‘Amazon One’ เก็บ Data รายคน จากการสแกนจ่ายเงินด้วยฝ่ามือ

‘Amazon One’ เก็บ Data รายคน จากการสแกนจ่ายเงินด้วยฝ่ามือ

เปิดตัวแล้ว Amazon One เทคโนโลยีตัวใหม่ที่ผลิตโดยอเมซอน เป็นเครื่องสแกนชำระเงินโดยใช้มือในร้านสะดวกซื้อ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายของคน มีความปลอดภัย และที่สำคัญคือ เก็บ Data ได้ละเอียดเเบบรายบุคคล ดังนั้นเรามารู้จักเทคโนโลยีตัวนี้กันดีกว่า

สำหรับเจ้าตัวเครื่อง Amazon One เป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า Biometric ที่สามารถระบุหรือพิสูจน์ตัวตนได้ โดยการจดจำเป็นลักษณะทางสรีรวิทยา อย่างเช่น เส้นบนลายมือของคน ที่ลักษณะเฉพาะบุคคลจึงมีความน่าเชื่อถือในการยืนยันตัวตนค่อนข้างมาก พร้อมทั้งใช้กล้องที่มีความละเอียดสูงในการตรวจจับความแม่นยำของฝ่ามือ ซึ่งเป็นการสร้าง Solution ที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบาย และ ลดอัตราการสัมผัสที่ก่อให้เกิดโรคได้อีกด้วย

เทคโนโลยี Just Walk Out ร้าน Amazon Go

ก่อนหน้านี้อเมซอนเองก็มีเทคโนโลยี Just Walk Out ที่ใช้ในร้าน Amazon Go โดยเป็นเครื่องชำระเงินที่ลูกค้าสามารถหยิบสินค้าในร้าน และเดินออกไปได้ โดยไม่ต้องใช้พนักงาน ซึ่งวิธีการใช้งานของมันคือลูกค้าต้องดาวน์ โหลดแอปฯ Amazon ในสมาร์ทโฟน และสแกนตรงประตูก่อนเข้าไปเลือกซื้อสินค้า เมื่อเราหยิบของแต่ละชิ้น ระบบคำนวณราคาอัตโนมัติในแอปฯทันที โดยเราสามารถเดินออกจากร้านได้เลย เพราะค่าสินค้าจะถูกตัดจากบัญชีอัตโนมัติ

ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีตัวนี้ล้ำก็จริง แต่ก็มีความยุ่งยาก เพราะต้องติดกล้องและเซนเซอร์หลายร้อยตัว เพื่อดูว่าใครชอปปิงอะไรกันไปบ้าง นอกจากนี้ถึงแม้ว่าเราจะสามารถหยิบสินค้าทุกตัวไปได้เลย แต่ถ้าเราเปลี่ยนใจ ก็ต้องเอาสินค้าไปวางที่เชลฟ์เดิม เพราะระบบจะคิดเงินเราทันที่เลือกหยิบมา ดังนั้นอย่าหยิบให้ใครหรือส่งต่อให้คนอื่นเด็ดขาด เพราะจะถือว่าเราเป็นคนซื้อของชิ้นนั้น และระบบก็จะหักเงินที่เราอัตโนมัตินั่นเอง  

การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้นั้นอาจทำให้เกิดปัญหาคนตกงานตามมาได้ ทำให้บริษัทก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับคนมากขึ้น และปรับการใช้งานให้สะดวกกับทั้งลูกค้าและร้านค้า ด้วยเครื่อง Amazon One ที่เป็นระบบการชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัส และที่สำคัญไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน ‘แคชเชียร์’ จากร้านที่ใช้เจ้าตัวเทคโนโลยีนี้อย่างแน่นอน เพราะระบบยังคงต้องใช้พนักงานในการสแกนรายการสินค้าก่อนที่จะจ่ายเงินเหมือนเดิม ซึ่งมีวิธีการใช้งานทำอย่างไรมาดูกันค่ะ

Amazon One หรือการจ่ายเงินด้วยมือทำงานอย่างไร

สำหรับลูกค้าใหม่ ในครั้งแรกจะต้องลงทะเบียนที่เครื่อง Amazon One ก่อน จากนั้นก็เชื่อมต่อข้อมูลบัตรเครดิต หรือสามารถเลือกใช้บัญชีอเมซอนของลูกค้าที่มีอยู่แล้วก็ได้ ตามด้วยการวางฝ่ามือบนอุปกรณ์เพื่อสแกนยืนยัน โดยใช้เวลาทั้งหมดไม่ถึง 1 นาที เมื่อเสร็จสิ้นการลงทะเบียนก็สามารถใช้ฝ่ามือของเราจ่ายเงินได้ทุกที่ที่มีเครื่องตัวนี้ให้บริการแบบไม่ควักเงินสดหรือบัตรเลยค่ะ สะดวกสุดๆ

ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ในช่วงที่สมาร์ทโฟนมีระบบสแกนนิ้วยุคแรกๆ เราก็ใช้ระบบนี้ในการเข้าสู่ระบบหรือปลดล็อกหน้าจอ เพื่อป้องกันความปลอดภัยของเจ้าของเครื่องเบื้องต้น แต่ตอนนี้้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ ใช้ระบบ Face Scan มากกว่าสแกนนิ้วแล้ว และสามารถสแกนเข้าได้ทุกแอปฯ รวมถึง Mobile Banking ด้วย ดังนั้นระบบ Amazon One ก็ไม่ได้ต่างกัน แถมยังทำให้การซื้อของของเราง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ถ้าผ่านไปสักพักแล้วเราตัดสินใจว่า ‘ไม่ต้องการใช้ Amazon One อีกต่อไป’ ลูกค้าสามารถขอให้บริษัทลบ Biometric ของลูกค้าได้ โดยการยกเลิกการการใช้งานและถอนข้อมูล Biometric ที่เราเคยลงทะเบียนไว้ครั้งแรก จากนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบออกจากระบบทันที

‘Amazon One’ เก็บ Data รายคน จากการสแกนจ่ายเงินด้วยฝ่ามือ

สำหรับเครื่อง Amazon One ดังกล่าวเปิดใช้งานจริงแล้วที่ร้าน Whole Foods สาขา Capitol Hill เป็นครั้งแรก และมีแผนจะขยายไปอีก 7 แห่ง ในเมือง Seattle อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการจ่ายเงิน โดยที่ไม่ต้องหยิบเงินสดหรือบัตรให้ยุ่งยาก

ทำไมนักการตลาดควรสนใจ Amazon One ?

อเมซอนต้องการทำให้ Amazon One เป็นตัวเลือกการชำระเงินในร้านค้าที่เน้นความสะดวกในการซื้อของหน้าร้านให้ใช้งานง่าย มีความรวดเร็ว และสามารถจดจำฝ่ามือของเราได้ในไม่กี่วินาทีโดยไม่จำเป็นต้องแตะต้องหรือสัมผัสอะไรเลย

อีกทั้งยังมีความน่าสนใจตรงที่การเก็บ Data ของระบบ CRM เมื่อเราสแกนลายมือของเรา เท่ากับว่าข้อมูลการซื้อก็จะเป็นของเรา เพราะว่าพ่อแม่หรือใครก็ตามก็ไม่สามารถใช้ร่วมกับเราได้ นอกจากจะไปซื้อของด้วยกัน ดังนั้น Amazon One จึงไม่เหมือนบัตรเมมเบอร์ทั่วไปที่แค่บอกเบอร์โทรก็สามารถใช้ร่วมกันได้ในใบเดียว และเทคโนโลยีตัวนี้จะทำให้ทุกคนต้องลงทะเบียนหรือสมัครกันทั้งครอบครัว ยืมบัตรกันไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งบริษัทก็จะสามารถแยกได้แบบละเอียด โดยจะรู้ทันทีว่า Data นี้เป็นของใคร

นอกจากนี้ Amazon One ยังมีระบบการควบคุมความปลอดภัยหลายชั้น และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยไบโอเมทริกซ์ที่สามารถมองเห็นและละเอียดในการหาจุดที่แตกต่างระหว่างบุคคลได้มากที่สุด จึงมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน โดยภาพฝ่ามือของลูกค้าจะไม่ถูกจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ แต่จะถูกส่งไปยังพื้นที่ที่มีความปลอดภัยสูงของระบบคลาวด์ของลูกค้าจากการเข้ารหัสก่อนนั่นเอง เมื่อเห็นถึงความปลอดภัยลูกค้าทั่วไปก็อยากที่จะใช้มากขึ้น 

จะเป็นอย่างไรหากใช้เทคโนโลยีนี้ในไทย

ในอนาคตหากเทคโนโลยีแบบนี้จะเข้ามาในไทย ปลื้มคิดว่ามันเป็นไปได้ 2 แง่มุม คือในแง่ที่มันเวิร์กมากๆ สำหรับคนที่ปรับตัวเร็ว เพราะสำหรับคนไทยเอง Cashless Society ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจอยู่ตลาดเวลา และทุกวันนี้คนไทยใช้จ่ายผ่านแอปฯ มากขึ้น ส่งผลให้พวกเขาอยากลองใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ๆ หรือกลุ่มคนทำงาน 

และยังมีอีกแง่มุม สำหรับคนที่ไม่พร้อมใช้ หรือคนเป็นห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะคนไทยเริ่มมีความสนใจเรื่อง Privacy มากขึ้นเพราะกลัวเรื่องของความเสี่ยง โดนหลอก หรือเสียเปรียบ อย่างการซื้อของพวกเขาอาจจะไม่ได้อยากสแกนมือเพื่อจ่ายเงิน แต่เลือกที่จะใช้แอปฯ หรือพกเงินสดหมือนเดิม ก็เป็นความสบายใจของใครของมัน ซึ่งปลื้มเชื่อว่ามันก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการใช้เทคโนโลยีแบบนี้

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับเทคโนโลยีเครื่องชำระเงินด้วยฝ่ามือของ Amazon One ที่ตอบโจทย์เรื่องการอำนวยความสะดวกการจ่ายเงินในร้านปลีก เรื่องความปลอดภัย และการเก็บ Data แบบรายบุคคล รวมถึง Cashless society ปลื้มว่าอนาคตคงต้องมีเทคโนโลยีชำระเงินแบบสแกนมือแบบนี้ เกิดขึ้นในไทยบ้างแล้วหละค่ะ สำหรับครั้งต่อไปถ้ามีเทคโนโลยีแบบไหนน่าสนใจ ปลื้มจะมาอัปเดตให้ฟังกันอีกนะคะ

Source : https://www.entrepreneur.com/article/370258?fbclid=IwAR0us63J7G9X_PYQctXISzRKchn6xHZHSrm1e1H2IN-cBqY1PnzX_JUgm8k

Yoswimol

🎡PLEUM | Data Research Executive ในเครือการตลาดวันละตอน | สนใจเรื่องการตลาด ชอบดูการแข่งขันทางการตลาด และเป็นทาสตลาด... ทุกบทความตั้งใจเขียนมาก ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ มันเป็นกำลังใจที่ทำให้อยากเขียนต่อไปเลย☺️

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน