15 ไอเดียทำ Fashion Marketing ที่นำมาปรับใช้ได้จริง

15 ไอเดียทำ Fashion Marketing  ที่นำมาปรับใช้ได้จริง

แฟชั่นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อย่างแบรนด์ที่ดังเมื่อวานนี้ วันนี้อาจหายไปแล้ว หรืออยู่ดีๆแบรนด์เก่าๆ กลับขึ้นมาอยู่ในกระแสใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ดังนี้เราต้องตามมันให้ทัน วันนี้ปลื้มมีเคสที่เป็น Fashion Marketing กว่า 15 แบรนด์ดังมาเล่าให้ทุกคนฟัง ซึ่งนักการตลาดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง อีกทั้งสามารถสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มเป้าหมายให้มองมาที่แบรนด์ของเราไม่มากก็น้อย

ในปัจจุบันตลาดแฟชั่น ค่อนข้างกว้างมากๆ มีทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่เต็มไปหมด มีตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงระดับ high-end และ luxurious ซึ่งธุรกิจสายแฟชั่นต้องแข่งขันกับด้านไลฟ์สไตล์และนำเทรนด์อยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกันทางตัวแบรนด์ก็ต้องรักษาความเป็น Identity ไว้ เพราะจะส่งผลต่อการเลือกสินค้าของผู้บริโภค อย่างบางคนชอบแฟชั่นแนวสตรีท วินเทจ สายฝอ หรือสายเกา ก็จะทำให้ผู้บริโภคเลือกสินค้าตามสไตล์ที่เข้ากับเขานั่นเองค่ะ แล้วเราจะทำอย่างไรให้แบรนด์ของเราดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อได้ง่ายขึ้น ลองมาดูแบรนด์ดังๆกันดีกว่าค่ะ ว่าเขาทำการตลาดแบบไหนกัน

 1. แบรนด์ Allbirds กับการใช้ Technology AR

เมื่อจะซื้อสินค้าบนออนไลน์ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า สินค้านั้นเข้ากับเราหรือไม่ เพราะบางทีปลื้มสั่งมาแล้วคือเฟลเยอะมาก เห็นนางแบบในภาพโฆษณาใส่แล้วสวย ก็คิดว่าตัวเองใส่แล้วจะเป็นแบบนั้น ที่ไหนได้ใส่แล้วพังค่ะ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ Allbirds ได้สร้าง Solution ในการลองสวมรองเท้าแบบไม่ต้องไปหน้าร้าน ซึ่งจะให้เราได้ทดลองจากการเลือกรุ่นรองเท้า เลือกสี หรือแม้เเต่การเลือก Carbon Credit หรือการเสริมแผ่นคาร์บอนที่เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับรองเท้าวิ่ง เหมือนเราได้ดีไซน์รองเท้าของเราเอง ทำให้กล้าตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าบนออนไลน์มากขึ้น เป็นการทดลองก่อนซื้อมาใช้จริง ซึ่งการโฆษณาของ Allbirds ในครั้งนี้ยังเพิ่มช่วยการดาวน์โหลดแอปฯ ของเขาอีกด้วย

เพราะฉะนั้นแบรนด์แฟชั่นไหนที่อ่านเคสนี้แล้ว รู้สึกว่าตัวเองก็มีปัญหาเรื่องการลองสินค้าผ่านการ Shopping ออนไลน์ ก็อย่าลืมลองพิจารณาทำแอปเจ๋งๆ แบบนี้ดูบ้างหรือจะลองอ่านกรณีศึกษาของแบรนด์เครื่องสำอางไทยอย่าง SRICHAND ดูได้เลยนะคะ

2. แบรนด์ Warby Parker กับการใช้ Technology AR

Warby Parker เป็นแบรนด์แว่นตา ที่เขาใช้เทคโนโลยี AR เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้ลองก่อนสั่งซื้อ โดยการสร้างประสบการณ์ทดลองส่วมใส่แว่นก่อนซื้อเสมือนจริงบนแอปฯ อีกทั้งได้โปรโมทบนช่องทางทีวี เพื่อให้คนรับรู้เกี่ยวกับแอปฯ แล้วโหลดมาใช้นั่นเอง ซึ่งเป็น Solution คล้ายกับแบรนด์ Allbirds ที่ได้ยกตัวอย่างไปด้านบนค่ะ

3. แบรนด์ Patagonia กับแคมเปญ CSR

ไอเดียทำ Fashion Marketing จาก 15 แบรนด์ดัง ที่นำมาปรับใช้ได้จริง

Patagonia ได้จัดทำแคมเปญ Worn Wear คือการรณรงค์ให้คนหันมาให้ความสำคัญกับการนำเสื้อผ้าเก่าหรือมีการชำรุด กลับมาซ่อมแซมเพื่อสามารถนำกลับมาใช้อีกครั้ง เป็นแคมเปญที่ดีมากๆ ทำให้เห็นคุณค่าของเสื้อผ้าและช่วยยืดอายุการใช้งานเสื้อผ้าอีกด้วย เพราะคนส่วนใหญ่หลายครั้งเสื้อผ้าเก่าหรือเสียหายนิดหน่อย ก็ไม่ใส่อีกแล้ว โดยแบรนด์มีศูนย์ซ่อมหลักอยู่ที่อเมริกาเหนือ และได้นำพนักงานที่มีความสามารถในการซ่อมแซมเสื้อผ้าออกทัวร์ไปซ่อมตามพื้นที่ชนบทต่างๆ เพื่อให้คนในละแวกนั้นสามารถนำเสื้อผ้าที่มีชำรุดมาให้แบรนด์ซ่อมและกลับมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งแคมเปญนี้แบรนด์ที่ตั้งใจตอบแทนชุมชนทั้งยังสอดคล้องกับปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า “ใช้การทำธุรกิจเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ก่อเกิดหนทางการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม” ด้วยค่ะ

4. แบรนด์ Ted Baker กับการทำ Video 360°

Ted Baker ได้ทำ Lookbook หรือหนังสือ Catalog ที่รวมรูปถ่ายคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าเอาไว้ในรูปแบบวิดีโอ 360° Film Experience เพื่อให้ลูกค้าสามารถหมุนดูชุดต่างๆ ที่ส่วมใส่โดยแต่ละตัวละครได้รอบทิศ โดยแคมเปญนี้แบรนด์ใช้ Hashtag ล้อมาจากชื่อแบรนด์ว่า #MeetTheBakers 

ภายใน Video จะประกอบไปด้วยฉากสั้น ๆ ของครอบครัวใหม่ในเมือง Bakers ในหลายๆ มุม เช่น มุมบ้าน มุมสวน ฯลฯ ซึ่งหลังจากนั้นแบรนด์ก็ได้มีการปล่อยวิดีโอนี้บน Instagram Stories และ YouTube  ด้วย อ่านมาถึงตรงนี้หากนักการตลาดท่านใดไม่เห็นภาพ สามารถชม Video ก่อนได้ ปลื้มเองก็ได้ชมและลองหมุนวิดีโอบน YouTube มาแล้ว หมุนใช้ 360° จริงค่ะ ทำให้เราเห็นภาพได้กว้างขึ้น ดูมีมิติที่ต่างแตกจากรูปภาพธรรมดา เชื่อว่าสามารถดึงความสนใจให้คนเข้ามาดูและสามารถสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคซื้อไอเท็มที่ตัวละครนั้นใส่กันอีกด้วย

 5. แบรนด์ DKNY กับการสนับสนุน Social Campaign

DKNY ใช้ประโยชน์จากพลังของ Hashtag ในแคมเปญ #DKNYStateofMind ซึ่งแฮชแท็กดังกล่าวกลายเป็นที่นิยมในหมู่ Influencers / Bloggers และ Content Creators นอกจากนั้นแบรนด์ยังได้ใช้ข้อความที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยเน้นตัวอักษร D / K / N และ Y เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของแบรนด์ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “The power of speech” โดยข้อความเหล่านี้จะอยู่บนเเสื้อฮู้ด unisex ของแบรนด์ DKNY รุ่น Limited-edition ซึ่งเป็นการออกมาขับเคลื่อนให้เห็นถึงพลังของคำพูด เพื่อสร้างให้เกิดความเชื่อและขับเคลื่อนพฤติกรรมของผู้คน 

นอกจากนี้ การสร้างจุดยืนของแบรนด์ผ่านการสนับสนุน Social Campaign จากกระแสการเรียกร้องในประเด็นต่างๆ อย่างเช่น สิทธิมนุษยชน ปัญหาด้านสังคม การเมือง และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสำหรับนักการตลาดที่อยากศึกษาเพิ่มเติม แนะนำว่าจะต้องสะท้อนจริงใจต่อสังคมและไม่ส่งผลเสียต่อแบรนด์ของตัวเองเด็ดขาดนะคะ

6. แบรนด์ Everlane กับการตอบสนองเรื่อง Recycle ลดพลาสติก

Everlane ได้ออกมาโปรโมทสินค้าใหม่ที่เป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดพลาสติดโดยการใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิลในการเอามาทำจั๊มสูท และใช้ Influencer เข้ามารีวิวสินค้าเพื่อบอกต่อความรู้สึกตอนที่สวมใส่สินค้า ว่ามันใส่สบาย สวมใส่ง่ายและมีความคล่องตัว แถมยังรักษ์โลก นอกจากนี้แบรนด์ได้ใช้ Blogger อย่าง The Golden Girl Blog ที่มีไลฟ์สไตล์การแต่งตัวที่เข้ากับแบรนด์ ในการโปรโมทสินค้าจากเขียนรีวิวการใส่จั๊มสูท โดยเธอถ่ายถึง 3 ลุค และบรรยายถึงการใส่เสื้อผ้าเหล่านั้น ทำให้ช่วยในเรื่อง SEO และยังสร้างลิงก์เข้าไปบนเว็บไซต์ของ Everlane เพื่อซื้อสินค้าได้เลยด้วยค่ะ

7. แบรนด์ Nike กับการสร้าง Branding

สำหรับ Nike ได้ใช้กลยุทธ์ในการสร้าง Branding ตั้งแต่ สโลแกน “Just Do It” ในปี 1988 ที่ทำให้แบรนด์ Nike เป็น Nike ถึงทุกวันนี้ มาจนถึงตอนนี้ จะเห็นว่าการทำการตลาดของ Nike ไม่ได้เน้นขายของหรือสินค้าในการสื่อสาร แต่กลับใช้คนมาพูดคำคมหรือวลีสั้นๆ เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ และสามารถโน้มน้าวให้ผู้บริโภคซื้อและสวมใส่สินค้าได้อีกด้วย เห็นแบบนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องโชว์สินค้าก็สามารถสร้าง Impact ได้จริงๆค่ะ

นักการตลาดท่านใดอ่านแล้ว อย่ามัวแต่ขายของนะคะ อย่าลืมสร้าง Branding ให้กับแบรนด์ของตัวเองด้วย เพราะเมื่อไรที่คนเริ่ม Accept แบรนด์ของเรา ไม่ว่าจะขายอะไร คนก็ต้องติดตาม อยากซื้อแน่นอน ส่วนใครที่อยากศึกการการตลาดเชิง Branding เพิ่ม Click ตรงนี้ได้เลยค่ะ

8. แบรนด์ Lululemon กับการทำแคมเปญ Influencer เหนียวแน่น

Lululemon เป็นแบรนด์ชุดออกกำลังกายแบรนด์หนึ่ง ที่ทำแคมเปญเพื่อสร้าง Community  โดยใช้ Influencer marketing ผ่านการสมัครเข้าโครงการ Ambassador Program ซึ่งโครงการนี้จัดให้คนที่กำลังจะลดน้ำหนักให้หันมาออกกำลังกายจากการสนับสนุนอุปกรณ์พร้อมทั้งชุดจากแบรนด์ Lululemon เพื่อแลกกับการประชาสัมพันธ์ให้กับแบรนด์ นั่นเองค่ะ และก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการใช้ประโยชน์จากการตลาดที่สร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้ดูเป็นมิตรและเข้าถึงง่ายค่ะ

จริงๆ เรื่องนี้เป็น Tactics ที่การทำ Influencer Marketing ที่ปลื้มเห็นว่าดีมากๆ เพราะมันไม่ใช่แค่การส่งสินค้าไปให้รีวิวเฉยๆ แต่เป็นการคัดเลือก Ambassador จากคนที่มี Passion ความชอบแบบเดียวกันกับแบรนด์ที่แท้จริง ดังนั้นนักการตลาดที่สนใจ Case นี้ ลองนำไอเดียไปปรับใช้ เพื่อลดความฉาบฉวยของการใช้ Blogger แบบหว่านดูนะคะ 

9. แบรนด์ Boden กับการขายชุดว่ายน้ำก่อนถึงหน้าร้อน

Boden ใช้ Carousels Ads บน Facebook ซึ่งเหมาะมากกับ Fashion Marketing เพราะคนสามารถเลื่อนดูสินค้าได้เรื่อยๆ จนกว่าจะเจอสินค้าที่ถูกใจในโพสต์เดียว ทำให้คนมี Engagement ในการรับชมนานกว่าปกติ สำหรับโฆษณาที่เห็นนี้จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิระหว่างที่อากาศกำลังเย็นสบาย โดยภาพที่แบรนด์ใช้จะเน้นคนใส่ชุดว่ายน้ำและภาพชายหาด เพื่อให้ผู้คนเริ่มฝันถึงวันหยุดในฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง และกระตุ้นให้คนรีบวางแผนที่จะเที่ยวชายหาดเมื่อหน้าร้อนมาถึง อีกทั้งยังแจกส่วนลดเพื่อสามารถสร้างแรงจูงใจ ให้สายท่องเที่ยวรีบคลิกเข้ามาช้อปกันเลยทีเดียวค่ะ

10. แบรนด์ Threadless กับการทำ Collaboration 

Threadless แบรนด์เสื้อยืด ที่ออกแบบด้วยกราฟิกออนไลน์ ได้โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับศิลปินอิสระในการออกแบบสินค้าที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์โดยใช้คนเบื้องหลังที่สร้างสรรค์ผลงานบนเสื้อผ้าได้มาพรีเซนต์ความน่าสนใจของสิ่งที่เขาทำ ทั้งนี้แบรนด์ก็แสดงให้เห็นว่างานออกแบบบนเสื้อผ้าแต่ละชิ้นมาจากไอเดียของศิลปินอิสระ ทำให้ยอดขายไม่ได้มาจากความสวยงามของสินค้าเพียงอย่างเดียวแต่อาจจะได้แฟนคลับของศิลปินมาสนับสนุนเพิ่มอีกด้วย

11.แบรนด์ Levi’s กับแคมเปญ CSR ลดการใช้น้ำ

Levi’s ได้จัดทำแคมเปญเกี่ยวกับมาตรการประหยัดน้ำ (How Levi’s® is Saving Water) เพราะเขามองว่าอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายมีผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมและแบรนด์อยากมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับวิกฤตน้ำขาดแคลนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยใช้นวัตกรรมที่เรียกว่า Water <Less ™ ของแบรนด์ จากการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งสามารถลดน้ำได้ถึง 96% ซึ่งแบรนด์ประหยัดน้ำได้มากกว่า 3 พันล้านลิตรและรีไซเคิลน้ำได้มากกว่า 1.5 พันล้านลิตร และเขาแชร์เรื่องราวนี้บนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นแบรนด์รักษ์โลกขึ้นมาทันที ทำให้ผู้บริโภคพร้อมสนับสนุนยีนส์ของเขากันอย่างเต็มที่

12.แบรนด์ Kotn กับการมี Brand Purpose ที่ชัดเจน

Kotn เป็นแบรนด์ผ้าฝ้ายอียิปต์ ที่เรียบง่ายและสวยงามจากเส้นใยธรรมชาติที่ดีที่สุด โดยทุกการซื้อของผู้บริโภคส่วนหนึ่งจะนำไปมอบให้กับโรงเรียน 7 แห่งในพื้นที่ชนบทของอียิปต์ ซึ่งแบรนด์ได้เห็นถึงความสำคัญของคุณภาพชีวิตเด็กครึ่งล้านคนที่ไม่ได้รับการศึกษา เพราะนั่นคือชีวิตของลูกหลานชาวไร่ฝ้ายที่ทำงานให้กับแบรนด์  จากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ทำให้ได้รับความสนใจ ที่เกี่ยวกับจริยธรรมของบริษัทที่ได้ช่วยเหลือสังคม ทำให้แบรนด์ได้นำความคิดเห็นเหล่านั้น มาใช้ในการสร้างโพสต์ โฆษณาขายของพร้อมกับลิงก์ไปยังร้านค้า เป็นที่ใช้ประโยชน์จากการตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) ได้ดีทีเดียวค่ะ

13.แบรนด์ Atlas Supply กับการใช้ประโยชน์ แบบ 2-ways-communication

การทำให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับแบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดแฟชั่น โดย Atlas Supply ได้โพสต์ Instagram ที่แบรนด์ขอให้ Followers ช่วยตั้งชื่อสินค้าของเขา เพื่อแลกกับกระเป๋าฟรี ซึ่งเป็นการหาวิธีให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การออกแบบ ผลิต ไปจนถึงการขาย ทำให้แบรนด์ได้ Data จากลูกค้าที่เข้ามาร่วมกิจกรรม และสร้าง engagement บนโพสต์ใน IG ได้อีกด้วย 

บอกเลยว่าเคสนี้อ่านแล้วทำตามได้ง่ายมาก อยากให้นักการตลาดลองเปิดใจฟังเสียงของลูกค้าหรือคนที่ติดตามเราในสื่อโซเชียลดูบ้าง นอกจากจะได้ Engagement แล้ว ยังเป็นการใช้ Platform โซเชียลให้เป็นประโยชน์ แบบ 2-ways-communication มากกว่าที่แบรนด์เอาแต่พูดข้างเดียวค่ะ 

14. แบรนด์ Tommy Hilfiger กับการใช้ Technology 3D

Tommy Hilfiger ประกาศว่าแบรนด์ของเขาจะออกแบบเครื่องแต่งกายเป็น 3 มิติ 100% ในคอลเลกชั่น Spring 2022 นี้ จะเป็นการทำการตลาดในรูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ถ่ายภาพสินค้าแบบเดิมๆ อีกต่อไป โดยสินค้า Collection นี้แบรนด์จะใช้ทีมออกแบบระดับโลกจากสำนักงานใหญ่ในอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อเพิ่มความโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีให้มากขึ้น และนำไปสู่โอกาสทางดิจิทัล ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นต้องร้องว้าว และอยากจับตามองรอวันเปิดตัวสินค้า 3D ของ Tommy Hilfiger ว่าจะเกินคาดขนาดไหน

15. แบรนด์ ThredUP กับการสร้าง Content Hub บน YouTube

และแบรนด์สุดท้ายอย่าง ThredUP เขาได้รวมข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์ไว้ในช่อง YouTube ซึ่งเป็นการสร้าง Engagement จากยอด View ที่ดีมากๆ เลยนะคะ เพราะคนมักหาดูวิธีการแต่งตัวให้เข้ากับตัวเองอยู่เสมอ แล้วอาจจะทำให้เกิดแรงจูงใจที่ทำให้อยากจะลองซื้อมาใส่ อีกทั้งใต้คลิปวิดีโอ ยังแจกโค้ดส่วนลดพร้อมลิงค์เข้าไปสู้ร้านค้า ที่ทำให้คนดูสามารถ Shop และ Add to Cart ได้ในทันทีเลยค่ะ

จากตัวอย่างที่กล่าวมา Fashion Marketing มีความหลากหลายไปตามสไตล์ของของแต่ละแบรนด์อย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่การแก้ปัญหา Solution ของแบรนด์ การทำแคมเปญ CSR การใช้ Influencer หรือ แม้แต่การพัฒนาเทคโนโลยี ก็สามารถสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งต้องเข้าใจ Insight ของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อพัฒนาแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้นไป จากทั้งหมด 15 แบรนด์ดัง ปลื้มเชื่อว่ามีไอเดียของแต่ละแบรนด์ที่เป็น Inspire ให้กับนักการตลาดบ้างแน่ๆ ต้องบอกเลยว่าตัวอย่างเหล่านี้สามารถนำไปนำไปใช้ได้จริงไม่มีผิดหวังแน่นอนค่ะ 

สำหรับใครที่อยากดูไอเดียดีๆเกี่ยวกับการตลาด ฝากติดตาม เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ

Source :  https://neilpatel.com/blog/fashion-marketing/

Yoswimol

🎡PLEUM | Data Research Executive ในเครือการตลาดวันละตอน | สนใจเรื่องการตลาด ชอบดูการแข่งขันทางการตลาด และเป็นทาสตลาด... ทุกบทความตั้งใจเขียนมาก ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ มันเป็นกำลังใจที่ทำให้อยากเขียนต่อไปเลย☺️

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่