมายมั่นปั้นมือที่จะเดินไปในทางของเสียงเพลงแล้ว ด้วยความที่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กรุ่นใหม่นั้น ต่างก็หลงใหลในดนตรีกัน โดยเฉพาะกลุ่ม Genres ดนตรีอย่าง Hip-Hop และ Electronic ค่ะ

เอาเข้าจริงการทำเพลงในบ้านเราอาจจะดูเหมือนไม่บูม แต่จริงๆ แล้วมีกลุ่มที่หลงใหลในการทำเพลงอยู่จำนวนนึงเลยนะคะ พูดไปแล้วก็ทำให้เพลินคิดถึง TikTok Account ที่ชื่อว่า BOTCASH มีผลงานการ Remix เพลงขึ้นชื่ออย่างเพลง Lisa อย่าแซวผมหน้าม้าหนู หรือจะเป็นครูมัดซีล่าสุดนี้ก็ด้วย จนตอนนี้กวาดลูกค้าไปมากมายแล้ว สิ่งที่เค้าทำก็คือการเอาเสียงคำพูดหรือประโยค วลีเด็ดของคนดัง หรือคนที่กำลังเป็นกระแสมาตัด Remix ออกมาเป็น Layers แล้วใส่ Beat ดนตรีเข้าไป จนเกิดเป็นเพลงใหม่ ที่ทำเอาใครหลายคนใช้เสียง Audio ของเค้าเพื่อเต้น Lip Sync และอีกมากมายเลย

@botcashofficial

ตามคำขอ ! ทำเพลงจากเสียง ลิซ่า Blackpink ! อย่าแซวหน้าม้าหนู น่าร้ากกก ☺ #botcash #tiktokuni #ดนตรีในหัวใจ คนทำเพลง #lisablackpink

♬ อย่าแซวผมหน้าม้าหนู – BOTCASH

ทั้งหมดนี้ก็คือการเปลี่ยนกล่อง Packaging ธรรมดาๆ จากที่คนไม่เคยสนใจ หรือสนใจเล็กน้อยเท่านั้น ให้มี Engagement จากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น กล่องมีคุณค่าอยากเก็บ อยากซื้อให้ครบทั้ง 3 รสชาติด้วย ทำให้คนได้ลองชิมรสชาติที่ตัวเองไม่เคยลองมาก่อนอีก แถมยังเป็นอีกวิธีในการสร้างหรือรักษา Brand-Customer Relationship ในช่วงสถานการณ์ไวรัสแพร่ระบาดได้อย่างดีด้วย เพราะมันถือว่าแบรนด์ก็ได้มอบประสบการณ์เก๋ๆ สนุกๆ โดยไม่ต้องจัด Event หรือ Pop-up Store อะไรให้มากความเลยค่ะ อีกหนึ่งข้อดีก็คือ ด้วยความที่แพลตฟอร์มที่แบรนด์ใช้นั้นเป็น Web-based ไม่ใช่ App-based ก็ยิ่งเข้าถึงคนได้ง่ายกว่าเดิมด้วย

สุดท้ายนี้หากแบรนด์ไหนคิดอยากทำ Activation อะไรบางอย่างกับลูกค้าตัวเองเหมือนกัน ก็อย่าลืมเริ่มจากการเข้าใจว่าลูกค้าของเราคือใคร? แล้วเค้าชอบอะไร? แล้ว Purpose ของแบรนด์สำหรับลูกค้าที่เราว่าคืออะไร? จะได้เลือกทำ Activation ได้ตรงเป้าหมายและไปในทิศทางเดียวกันค่ะ หรือจะลองดู Case Studies อื่นๆ ที่เพลินเคยเขียนไว้แล้วก่อนหน้านี้เพิ่มเติมต่อก็ได้ค่ะ รับรองว่าเพิ่มไอเดียให้แน่นอน

Reference: AdWeek

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน