เมื่อ “ขนส่ง” ไม่ได้ทำแค่ “ส่งของ” แต่ยังทำ “การตลาด” ให้กับร้านค้าด้วย

เมื่อ “ขนส่ง” ไม่ได้ทำแค่ “ส่งของ” แต่ยังทำ “การตลาด” ให้กับร้านค้าด้วย

ปัจจุบันขนส่งเจ้าดังในประเทศไทยมีบริการรองรับให้กับร้านค้าหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งพัสดุด่วน การให้บริการด้านคลังสินค้า การให้บริการทางการเงิน หรือแม้แต่การให้บริการเทคโนโลยี นอกจากนั้นยังเน้นการส่งของแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น ส่งผลไม้, ส่งต้นไม้, ส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ และส่งสินค้าขนาดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งบริการใหม่ ๆ เหล่านี้ก็เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร้านค้าที่เปิดขายในโลกออนไลน์นั้นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน บรรดาบริษัทขนส่งชื่อดังเองก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ “จัดส่งพัสดุ” อย่างเดียวเท่านั้นนะครับ เนื่องจากตอนนี้ขนส่งเริ่มหันไปหาลูกค้าของตนเองมากยิ่งขึ้น และเพิ่มช่องทางหรือเปิดพื้นที่ให้ร้านค้าได้ทำการโฆษณาผ่านช่องทางของขนส่ง ในบทความนี้เราจะมาดูกันครับว่าแต่ละขนส่งเขาทำการตลาดให้กับร้านค้าพันธมิตรอย่างไรบ้าง  

1. ไปรษณีย์ไทย

ไปรษณีย์ไทยมีโครงการที่ช่วยจัดจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เว็บไซต์ Thailandpostmart สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์, SMEs, และผู้ประกอบการ ซึ่งช่องทางดังกล่าวเป็น อี-มาร์เก็ตเพลซ (e-Marketplace) อีกหนึ่งช่องทางในการกระจายสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน และสินค้าโอทอป  นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางรวบรวมสินค้าดี ผลิตภัณฑ์เด่นจากทุกชุมชนทั่วประเทศไทยเลยก็ว่าได้ครับ

นอกเหนือจากการทำเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังเดินหน้าด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการออกงาน “ของดีทั่วไทย พี่ไปรฯ ส่งให้ถึงมือ” ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้ากันได้แบบออฟไลน์ และยังทำการไลฟ์สดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ด้วยเช่นกัน โดยการเปิดให้ลูกค้าพิพ์ CF สินค้าภายในงาน และจัดส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์ไทย

2. SCG Express

ไม่ได้มีเพียงแค่ไปรษณีย์ไทยเท่านั้นนะครับที่เปิดช่องพื้นที่ทางออนไลน์ให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เพราะ เอสซีจี เอ็กซ์เพรส ก็มีพื้นที่ทางออนไลน์ด้วยเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่าง 2 แบรนด์นี้คือ 

  • ไปรษณีย์ไทยเปิดเว็บไซต์แยก เห็นรายละเอียดสินค้าชัดเจน ที่สำคัญคือลูกค้าสามารถสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มได้ทันที
  • เอสซีจี เอ็กซ์เพรสใช้เว็บไซต์ของขนส่งตรง แต่ทำเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ของเว็บไซต์ โดยใช้ชื่อว่า

“สินค้าคุณภาพ” เมื่อกดเข้าไปจะพบกับสินค้ามากมาย แต่จะไม่ลงรายละเอียดสินค้า มีเพียงช่องทางการติดต่อของแบรนด์นั้น ๆ และ ลูกค้าไม่สามารถซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะครับ เพราะยังมีแคมเปญที่ชื่อว่า “ร้านดี…บอกต่อ” เป็นกิจกรรมที่คัดเลือกร้านค้าพันธมิตรมาโปรโมทผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก แฟนเพจ SCG EXPRESS ซึ่งจะทำรูปภาพสินค้า และลงรายละเอียดช่องทางการติดต่อร้านค้าชัดเจน โดยสินค้าจะถูกจัดส่งโดย SCG EXPRESS

3. J&T Express

อีกหนึ่งขนส่งเจ้าดังในไทยก็ทำการตลาดให้กับร้านค้าพันธมิตรด้วยเช่นเดียวกันครับ โดยการดึงหนุ่มมาริโอ้ เมาเร่อ พรีเซนเตอร์ของแบรนด์ และคุณพงศธร จงวิลาส หรือที่เรารู้จักกันในนามดีเจเผือก ขวัญใจวัยรุ่นมาเป็นแขกรับเชิญ ในแคมเปญ “J&T ช่วยขาย” โดยทางขนส่งจะคัดเลือกร้านค้าผู้โชคดีและทำการช่วยไลฟ์สดขายของให้

นอกจากแคมเปญ “J&T ช่วยขาย” แล้ว ยังมีแคมเปญ “J&T ช่วยรีวิว” ที่ดึงร้านค้าพันธมิตรมาโปรโมทผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก แฟนเพจของ J&T Express Thailand โดยลงรูปภาพและรายละเอียดสินค้า พร้อมช่องทางการสั่งซื้ออย่างชัดเจน

จากตัวอย่างขนส่ง 3 แบรนด์ชั้นนำ เห็นได้ชัดเลยครับว่าเป็นวิธีที่เรียกว่าได้ว่า WIN-WIN ทั้ง 2 ฝ่ายเลยครับ ฝั่งของร้านค้าเองได้พื้นที่ในการทำโฆษณา ขยายช่องทางการทำโปรโมท เมื่อขนส่งทำการโปรโมทให้ ร้านค้ามียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น แน่นอนครับว่าด้านขนส่งก็ได้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน เนื่องจากร้านค้าจะมียอดการจัดส่งพัสดุเพิ่มมากขึ้นนั่นเองครับ

ส่วนใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องของโลจิสติกส์ในแง่มุมอื่น ๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ในบทความหน้าผมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะครับ

Sutthikead Chantarachairoj

โมชิ จากโปรแกรมเมอร์ ต่างจังหวัด สู่นักธุรกิจ Startup SHIPPOP.COM ทำรายได้มากกว่า 500 ล้านต่อปี ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา โค้ช และนักลงทุน ให้กับ SME และ Startup ชั้นนำหลายเจ้า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่