Heineken กับ แคมเปญการตลาดที่จะมาหยุดการทำงานของคุณ

Heineken กับ แคมเปญการตลาดที่จะมาหยุดการทำงานของคุณ

วันนี้ผมมีแคมเปญการตลาดของแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง Heineken ที่ใช้วิธีการเข้าไปมีส่วนรวมในชีวิตประจำวันของกลุ่มเป้าหมายในสถานการณ์ปัจจุบันที่เต็มไปด้วยคนทำงานหนักจนเกินเวลาทำงาน โดยสิ่งที่แคมเปญทำไม่ใช่การยัดเยียดการโฆษณาเพียงอย่างเดียวแต่ยังสามารถได้รับการรับรู้และการถูกพูดถึงได้อย่างน่าสนใจเลยครับ

The Closer by Heineken

มีใครกำลังทำงานหนักจนลืมใช้ชีวิตกันอยู่รึเปล่าครับ อาจจะด้วยสถานการณ์โรคระบาด การWFH หรือใดๆก็ตาม ทำให้หลายคนเริ่มแยกไม่ออกว่าตอนไหนเป็นเวลาทำงาน เวลาไหนพักผ่อน เพราะอินเทอร์เน็ตที่ทำให้เราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ด้วย

Heineken ประจำสหรัฐอเมริกา มองเห็นในจุดที่แยกออกจากกันไม่ออกนี้ และมองเห็นพฤติกรรมของกลุ่มพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องทำงานล่วงเวลา จนไม่ได้มีโอกาสไปสังสรรกับเพื่อนอย่างที่เคย

อีกทั้งหลายคนยังตกอยู่ในสถานการณ์ทำงานในที่ต่างๆ เช่น ไปเที่ยวต่างจังหวัดแต่ยังต้องพกคอมไป อยู่ที่ร้านเหล้ากับเพื่อนแล้วแต่ยังต้องประชุมงาน การทำงานบนรถไฟฟ้า ทำงานบนรถแท็กซี่

ในฐานะแบรนด์ ที่สื่อสารเรื่องของการยืนหยัดเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งการเชื่อมต่อที่แบ่งปันกับผู้อื่นของแบรนด์ จึงได้มีการดึงจุดเหล่านั้นมาจัดทำเป็นแคมเปญเพื่อให้คนสามารถกลับมาเชื่อมต่อกันได้อีกครั้ง เพื่อช่วยลดความเครียดและความกดดันจากการทำงานให้กับกลุ่มเป้าหมายทุกคนด้วย

ออกมาเป็นแคมเปญ The Closer ที่มีการนำอุปกรณ์ IoT มาใช้เป็นที่เปิดขวด ที่เมื่อใช้เปิดขวดแล้ว หากใครที่กำลังทำงานหน้าคอมพิวเตอร์อยู่โปรแกรมที่ใช้ทำงานต่างๆจะปิดตัวลงทันที ใกล้เคียงกับการเข้า Sleep mode ผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อให้คนหยุดทำงานแล้วหันมาใช้เวลากับคนรอบข้างๆ หรือเพื่อนๆที่ไป Hang out ด้วยกัน

นอกเหนือจาก The Closer ที่เป็นพระเอกแล้ว ยังได้มีการเชิญ Billy Eichner นักแสดงและนักแสดงตลก, Austin Evans Influencer สายเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในงานเปิดตัวและหนังโฆษณา เพื่อให้เป็นทั้งแม่เหล็กในการดึงดูดให้คนมาสนใจในแคมเปญ และเป็นเครื่องยืนยันว่า อุปกรณ์นี้สามารถใช้ได้จริง ไม่ได้แค่ทำเพื่อการตลาดอย่างเดียว

ทั้งยังจะมีการแจก The Closer ให้กับลูกค้าได้ลองนำไปใช้จริง ในวันที่ 8 มิ.ย.65 ตามเวลาอเมริกาอีกด้วยครับ ผมเองอยากเข้าไปดูรีวิวเลยว่าตัวเครื่องจะใช้งานได้ยังไงบ้าง

เท่านั้นยังไม่พอทางแบรนด์ยังมีแผนที่ตั้งใจจะจ่ายเงินให้กับพนักงานคนไหนที่มีการวางวันไม่ทำงาน หรือ ไม่มีการประชุมในปฏิทินของตัวเอง แล้วไปใช้เวลามีความสุขกับเพื่อนๆ หรือ คนรอบตัวของตัวเอง สูงสุดคนละ 20 USD เลยทีเดียว

เรียกได้ว่าเป็นแคมเปญที่ออกมา Call out ให้คนพักจากงานแล้วหันมาเชื่อมต่อกัน กลับมามี Work life balance ที่จะช่วยให้ชีวิตมีความสุขขึ้นได้ สมกับสโลแกน for a fresher world ของ Heineken เลยละครับ

บทสรุป

ผมมองว่าแคมเปญนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำ Insight ในสถานการณ์ที่กลุ่มเป้าหมายกำลังเจอ และพฤติกรรมพวกเขาเหล่านั้นกำลังทำ มาประยุกต์ใช้เป็นแคมเปญการตลาดได้อย่างดีครับ

เพราะการทำแคมเปญที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใน ณ ช่วงเวลาปัจจุบันที่สุด จะช่วยเพิ่มแรงดึงดูดและความสนใจให้กับแคมเปญของเราพอสมควรเลยครับ อีกทั้งยังทำให้การรับสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสารนั้น ถูกเปิดรับง่ายขึ้นด้วยครับเพราะเป็นเรื่องที่พวกเขากำลังเผชิญและสนใจอยู่ หรือเกิดความรู้สึกร่วมเลยว่า นั่นคือชีวิตของพวกเขาจริงๆ

อีกส่วนหนึ่งที่ผมมองว่าเป็นตัวอย่างที่ดีไม่แพ้กัน คือ การพยายามทำให้แคมเปญ ดูจับต้องได้จริงๆ ผ่านสื่อกลางที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชัดกับสินค้าของเราที่ถูกเลือกมาอย่างฉลาดเลยทีเดียวครับ หรือก็คือ “ที่เปิดขวด” พระเอกของแคมเปญ

ข้อดีของส่วนนี้ผมมองว่ามัน คือ การทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณาของเรานอกจากที่จะได้รับสิ่งที่เราจะสื่อแล้ว พวกเขายังสามารถเข้าใจว่ามันจะเป็นยังไงต่อ หรือ สามารถเอาไปทำอะไรต่อได้ ไม่ใช่แค่การรับรู้เหมือนการเห็นคอนเทนต์ตาม Social Media ทั่วๆไป ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

นำไปสู่การมี ประธาน กริยา กรรม และผลลัพธ์ของกรรม ที่เห็นภาพชัดเจนมากๆ ในคำ Keyword ที่ทำให้เราจำได้ในแคมเปญนี้ เช่น เบียร์Heinekenมีที่เปิดขวด ที่ทำให้คอมดับ ให้เราจะได้มีเวลาไปกินเบียร์กับเพื่อน เท่านี้ก็ทำให้ข้อความของแคมเปญชัดเจนและแข็งแรงขึ้น หรือ ถูกจดจำได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง

นอกเหนือจากนั้นแล้ว ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่ได้รับ The Closer ไปนี้จะต้องลองอยากนำไปใช้ดูบ้าง นำไปสู่การรีวิว การพูดถึง การแชร์ให้คนในแวดวงสังคมของตัวเองรับรู้อย่างแน่นอนครับ

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ 🙂

สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับการทำการตลาดของแบรนด์นี้ของการตลาดวันละตอน ได้ที่ คลิก

Ref.

Watcharapon Kittipodpong

ลงมือเขียนเพื่อทบทวน และเข้าใจตัวเอง คนที่สนใจ Marketing คนหนึ่งที่อยากส่งต่อเหมือนที่ได้รับมา หวังว่าสิ่งที่เขียนจะมีประโยชน์กับคนอ่านทุกคนนะครับ :)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่