Netflix ร่วมกับ Twitter / Spotify และ Swiggy แนะนำหนังตาม Mood

Netflix ร่วมกับ Twitter / Spotify และ Swiggy แนะนำหนังตาม Mood

การมีบัญชี Netflix ที่มีหนังให้เลือกมากมายนั้นมัน Wow จริงๆ แต่ก็มีหลายคนที่เสียเวลาไปกับการเลือกหนังเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะได้ดูจริงๆ หากเทียบกันแล้วเวลาที่เสียไปกับการเลือกหนังนั้นนานยิ่งกว่า ล่าสุด Netflix India เค้าเลยทำโปรเจค Personalization เพื่อ แนะนำหนังตาม Mood ของเจ้าของบัญชีออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นได้จากการจับมือร่วมกันกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Twitter / Spotify และ Swiggy ที่เป็นแพลตฟอร์มสั่งอาหารในอินเดียค่ะ

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นจากปัญหาที่ว่า ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อจากโรคระบาดโควิดสูงมากๆ หลายองค์กรก็พยายามจะชักชวนให้ชาวอินเดียที่อยู่บ้านได้ ก็ช่วยกันเลี่ยงการออกจากบ้านกันซักนิด ซึ่งพอการกักตัวเริ่มขึ้น ชาวอินเดียที่อดทนอยู่บ้านจะทำอะไรได้อีก นอกเสียจากการดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล และสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มตัวกลางที่เป็น Delivery service พอแบรนด์หนังอย่าง Netflix เห็นโอกาสเข้าเลยชวนแบรนด์อื่นๆ มาร่วมกัน Join API เป็นโปรเจค Netflix Matchmaker ค่ะ

Netflix Matchmaker ก็ค่อนข้างตรงตัว นั่นก็คือการจับคู่ หาคู่หนังในเน็ตฟลิกซ์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้หนังและซีรี่ส์ที่แนะนำในแพลตฟอร์มตรงใจ ตรงอารมณ์ของเจ้าของบัญชีมากยิ่งขึ้น จะได้ไม่เกิดอาการเบื่อ ผลีผลามอยากออกจากบ้าน พาลทำให้เหตุการณ์โรคระบาดมันแย่ขึ้นไปกว่าเดิมอีกนั่นเองค่ะ 

ซึ่ง Personalization tactics ในครั้งนี้ของ Netflix จะไม่ใด้อิงมาจากแค่หนังเรื่องก่อนหน้าที่คุณดู หรือหนังที่คุณอาจจะชอบแล้ว แต่เป็นการทำระบบแนะนำหนังหรือซีรี่ส์ตามอารมณ์หรือ Mood โดยอาศัยการพึ่งพาฐาน Data API จากแพลตฟอร์มที่ร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คุณบ่นบนโซเชียลอย่าง Twitter / สิ่งที่คุณสั่งทานในแต่ละมื้อผ่านแอปสั่งอาหารอย่าง Swiggy / และที่ขาดไม่ได้เลยกับแพลตฟอร์มที่ทำงานด้วยอารมณ์อยู่แล้วอย่างแพลตฟอร์มฟังเพลง Spotify ค่ะ

Netflix แนะนำหนังตาม Mood ของอาหารที่คนสั่งผ่านแอป Swiggy

ตัวอย่างการทำงานกับแอปสั่งอาหาร Swiggy ก็คือ การที่เค้าเชื่อมเมนูอาหารเข้ากับ Mood เพื่อให้คนสามารถสั่งเมนูนั่นๆ มาทานระหว่างดูหนังไปได้ด้วย เช่น List เมนูอย่าง ‘Burgers for Blockbusters’ หรือเบอร์เกอร์กับหนังทำเงิน หรือถ้ามีลูกค้าคนไหนสั่งอาหารอินเดียอย่าง ‘Butter Chicken’ ระบบของ Netflix ก็จะแนะนำหนังอินเดียอย่าง Ginny Weds Sunny ที่เป็นหนังเกี่ยวกับหนุ่มโสดมีฝันอยากปิดร้านอาหารกับการจับแต่งงานคลุมถุงชนขึ้นมา ให้คนกินไปดูไปได้ค่ะ

Netflix Matchmaker แนะนำหนังตาม Mood กับ Spotify

ส่วนของ Spotify ก็แน่นอนอยู่แล้ว เพราะหลายคนฟังเพลงตามอารมณ์ อย่างมู้ดไปเที่ยวทะเลก็อย่างนึง มู้ดขับรถก็อย่างนึง ตอนอกหักก็ฟังเพลงลิสนี้ ตอนอินเลิฟก็เปลี่ยนลิสไปเรื่อยๆ ดังนั้น Database จากฝั่งของการเชื่อมต่อระหว่าง Netflix และ Spotify นั้นจึงค่อนข้างตรงกว่าที่ไหนๆ

แนะนำหนังตาม Mood ของ Netflix กับ Twitter

ต่อมาการทำงานระหว่าง Netflix กับ Twitter ก็คือการใช้ระบบ Hashtags บนทวิตเตอร์ช่วย โดยแบรนด์บอกให้คนติด Hashtag อย่าง #NetflixMatchMaker และแท็กเมนชั่น @NetflixIndia เพื่อที่จะให้แบรนด์เข้าถึงอารมณ์ของคนทวีต ทั้งนี้เค้าก็มีการวิเคราะห์รูปแบบประโยคและ Emoji ออกมาให้เป็นอารมณ์ โดยแบรนด์ก็ได้ทำการ Match พวก Emoji มากกว่า 862 ตัวเข้ากับ Titles หรือชื่อหนังของ Netflix ทำให้การทวีตหนึ่งครั้งคุณจะเจอ Recommendation ตามมู้ดหรืออารมณ์หนึ่งอย่างค่ะ

จากแคมเปญนี้ Netflix พบว่ามียอดดาวน์โหลดของแอปในอินเดียเพิ่มขึ้น 7% ที่สำคัญคือยอดผู้ใช้งานแบบ Active Users ก็สูงขึ้นกว่า 3 เท่า นอกจากนี้ Netflix เพื่อ แนะนำหนังตาม Mood หรืออารมณ์ Netflix ยังแนะนำไปแล้วกว่า 85,000 ครั้งผ่านระบบของ Twitter / มียอดวิว 500,000 ครั้งบนแอป Swiggy และ / 200,000 ครั้งผ่าน Spotify ด้วยค่ะ

จะเห็นได้ว่าการ Collaboration ระหว่างแบรนด์ทั้งหลายในครั้งนี้เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ หลายบริษัทมักห่วง Data ของตัวเอง ทำให้ไม่อยากร่วมมือกับใครอื่น แต่หารู้ไม่ว่าการประกอบข้อมูลหลายๆ ส่วนเข้าด้วยกันนั้น ย่อมทำให้เราเข้าใจลูกค้าในหลายมุมมองมากกว่า ดังนั้นแบรนด์ก็จะ Offer หรือเสิร์ฟอะไรที่ตรงใจได้มากขึ้นด้วย อย่างพฤติกรรมกินไปดู TV หรือ Series ไป มีใครเริ่มใช้Insight ตรงนี้แล้วหรือยัง? ตรงนี้เพลินขอบอกเลยว่าเป็น Opportunity นี้ล้วนๆ 

แบรนด์ไหนที่สนใจเรื่องของ Personalization หรือการทำ Contextual Marketing ก็อย่าลืมศึกษาเรื่องนี้เพิ่มนะคะ เชื่อว่าการใช้ Customer-Centric หรือตาม Mood ของลูกค้าไป ยังไงก็ต้องปังกว่าแบรนด์อื่นๆ แน่ๆ ค่ะ ลองดูนะคะ

Source: https://www.lbbonline.com/news/netflixs-matchmaker-taps-into-indias-viewing-mood

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน