Stemilt เพิ่มมูลค่าให้ผลไม้ธรรมดาอย่างแอปเปิล ด้วยแคมเปญ “ค้นหาตั๋วทองคำ”
วันนี้ปลื้มไปเจอไอเดียดีๆ เลยอยากเอามาเล่าให้ฟังกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับแอปเปิล จากฟาร์ม Stemilt แล้วเกี่ยวอะไรกับการ ‘ค้นหาตั๋วทองคำ’ นั้นก็เพราะว่าก่อนหน้าเขาได้ทำการตลาด โดยการส่งเสริมการขาย แอปเปิลพันธุ์ Raves ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในรัฐวอชิงตันค่ะ ซึ่งมันมีความน่าสนใจตรงที่แอปเปิล ของ Stemilt ได้ดึงดูดผู้บริโภคจำนวนมากให้เข้าร่วมแคมเปญของเขา นั่นจะเกี่ยวกับตั๋วทองคำหรือไม่ เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะว่า
ทำไมแอปเปิล ของ Stemilt ถึงดึงดูดผู้บริโภคได้มากมาย?
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับแบรนด์ Stemilt ก่อนเลย เขาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และช่วงที่ผ่านมานี้ เป็นฤดูกาลที่ แอปเปิลพันธุ์ Raves ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ซึ่งแอปเปิลพันธุ์ดังกล่าว เป็นแอปเปิลระดับพรีเมียม มีคุณภาพ และ ฉ่ำน้ำสุดๆ
แต่ทว่าถ้านำไปวางขายตามท้องตลาด ก็คงจะเป็นแอปเปิลธรรมดาๆ และไม่เป็นที่รู้จัก ดังนั้น แบรนด์ Stemilt จึงได้จัดทำแคมเปญ Golden Raves ขึ้นเพื่อต้อนรับการกลับมาอีกครั้งในฤดูกาลแห่งความสุขนี้ โดยมีการใส่กิมมิคที่น่าสนใจในการดึงดูดผู้บริโภค นั่นก็คือ ‘การค้นหาตั๋วทองคำ’ พอได้ยินแบบนี้แล้ว ใครจะไม่สนใจบ้างล่ะคะ แล้วถ้าสนใจต้องทำอย่างไร เพื่อที่จะเข้าร่วมแคมเปญนี้ได้?
สำหรับการร่วมสนุกในแคมเปญ Golden Raves ผู้เข้าร่วมจะต้อง กรอกชื่อ และ อีเมล เพื่อปลดล็อกตั๋ว ในการ “ขูดหาทองคำ” การขูดแบบดิจิทัลนะคะ หลังจากนั้นก็จะได้รับการแจ้งเตือนทันทีว่าพวกเขาชนะหรือไม่ ถ้าหากว่าเราชนะ ก็จะได้รับรางวัลมากมาย รวมถึง ได้รับแอปเปิลสดๆ ไปทานด้วยค่ะ หลังจากเล่นเสร็จแล้ว ผู้บริโภคสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ เพื่อที่จะดูตำแหน่งของร้านที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ในการเข้าไปรับแอปเปิลพันธุ์ Raves จาก Stemilt ค่ะ
กลยุทธ์ของ Stemilt ที่นำมาสู่แคมเปญ Golden Raves
สำหรับการ ค้นหาตั๋วทองคำ ครั้งนี้ของ Stemilt ได้รับแรงบันดาลใจจากวิลลี่ วองก้า ตัวละครในนิยายของโรอัลด์ ดาห์ล ในเรื่อง Willy Wonka & the Chocolate Factory (1970) ค่ะ แต่แตกต่างกันที่แอปเปิล ของ Stemilt ให้ลุ้นตั๋วแบบดิจิทัล และทั้งแคมเปญเป็น Digital Marketing Campaign ทั้งหมด เพื่อให้วัดผลความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ทั้งนี้เขาใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Nostalgia ที่ใช้ความคุ้นเคยจากอดีต และเน้นกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มมิลเลนเนียล หรือ Gen Y นะคะ เนื่องจากพบว่าคนรุ่นมิลเลนเนียลระลึกถึงความทรงจำได้มากกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ ดังนั้น Stemilt จึงรู้สึกว่าการโน้มน้าวจากความคิดถึงของวิลลี่ วองก้า จะเป็นวิธีที่ค่อนข้างดี ในการดึงดูดกลุ่มนั้นๆ
และกลยุทธ์ที่แบรนด์ใช้ ไม่เพียงแต่ทำการตลาดแบบ Nostalgia เท่านั้น เขายังการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปากผ่าน Influencer ที่ช่วยในการสร้างการรับรู้ เพราะ Influencer เหล่านี้ มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ แอปเปิลพันธุ์ Rave ของ Stemilt กลายเป็นพันธุ์แอปเปิลที่เป็นที่รู้จักและน่าจดจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสั้นๆ นี้
เป้าหมาย และ ความสำเร็จของแคมเปญ
สำหรับแคมเปญดังกล่าวนี้ได้สิ้นสุดไปแล้วในเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้นะคะ ซึ่งเขาหวังที่จะกระตุ้นการรับรู้ถึงแบรนด์ และ ต้องการให้เกิดการซื้อแบบคลั่งไคล้ ในช่วงฤดูกาลสั้นๆ ของแอปเปิลพันธุ์ Raves และ สิ่งที่สำคัญในการจัดแคมเปญขึ้นมาก็คือ การที่เขาให้ลงทะเบียนเพื่อค้นหาตั๋วทองคำนั้น เป็นเพียงการสร้างประสบการณ์ร่วนกันระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ เพราะรางวัลที่แท้จริงสำหรับ Stemilt คือการแบ่งปันแอปเปิ้ลพันธุ์ Rave และมอบของของขวัญบางสิ่งให้กับลูกค้าของเขานั่นเอง
ซึ่ง Stemilt ก็ได้ประสบความสำเร็จกับแคมเปญนี้มากจริงๆ ค่ะ ตั้งแต่การเปิดลงทะเบียน ช่วง 7 สัปดาห์ที่ถูกเผยแพร่อยู่นั้น มีจำนวนที่ถูกแสดงผลของแคมเปญผ่านดิจิทัลมากกว่า 1.6 พันล้าน Impressions และ มีการคลิกลิงก์เกือบ 30,000 ครั้งอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้เขาได้เก็บข้อมูลเชิงลึก จึงได้รู้ว่ามีลูกค้าใหม่กว่า 13,000 คน มาที่เว็บ Stemilt เพื่อต้องการรับสื่อรายเดือนของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จได้เยี่ยมยอดมากๆ
และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของแบรนด์ คือการใช้ Influencer ผู้มีอิทธิพลกว่า 60 คน ทั่วประเทศ อาทิ @buttermilkbysam / @nutritionhappens ที่โพสต์เกี่ยวกับแอปเปิ้ลพันธุ์ Rave ของ Stemilt บนช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ติดตามเข้าร่วมนั้น มีค่า Impressions กว่า 600,000 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาของแคมเปญ และ แบรนด์ได้เข้าไปดูการพูดถึงในคอมเมนต์เหล่านี้ พบว่ามีคำถามจากกลุ่มคนเหล่านั้นว่าจะหาแอปเปิ้ลนี้ได้จากที่ไหน? นั่นทำให้แบรนด์รอไม่ไหว ที่จะจัดแคมเปญขึ้นอีกครั้งเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้ที่ปลื้มอยากบอก คือ แบรนด์ Stemilt เป็นแบรนด์ที่ขายผลไม้สดตามฤดูกาล ธรรมดาๆ ที่สามารถสร้างความสนใจ กระตุ้นการซื้อได้เป็นอย่างมาก เพียงใช้จุดเด่นจากสิ่งที่แบรนด์มี บวกกับกลยุทธ์การตลาดแบบ Nostalgia และ การตลาดแบบปากต่อปากผ่าน Influencer เท่านั้น ก็ทำให้พันธ์ุแอปเปิลสามารถเพิ่มมูลค่าได้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะถึงแม้แอปเปิลจะพรีเมียมมากแค่ไหน ถ้าผู้บริโภคไม่รู้จัก มูลค่าของมันก็อาจจะทำให้ แอปเปิลพันธุ์ Raves กลายเป็นแอปเปิลธรรมดาๆ ไม่ต่างจากพันธุ์อื่นๆ
ซึ่งนักการตลาดสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับแบรนด์ของตัวเองได้ ลองใช้แบรนด์นี้เป็น Reference ดูนะคะ เพราะเขาทำให้ลูกแอปเปิลธรรมดา สามารถสร้างความต้องการได้มากขนาดนี้ แสดงว่าไม่ว่าสินค้าคุณเป็นแบบไหนก็ตาม เพียงมองหาความน่าสนใจ แล้วหยิบมาวางกลยุทธ์ อาจจะทำให้สินค้าของคุณ มีดีมานต์ ความต้องการซื้อมากขึ้นก็เป็นไปได้นะคะ
สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ
Source : https://www.producebluebook.com/2021/10/13/stemilts-finds-success-in-golden-raves-apple-campaign/#