Remarketing Strategy แคมเปญที่ทำ RMKT ให้มีสีสันและไม่น่ารำคาญ
“เบื่อโฆษณานี้ชิบxายเลย เห็นแม่Jทั้งวัน” มีใครเคยพูด หรือ เคยได้ยินประโยคนี้บ้างมั้ยครับ ? อยากบอกว่านี่คือปัญหาระดับชาติที่นักการตลาดทุกคนพยายามรับมือเพื่อหาบาลานซ์ระหว่างการ Remarketing กับการที่ไม่ทำให้ End User รำคาญมาตลอดเลยครับ และวันนี้เบสอยากเอา Case Study ที่ใช้ Remarketing Strategy ที่น่าสนใจมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
ความน่าสนใจของแคมเปญนี้ คือทีมการตลาดสร้างผลงานออกมาได้อย่างไม่ฝืน มีสีสัน และที่สำคัญยังดูน่ารำคาญในสายตาลูกค้าน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสายตาเบสเลยครับ ส่วนในสายตาของทุกคนจะเห็นด้วยกับเบสมั้ย เดี๋ยวเรามารู้จักแคมเปญนี้ไปด้วยกันเลยครับ
โดยแคมเปญนี้เป็นของแบรนด์เครื่องดื่มแฮลกอฮอลล์ Vodka อย่าง Svedka ร่วมมือกับบริษัทเอเจนซี่ Bensimon Byrne ที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา
Remarketing Strategy : Vodka’s banner ad curse
ในช่วงฮาโลวีนปี 2017 Svedka เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่เห็นโอกาสในกระแสที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลนี้ ทั้งในแง่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะให้ความสนใจกับคอนเทนต์ตามเทศกาลเป็นพิเศษ รวมถึงแบรนด์มองว่า การมีเทศกาล ย่อมมีการเฉลิมฉลอง และแอลกอฮอลล์มักอยู่ในช่วงเวลาเหล่านั้นเสมอ
จึงพยายามมองหาความเป็นไปได้ในการทำแคมเปญการตลาดสักอย่างหนึ่งขึ้นมา เพื่อสร้าง Social Voice และ Brand Engagement ให้กับแบรนด์ของตัวเอง
การเริ่มต้นไอเดียของแคมเปญนี้น่าสนใจมากครับ คือการตีความเรื่องของผี ปีศาจ หรือ อสุรกายในช่วงของวันฮาโลวีน ว่ามีอะไรที่หลอนและน่ากลัวมากที่สุด ซึ่งจากการระดมไอเดียของทีมการตลาดทีมนี้ได้ออกมาเป็น การหลอกหลอนที่ดูเหมือนไม่มีสิ้นสุดเนี่ยแหละน่ากลัวที่สุด
มาถึงตรงนี้แล้วมีใครรู้สึกคุ้น ๆ บ้างมั้ยครับ … ใช่แล้วครับ มันเหมือนกับการ Remarketing ที่หนักจัด ๆ จนมีคนบ่นประโยคในช่วงต้นของบทความเป๊ะเลย
และนี่ก็คือหัวใจหลักของแคมเปญนี้เลยครับกับ Remarketing Strategy เกิดเป็นแคมเปญที่มีชื่อว่า Vodka’s banner ad curse โฆษณาที่จะทำให้คุณเหมือนถูกสาปและถูกหลอกหลอนไปตลอดกาล
โดย Execution ของแคมเปญนี้ก็น่าสนใจมากเลยครับ ขอเพียงแค่คุณมีพฤติกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บน Social Media คุณจะมีโอกาสได้เห็นโฆษณาตัวนี้ครับ
แบรนด์จะแทนตัวเองว่าเป็นปีศาจบนโลก Online และมาสื่อสารกับคุณ ซึ่งหากว่าคุณนั่งดูวิดีโอนานกว่า 50% หรือมีการกด Like, Comment, Share คอนเทนต์นี้ แบรนด์จะพาคุณไปเจอกับโฆษณาตัวต่อไป
พร้อมกับข้อความที่ว่า …
You’re Cursed now … ใช่แล้วครับ คุณถูกสาปแล้ว!
คำสาปที่คุณจะโดนคือการถูก Remarketing ด้วย Ads จากปีศาจร้าย ที่จะพาให้คุณไปเจอกับโฆษณาอีกหลายสิบตัวของทางแบรนด์ที่มีข้อความที่ไม่เหมือนกันเลย
จุดที่น่าสนใจที่เบสกล้าบอกว่า ทำให้ความน่ารำคาญของโฆษณาน้อยลงที่สุดคือจุดนี้แหละครับ
อย่างที่เราเห็นกันว่า การเริ่มต้นของการทำโฆษณานี้ไม่ใช่การสื่อสารที่ปล่อยเป็นหนังโฆษณาแล้วคัดย่อให้สั้นลงแบบทั่ว ๆ ไป แต่เป็นการที่แบรนด์พยายามสื่อสารกับ End User โดยที่มี Story telling ที่แทนตัวแบรนด์เป็นปีศาจแล้วนำเรื่องของคำสาปสอดแทรกตามมาด้วย เพื่อเปลี่ยนความหมายการถูก Remarketing ให้ต่างออกไป
โดยเนื้อหาของโฆษณาทั้งหมดจะค่อนไปในเรื่องของสิ่งลี้ลับ ความน่ากลัวต่าง ๆ
นอกจากนี้แล้วโฆษณาแต่ละตัวที่ไม่เหมือนกัน ยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคุณบน Social Media หลังจากที่คุณติดคำสาปด้วยครับ แล้วคำสาปจะเข้ามาตอบโต้คุณด้วยบริบทจากพฤติกรรมบน Social Media นั้นทันที
เช่น หากคุณโพสต์หรือกดติดตามอะไรที่เกี่ยวกับ Vodka ของแบรนด์เจ้าอื่นบน Social Media คุณจะเจอกับโฆษณาตัวด้านล่างนี้
หรือยังมีกรณีอื่น ๆ อีกมากมายเลยครับ วิดีโอด้านล่างนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากวิดีโออีกหลายตัวที่ถูกใช้ในการ Remarketing ไปยังกลุ่มเป้าหมายในช่วงเวลาที่เกิดแคมเปญครับ มาดูกันครับว่ามันหลอกหลอนจนน่ากลัวได้ขนาดไหน
ซึ่งหากคุณต้องการล้างคำสาป Remarketing นี้ คุณจะต้องยอมกดคลิก Url ที่แนบมาพร้อมกับตัวโฆษณาเพื่อ Landing ไปยังหน้า Website ของแบรนด์ แล้วกดแชร์คอนเทนต์ขอแบรนด์ลง Social Media ส่วนตัวของคุณ การหลอกหลอนนี้ก็จะจบลง
แต่ ๆ ถ้าเพื่อนบน Social Media ของคุณผ่านมาเห็นคอนเทนต์ที่คุณแชร์ แล้วบังเอิญกดคลิกเข้าไปดูแล้วละก็ เพื่อนของคุณก็จะถูกสาปด้วยเหมือนกันครับ (สายแกล้งเพื่อนนี่มีสนุกแน่นอนครับ)
แคมเปญนี้ได้รับการพูดถึงและมีการแชร์กันอย่างสนุกสนานจนเกิดเป็น Social Viral อยู่ช่วงเวลาหนึ่งเลยครับ อีกทั้งยังทำให้ Svedka ได้รับการพูดถึงในวงกว้างมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ในช่วงที่เบสรวบรวมข้อมูลก็แอบเห็นอยู่ด้วยว่าฮาโลวีนปี 2022 นี้ Svedka เองก็มีแคมเปญที่น่าสนใจอีกเหมือนกัน ใครสนใจ คลิก ตรงนี้เพื่อเข้าไปดูได้เลยครับ
บทส่งท้าย
อย่างไรก็ตามการ Remarketing เราอาจไม่จำเป็นต้องทำตามแคมเปญนี้ทั้งหมดก็ได้นะครับ เพราะเมื่อพิจารณาดูจริงๆ แล้วก็เป็นแคมเปญที่ใช้ Budget เยอะประมาณหนึ่ง มีการตั้งค่าการ Remarketing ที่ละเอียดมาก และเบสคิดว่าน่าจะมีการใช้เครื่องมือมาช่วยเสริมในการเก็บข้อมูล และ Track พฤติกรรมเยอะมากพอสมควรเลย
สมัยนี้คงติด PDPA และเรื่อง Data Privacy แล้วด้วยครับ 555
แต่ Concept ที่ดีและน่าสนใจเลยคือ การสร้าง Story telling และการสร้าง 2 ways communication ให้คนที่เห็นโฆษณาได้รู้สึกว่าพวกเขากำลังให้ความสนใจเป็นพิเศษ และรู้สึกมีส่วนร่วมที่อินไปกับโฆษณาของเราจริง ๆ
เบสคิดว่า Concept นี้น่าจะช่วยให้การทำโฆษาเพื่อการ Remarketing ของทุกคน ทำให้ End User รำคาญเราน้อยลงได้ไม่มากก็น้อยเลยครับ
ก่อนจะจบบทความ ก่อนจะทำการ Remarketing เบสอยากให้ทุกคนตั้งเป้าหมายไว้ให้ชัดเจนด้วยนะครับว่า การที่เราต้องการให้ลูกค้าเห็นอีกครั้ง “เราทำไปเพื่อต้องการให้เกิด Impact อย่างไรกับกลุ่มเป้าหมายของเราบ้าง”
เพราะว่า ทุกการมองเห็นของลูกค้าจะมีผลต่อ Bias หรือ Perception ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ของเราไปเรื่อย ๆ หากเราใช้สิ่งนั้นอย่างไม่ถูกต้องหรือไม่คุ้มค่า เบสไม่กล้ารับประกันเลยครับว่า จะเป็นผลดีหรือเป็นผลเสียกับแบรนด์แทนกันแน่
จุดตรงกลาง และ ความพอดี เลยสำคัญที่สุดครับซึ่งเมื่อเราเจอตรงกลางแล้ว การทำให้โฆษณามีประสิทธิภาพที่สุดก็คือไส้ในของการสื่อสารของเราแล้วครับว่าจะทำยังไงดี ซึ่งเบสก็เชื่อว่าทุกธุรกิจทุกแบรนด์ก็มีแนวทางเป็นของตัวเองอยู่แน่นอน
หวังว่าแคมเปญนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้เอาไปประยุกต์ใช้ และต่อยอดไอเดียสร้างสรรค์ในการทำแคมเปญการตลาดของทุกคนให้มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้นนะครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ : )
สามารถอ่านบทความอื่น ๆ ของการตลาดวันละตอนได้ที่ คลิก
Ref.
https://www.thedrum.com/creative-works/project/bensimon-byrne-svedka-vodka-banner-ad-curse
https://www.thedrum.com/news/2017/10/17/svedka-vodka-gets-creepy-halloween-with-banner-ads-stalk-users-spooky-campaign
http://glossyinc.com/2017/10/16/svedka-banner-ad-curse/