Case Study ‘Nissan’ – ใช้ Social Listening Tools ช่วยลดเวลาประชุมงานที่ยืดเยื้อ

มาดู Case Study การใช้ Social Listening Tools เพื่อช่วยตัดสินใจด้านธุรกิจ จากแบรนด์รถยนต์ระดับโลกอย่าง ‘Nissan’ กันค่ะ เพื่อให้นักการตลาดได้เห็นมุมมองการนำเครื่องมือมาใช้อีกมิติหนึ่ง นอกเหนือจาก Original Content ของการตลาดวันละตอนค่ะ

เมื่อต้นปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง ทาง Conversocial ซึ่งเป็น Social Customer Service Tool และ Synthesio Social Intelligence Tool สำหรับ Social Listening ได้ร่วมกันจัดงาน Social Listening Roadshow ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และได้มีการเผยข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจและกรณีศึกษาสองเคส หนึ่งในนั้นคือเคสของบริษัทรถยนต์ Nissan

เหตุผลที่เลือกเคสของ Nissan มาแชร์ก็เพราะว่าอาจะมีหลายบริษัทที่ใช้เวลาไปกับการประชุมที่ยืดเยื้อเกินความเป็นจริงไปหน่อยค่ะ ทั้งที่จริงเราสามารถให้ Data ช่วยตัดสินใจหลาย ๆ อย่างได้ ซึ่งในบทความนี้จะเน้นไปในทางแนะนำเพื่อให้นักการตลาดสามารถนำไปปรับใช้เท่านั้น มาดูกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง

ก่อนที่จะบุ่มบ่ามเอาเครื่องมือมาใช้ เรามาดูแนวคิดเบื้องต้นเพื่อหาเหตุผลที่แท้จริงกันก่อน โดย Matt Zito หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ Synthesio ได้เริ่มกล่าวถึง Social Media Data ว่าทุกวันนี้ใครก็ตามที่ทำงานด้านการตลาดดิจิทัล ก็จะหนีเรื่อง Data ไม่พ้นแน่นอน คำถามคือ เราจะจัดการกับ Data อย่างไรดี เมื่อถูกโจมตีด้วยข้อมูล แล้วเราจะทำอย่างไรกับมัน?

นี่คือสิ่งที่ Matt เรียกว่า ‘so what moment.’ หรือตอนไหนล่ะที่เราจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกที่เราได้รับจาก Social Media และปั้นให้เป็นกลยุทธ์สำหรับธุรกิจของเราให้ได้

ภายในงานนั้นยังได้มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมจาก Conversocial และ Synthesio เพื่อให้นักการตลาดมองเห็นถึงความจำเป็น และประโยชน์ของการ ใช้ Social Listening เพื่อช่วยในการกวาดรวมทั้งวิเคราะห์ Data เพิ่มเติมดังนี้

93% ของนักการตลาดใช้ social media เพื่อธุรกิจ
50% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีช่องทางติดต่อได้ผ่าน Social Media
56% ของผู้บริโภคชอบที่สามารถเข้าถึง และรู้สึกใกล้ชิดแบรนด์มากขึ้นได้ผ่าน Social Media เช่น Content ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย
31% ของผู้บริโภคกล่าวว่า บรรดาบล็อกรีวิวในอินเทอร์เน็ตมีส่วนอิทธพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า

แบรนด์ฟังสิ่งที่ผู้บริโภคกำลังพูดอยู่หรือไม่?

ทุกวันนี้บางแบรนด์อาจจะยังไม่มีตัวช่วย tracking ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้าพูดถึงแบรนด์ ไม่เคยทราบเลยว่าผู้คนคิดกับสินค้าหรือแบรนด์เรายังไง ดังนั้น Social Listening จะเข้ามาช่วยรวบรวมเสียงของผู้คนเหล่านั้นออกมาเป็น Social Data ถึงเมื่อเรามีตัวช่วยกวาด Data แล้วก็จริง แต่จุดสำคัญคือเราจะนำไปใช้ประโยชน์กับธุรกิจให้มากที่สุดได้อย่างไรมากกว่า

Social Listening Tools — https://ostmarketing.com/using-social-listening-case-studies/

David Parkinson หัวหน้าฝ่ายดิจิทัลที่ดูแลฝั่งแอฟริกา ตะวันออกกลาง และอินเดียของ Nissan ได้ยกตัวอย่างมาแชร์บางส่วนว่า เมื่อ Nissan เปิดตัวรถยนต์รุ่น Datsun ในอินเดีย นิสสันเพิ่งจะใช้เครื่องมือ Social Listening เพื่อรับฟังสิ่งที่ผู้คนพูดถึงรถรุ่นนี้ จนนิสสันพบว่า “people liked the size of the boot but didn’t like the interior” นั่นคือผู้ขับขี่ไม่ได้ชอบการตกแต่งภายใน แต่ชอบท้ายรถที่มีขนาดตามที่ต้องการมากกว่า

ถึงแม้ว่านิสสันจะเปลี่ยนแปลงสินค้า ณ ตอนนี้ไม่ได้แล้ว แต่ก็จะเก็บ Data นี้ไว้สำหรับซีรี่ย์หน้า หรือรุ่นถัดไป และยังเป็นประโยชน์ให้แบรนด์สามารถหันไปมุ่งเน้นการทำการตลาดขนาดของท้ายรถ รวมทั้งได้ Keyword เพื่อนำมาสร้าง Content ให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้นในอนาคตค่ะ

ในภาพจะเห็นว่า Nissan สามารถนำ Measuring sentiment around new product มาช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจได้ ตัวอย่างเช่น Nissan Success ตอบคำถามว่า Why it work ไปจนถึงกำหนด Key Results

และนี่คงทำให้นักการตลาดเห็นภาพออกแล้วว่าเครื่องมือที่ช่วยกวาด Data สามารถทำประโยชน์ทางการตลาดและธุรกิจได้ในทิศทางไหนบ้าง เมื่อเรามีข้อมูลมาโชว์กางที่ประชุมเพื่อตัดสินใจ Keyword ที่นำไปสู่ Tagline ตามสิ่งที่เราจะเน้นขายนั่นก็คือ “ท้ายรถ” ดังนั้นทีมจะสามารถประหยัดเวลาด้าน Business Decisions ได้ไม่มากก็น้อยทีเดียวค่ะ

แล้วแบรนด์ของนักการตลาดล่ะ มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้เวลาหาข้อสรุปทางธุรกิจนานเกินความเป็นจริงบ้างหรือเปล่าคะ? ลองหาตัวช่วยที่ดีอย่าง Data มาช่วยทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้นอีกแรง นุ่นหวังว่าบทสรุปงาน Social Listening Roadshow และ Case Study ที่นุ่นนำมาแชร์ให้นักการตลาดในวันนี้จะสามารถทำให้ได้ไอเดียกลับไปใช้กันนะคะ

และถ้านักการตลาดอยากติดตามอ่าน Case Study อื่น ๆ เพิ่มเติมอีกนุ่นฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจ และติดตามการตลาดวันละตอนเพิ่มเติมได้ที่ Twitter และ Blockdit เพื่อที่จะไม่พลาดบทความใหม่ ๆ นะคะ ^^

Source : https://ostmarketing.com