Sprite เปลี่ยน QR Code ข้างขวดเป็นตั๋วเข้า Hip-Hop Concert

Sprite เปลี่ยน QR Code ข้างขวดเป็นตั๋วเข้า Hip-Hop Concert

ตั้งแต่เริ่มมีกระแสการใช้งาน QR Code หลายปีที่ผ่านๆ มานี้ ก็มีหลายแบรนด์มากที่เริ่มเปลี่ยน Label ตรง Package สินค้าให้กลายเป็น QR Code เพื่อหวังว่าให้ลูกค้าแสกนและเข้ามาทำ Action บ้างอย่างร่วมกัน แต่คำถามก็มักเกิดขึ้นเสมอว่าแล้วลูกค้าจะแสกนกันจริงๆ ไหม? หรือว่าทำไปงั้นๆ ก็พอให้รู้ว่าเราก็มีนะ? วันนี้เพลินจะมาแชร์ตัวอย่างการใช้ QR Code ในฉลากสินค้าเก๋ๆ เพื่อตอกย้ำ Culture ของแบรนด์น้ำอัดลมชื่อดังอย่าง Sprite ให้ฟังกันค่ะ

หลายคนอาจจะรู้และก็อาจจะมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่า Sprite เนี่ยเค้ามี Culture ด้าน Hip-Hop ในต่างประเทศมานานหลายสิบปีแล้ว ทำให้จุดยืนของน้ำอัดลมยี่ห้อนี้ไม่เหมือนน้ำอัดลมยี่ห้ออื่นๆ แม้ในประเทศไทยบ้านเราจะไม่ได้ชูจุดเด่นด้านวัฒนธรรมแบรนด์นี้มากนัก เพราะบ้านเราที่ผ่านมาความเป็น Hip-Hop ไม่ใช่พื้นเพหลัก แต่จริงๆ แล้วต่างประเทศความเป็น Sprite นั้นเท่ากับความเป็น Hip-Hop เลยล่ะค่ะ

และเพราะ Culture ความเป็น Hip-Hop ที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1986 ทำให้สไปรท์นั้นเชิญชูการทำเพลง เปิดคอนเสิร์ตมาโดยตลอด แต่เพราะช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์โรคระบาดอย่างโควิดขึ้น ทำให้การรวบตัวกันเพื่อ Maintain วัฒนธรรมนี้เป็นไปได้ยาก และถึงแม้ปี 2021 ที่ผ่านมา หลายประเทศเริ่มจะมีการฉีดแวคซีนและเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปกติแล้วก็ตาม แต่สไปรท์ก็ต้องยอมรับว่า จำนวนคนที่มาร่วม Offline Concert นั้นไม่เยอะเหมือนก่อน เพราะยังมีคนที่กังวลเรื่องโรคระบาดอยู่มากค่ะ

ทั้งนี้สิ่งนึงที่เป็นกระแสในช่วงโรคระบาดที่ผ่านมาก็คือ Party From Home และการทำพวก Virtual Events ต่างๆ เราได้เห็นหลายแบรนด์เริ่มมาสร้างตัวตนบนออนไลน์ จัดงานผ่าน Zoom บ้างอะไรบ้าง ทำให้แบรนด์อย่างสไปรท์เริ่มเห็น Opportunity ตรงนี้ในการหยิบมันมาต่อยอดในการรักษา Relationship ทั้งกับ Consumer และกับวัฒนธรรมที่ตัวเองสั่งสมมาตลอดอย่าง Hip-Hop ด้วย

สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือแคมเปญ ‘LIVE FROM THE LABEL’ ที่เป็น Virtual Concert ขึ้น โดยสไปรท์ก็บอกว่าการจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบนี้นอกจากจะจุคนได้เยอะแล้ว ยังเข้ากระแสพฤติกรรม New Normal ใหม่ๆ ที่ Consumer หลายคนคุ้นชินมาจากช่วงกักตัวด้วย

Sprite เปลี่ยน QR Code ข้างขวดเป็นตั๋วเข้า Hip-Hop Concert

สิ่งที่ Sprite ทำก็เริ่มจากการเปลี่ยน Label ข้างขวดให้กลายเป็น Unique QR Code ที่ไม่ซ้ำกันค่ะ ซึ่งเพลินต้องบอกว่า QR Code ครั้งนี้ไม่เหมือน QR Code ทั่วไปเพราะมันเป็นคิวอาร์โค้ดที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นตั๋วหรือ Concert Ticket นั่นเอง แค่เพียงซื้อสไปรท์ แล้วแสกน ก็สามารถรับชมและเป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตฮิปฮปอปมันๆ ได้แล้ว ยังไม่พอแค่นั้นนะคะ เพราะคิวอาร์โค้ดเนี่ย ยังสามารถเข้าชมรายการย้อนหลังได้ รวมไปถึงการลุ้นรับ Giveaways สินค้าของ Premium บางอย่างจากแบรนด์ได้อีกด้วย

โดยงาน Virtual Hip-Hop Concert ครั้งนี้ก็แบ่งออกเป็น 3 เวทีออนไลน์หลักๆ ค่ะ ซึ่งแบรนด์ก็ฉลาดในการขายเพราะเค้าทำเป็น Unique QR Code ที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้คนต้องซื้อของใครของมันเพื่อเข้าถึงงานคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ซึ่งขวดสไปรท์นั้นก็ต้องเป็นขวดขนาด 20 ออนซ์ที่เปลี่ยนฉลากแล้ว โดยจะเลือกเป็น สไปรท์สูตรออริจินอลหรือจะเลือกดื่มแบบ Zero Sugar ในขนาดดังกล่าวก็ได้ค่ะ

ต้องบอกว่าการใช้ QR Code ช่วงก่อนโควิดนั้น ดูเหมือนจะค่อนข้างไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก แต่พอเข้าสู่ช่วงโรคระบาดเท่านั้น พฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็เริ่มมีการปรับตัวเข้าหาอะไรที่เป็น Contactless มากขึ้น อย่างในไทยบ้านเรา แต่ก่อนไม่รับแสกนจ่ายเงินถือเป็นเรื่องปกติ แต่ลองมาดูตอนนี้ ร้านไหนไม่รับแสกนจ่ายซิแปลก ซึ่งการใช้ Unique QR Code ของสไปรท์ก็เท่ากับว่าอย่าน้อยบ้านหลังนึงต้องซื้อสไปรท์แล้วขนาด 20 ออนซ์แล้ว 1 ขวด โดยการทำแบบนี้นอกจากจะเพิ่มยอดขายได้แล้ว ยังเป็นการ Collect Data หรือเก็บข้อมูลลูกค้าได้เองด้วย

โดยแน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็น First Party Data ทั้งสิ้น เพราะลูกค้าเป็นคนกรอกข้อมูลเข้ามาเพื่อรับชมคอนเสิร์ตเองและให้กับแบรนด์โดยตรงไม่ผ่านมือที่ 3 ใดๆ แถมข้อดีอีกอย่างคือ คนที่ให้ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่มีหัวใจ Hip-Hop ที่แชร์ Culture วัฒนธรรมกับแบรนด์จริงๆ ทั้งสิ้น เรียกได้ว่าเป็น Premium Data เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าไม่ชอบฮิปฮอปจริงก็คงจะไม่สนใจแสกนด้วยซ้ำ ก็คงแค่ซื้อไปดื่มแล้วจบๆ กันไปนั่นเองค่ะ

ท้ายที่สุดคือการที่แบรนด์อย่าง Sprite รู้จักปรับตัวไปพร้อมๆ กับพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา แถมยังคงไว้ซึ่งจุดยืน Positioning ด้านฮิปฮอปที่เป็นความต่างจากน้ำอัดลงทั่วไปได้อย่างแข็งเรงด้วย โดยต่อจากนี้แบรนด์ก็ย้ำเสมอว่ามันจะไม่หยุดแค่ที่เพลงฮิปฮอปแล้ว แต่มันจะวัฒนธรรมฮิปฮอปจริงๆ ตั้งแต่เพลง แฟชั่น ดีไซน์ และสินค้าอื่นๆ ด้วย

เป็นยังไงคะกับ Case Study ของ Sprite เรียกได้ว่าเป็นการใช้ QR Code แบบมี Incentive ดีๆ อย่างนึงให้คนยินยอมและยินดีเพื่อแสกนและกรอกข้อมูลจริงๆ นักการตลาดท่านไหนที่กำลังคิดเรื่องเก็บ Data อาจจะลองใช้ QR Code ที่ตัวสินค้าช่วย แต่ Tactics ในการ Drive คนให้แสกนนั้นอาจจะต้องปรับไปให้ตรงกับแบรนด์มากขึ้นดูด้วยนะคะ จำไว้ว่า ‘แสกนแล้วได้อะไร’ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราในฐานะนักการตลาดต้องตอบให้กระจ่างค่ะ Cheers!

Reference: https://www.coca-colacompany.com/news/sprite-live-from-the-label

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่