เทรนด์ Health & Wellness – Work ไร้ Balance สู่ Work Life Balance +120%
เชื่อว่านักการตลาดหลายคนน่าจะเห็นด้วยกับนุ่นว่า หนึ่งสิ่งที่ส่งผลต่อการเลือกใช้จ่ายของผู้บริโภคคือสภาวะเศรษฐกิจและเทรนด์เป็นหลัก และนอกเหนือจากงานวิจัย แบบสำรวจอื่น ๆ นุ่นชอบอ่านจากทีม Twitter หรือ Adweek ค่ะ
ซึ่งเป็น Social Platform แห่งเทรนด์อีกแพลตฟอร์มหนึ่งเลย สามารถนำเป็นแหล่งอ้างอิงประกอบกับข้อมูลอื่น ๆ เพื่ออัปเดตกับแบรนด์ได้ดี
หลังจากเหตุการณ์ช่วง 2-3 ปีมานี้ไม่มีใครไม่คิดเรื่องสุขภาพ เทรนด์ Health & Wellness เปลี่ยนไปพอสมควรเพราะทุกคนต้องการเป็นผู้รอด หรือสามารถฟื้นตัวจากโรคระบาดให้ได้เร็วและยั่งยืนที่สุด เราจะเห็นอยู่บ่อย ๆ ในแง่การออกกำลังกาย ดูแลโภชนาการ
บวกกับหลายคนต้อง Work From Home จนทำให้มีสภาวะ Work ไร้ Balance เพราะยังไม่คุ้นชินกับเวลาทำงานที่บ้าน หรือสภาพแวดล้อมโดยรวมไม่อำนวยให้แยกงานออกจากชีวิตส่วนตัวได้ก็ตาม มาดูกันว่าแบรนด์จะต้องเลือกเจาะเทรนด์ไหนให้ตรงเป้า
ตอนนี้ลูกค้าของเรากำลังอินกับเทรนด์ไหนกันแน่ มีประเด็นด้านสุขภาพจุดไหนที่เราสามารถนำมาเป็นโอกาสทางการตลาดได้บ้าง? ลองอ่านจากไฮท์ไลต์สำคัญของรายงานจาก Adweek X Twitter กันนะคะ
ซึ่งรายงานดังกล่าวสำรวจจากฐานข้อมูลผู้ใช้ในประเทศ US แต่เชื่อว่าไม่ไกลจากเทรนด์ไทยขนาดนั้นแน่นอน
งด Toxic เน้นการตลาดเชิงบวก สายซัพพอร์ต
ตอนนี้แค่สถานการณ์ข้างนอกก็แย่พออยู่แล้ว ผู้บริโภคกลุ่ม wellness กำลังเทไปอินทางกลยุทธ์เชิงบวก ถ้าแบรนด์สามารถทำแคมเปญซัพพอร์ตได้จะยิ่งได้ใจสายสุขภาพ ณ ปัจจุบันไปเต็ม ๆ จะเห็นว่า อันดับ 1 #Motivate Yourself
นุ่นมองว่าตอนนี้แบรนด์ควรส่งเสริมให้คน Motivate ตัวเองให้สุดไปเลยค่ะ ขอยกตัวอย่างแคมเปญที่ทำได้ดี แม้จะไม่ใช่เรื่องสุขภาพโดยตรง แต่ก็สามารถจุดไอเดียให้ได้แน่นอนค่ะ
ตลาด Health & Wellness เป็นของผู้ชายและผู้หญิงเท่า ๆ กัน
นุ่นเองก็อ่านรายงานและทำงานกับ Social Data มาซักพัก เท่าที่เห็นคือน้อยมากที่ Conversations จะมาจากเพศชาย เพราะส่วนมากเพศที่บ่น ระบายบนโซเชียลผู้หญิงจะเยอะกว่ามาตลอด
ตอนนี้แบรนด์ต้องอัปเดตข้อมูลใหม่แล้วล่ะค่ะ อ้างอิงจากรายงานของ Adweek
ทำให้สัดส่วนของการพูดถึงเรื่อง wellness ของผู้ชายคิดเป็น 49% ในต้นปีนี้ค่ะ
แสดงว่าความสนใจมีเท่า ๆ กันแล้ว นักการตลาดลองทบทวนกลยุทธ์เดิมกันอีกครั้งว่าคอนเทนต์สุขภาพจ๋าของเราเน้นสาว ๆ ไปหรือเปล่าอาจจะปิดโอกาสการขายและยอด Engage ก็เป็นได้ค่ะ
ทีนี้เรามาดูข้อมูลเจาะลึกอีกว่าทั้ง 2 กลุ่มมีความสนใจ wellness เรื่องเดียวกันไหม เพื่อให้แผนการตลาดเราแม่นยำขึ้นอีก
คุณผู้ชาย Dieting +88% คุณผู้หญิง Work Life Balance +120%
อ๋า เมื่อมาแยกดูจริง ๆ แล้วแม้จะหันมาสนใจเรื่องสุขภาพเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เน้นเรื่องเดียวกันนะคะ จากข้อมูลด้านบนได้บอกตัวเลขชัดเจนเกี่ยวกับเทรนด์ ผลิตภัณฑ์ที่ชู Dieting เอียงมาทางเพศชายบ้างเป็นทางที่น่าสนใจเลย
ส่วนเรื่อง Work Life Balance +120% ถูกเน้นมาจากเพศหญิงนี่เองค่ะ อาจจะเพราะครอบครัวส่วนใหญ่ยังให้แม่เป็นผู้จัดการเรื่องในบ้านและอื่น ๆ ทำให้รู้สึกถูกเบียดเบียนเวลาส่วนตัวไปค่ะ
หรือเพราะสถานการณ์โรคระบาดทำให้แผนของทุกแบรนด์ต้องปรับเปลี่ยน แพลตฟอร์ม Social Media ที่เคยเน้นอาจไม่พอ บริษัทปรับคนเข้าออก หน้าที่การงานต้องทำให้ดี ยอดตกลูกค้าหายก็เก็บมาคิดเครียดตาม ๆ กัน ไม่รู้ใครเป็นเหมือนนุ่นไหม ช่วงที่แน่น ๆ นอนฝันถึงงานหลายวันติดกันก็มีค่ะ
อาจมีส่วนให้เทรนก์ดังกล่าวถูกพูดถึงมากขึ้น เพราะไม่มีใครไม่ได้รับผลกระทบ ช่วงปลายของวิกฤติเราเลยมองหาทางออกสมดุลชีวิตส่วนตัวและการทำงานอย่างเหมาะสมกับทุกฝ่ายมากเป็นอันดับ 1
และนี้คือทั้งหมดที่นุ่นหยิบมาแชร์ให้นักการตลาดในวันนี้ค่ะ ถ้าชอบให้นุ่นอัปเดตเทรนด์ล่าสุดแบบนี้ อย่าลืมกดติดดาวเพจการตลาดวันละตอน และล่าสุดเรามี IG แล้วนะ @everydaymarketing.co พร้อมรูปแบบคอนเทนต์ใหม่ ‘สรุปคอนเทนต์การตลาดวันละตอน’ ถูกใจหลาย ๆ คนแน่นอนค่ะ